ผมทะเลาะกับน้องเรื่องใช้ชีวิตในช่วงวัยรุ่น

คือน้องผมตอนนี้อยู่ม.3 แล้วโดยปกติก็เป็นคนที่ไม่ได้เอาอะไรกับการเรียนเท่าไร จะบอกว่าสายกิจกรรมก็ไม่ใช่เพราะกิจกรรมรร.ก็เขาดูไม่ค่อยสนใจ ตั้งแต่อยู่ปฐม แล้วยิ่งเป็นช่วงวัยรุ่นก็แน่นอนว่าความเป็นตัวเองมันก็มีมากขึ้นก็ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เริ่มมีตั้งแต่ม.1-2 เช่น ไม่ไปเรียนบ้าง งานไม่ส่งเลยจนติดศูนย์ แล้วช่วงนี้ม.3 ก็มีไปเที่ยวกับเพื่อนบ่อย บ้างครั้งก็ไปนอนบ้านเขาแล้ววันเรียนก็ไม่ไป มีดูดบุหรี่บ้าง เอาง่ายๆก็เริ่มเสเพลตามประสาวัยรุ่น แล้วก็โดนตัดคะแนนความประพฤติเป็นว่าเล่นจนต้องเข้าค่ายปรับพฤติกรรม ซึ่งที่ผ่านมาผมในฐานะพี่ก็พยายามบอกเขาดีๆ ลองตกลงหาแนวทางต่างๆ ลองปรับวิธีหลายๆแบบ โดยเลี่ยงการใช้อารมณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะน้องเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว อารมณ์เสียง่าย ซึ่งที่จากที่คุยๆ เขาก็บอกเหตุผลว่าช่วงนี้อยากใช้ชีวิต"ชิวๆ" เดี่ยวจบม.3 ก็ไปต่อสายอาชีพ หางานทำ ไรต่างๆ บราๆ ผมก็คือไม่ได้ไม่ฟังเลยแต่เพียงแต่ว่า ถ้าจะมาเวย์นี้จะอยากชิวอยากทำไร งั้นอย่างน้อยก็รับผิดชอบการเรียนนิดนึง ไปโรงเรียนบ่อยๆ จะได้ไม่ต้องเสียตังค์เข้าค่าย(ฐานะการเงินบ้านผมไม่ดี) พยายามส่งงานหน่อย จะได้เรียนจบๆแล้วอยากไปสายอาชีพที่สนใจก็ไม่ว่า เพราะก็เข้าใจอยู่ว่าที่น้องเรียนอยู่มันก็อาจไม่ใช้แนวเขาก็ได้ แบบไม่ได้เป็นสายเด็กวิชาการไรเงี้ย 
       
         ประเด็นคือทุกครั้งที่ผมกับน้องคุยกันหาข้อตกลงเหมือนจะดูดี แบบโอเคใช้ชีวิตเต็มที่แต่รับผิดชอบหน้าที่ไปหน่อยด้วย แต่สุดท้ายผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์น้องเขาก็กลับมาใช้ชีวิตไปรร.บ้างไม่ไปบ้างแบบเดิมไม่เอาไรแล้วนอกจากความสุขในแบบของเขาแล้วผมก็มาคุยกับน้องใหม่ซ้ำเรื่อยๆ จนล่าสุดผมไม่ไหวแล้ว ก็เผลอใช้อารมณ์ทะเลาะกับน้องแรงพอตัว(ไม่ได้ตีกันนะครับ เถียงกันเฉยๆ) เขาบอกว่าไม่ต้องยุ่งหรอก ขอใช้ชีวิตชิวๆในแบบของเขา โตไปเดี๋ยวเขาก็เปลี่ยนเอง คือเราก็อยากจะเชื่อใจอยู่หรอก แต่คำว่าเชื่อใจนี้มันไม่มีแล้วจริงๆ เพราะให้ไปหลายรอบและมันก็เสียความเชื่อใจทุกครั้ง แล้วที่ผ่านมาผมไม่เห็นว่าน้องเขาจะเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองอะไรได้เลยแค่เรื่องเล็กๆอย่างตึ่นเช้าหน่อยไปรร.ไปให้ไม่สาย ซึ่งเขายังเปลี่ยนไม่ได้ทุกวันนี้เขายังตื่นเองไม่ได้เลยต้องให้ผมปลุกให้ตลอด แล้วก็บอกว่าเขาจะทำใช้ชีวิตยังไงก็ได้ไม่เห็นว่าจะเดือดร้อนคนอื่น แต่คือตอนเขาไปเข้าค่ายปรับพฤติกรรมก็ต้องเสียงานก็เป็นค่าใช้จ่าย คุณครูร้องเรียนเรื่องน้องไม่ไปรร.ใครเป็นคนรับผิดชอบ? แล้วก็เข้าใจว่าอยู่บ้านมันเบื่ออยากออกไปข้างนอกแต่ออกไปแทบทุกวันเสียเงินเพิ่ม 100-200 ต่อวัน กลับห้องมาห้องก็มีกลิ่นบุหรี่คลุ้งไม่อาบน้ำ เรื่องพวกนี้ผมอยากมองข้ามนะแต่มันเห็นๆอยู่ว่ามันเป็นปัญหา แล้วจะให้บอกไม่เดือดร้อนคนอื่นได้ไง 

          ซึ่งตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะยังไงต่อดี ผมอาจจะเจ้ากี้เจ้าการมากไปรึป่าวแต่ผมที่ผ่านมาไม่ได้พยายามบังคับให้เขาเปลี่ยนการใช้ชีวิตไปเลยหรืออะไร แต่ค่อยๆพัฒนากันไป หรือเรื่องแบบนี้คงต้องปล่อยให้เวลาเปลี่ยนเขาเอง หรือยังไง แล้วเดี๋ยวผมต้องไปย้ายไปอยู่กทม.เพื่อไปเรียนต่อมหาลัยแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเขาจะดูแลตัวเองได้ป่าว ก็เลยอยากได้ความคิดเห็นของเพื่อนๆหน่อยครับ 

เพิ่มเติม: ความสัมพันธ์ในครอบครัว
   ถ้าไม่นับเรื่องนี้ โดยปกติน้องกับแม่หรือพ่อก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เขาไม่ได้อยู่กับผมและน้องบ่อยเท่าไรเพราะเรื่องงานและเรื่องปัจจัยอื่นๆ การที่ผมจะหาโอกาสคุยกับเขาเพื่อหาแนวทางเกี่ยวกับน้องก็เป็นไปได้ยาก
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ครอบครัว ปัญหาครอบครัว ปัญหาวัยรุ่น ปัญหาชีวิต
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่