เห็นหลายคนยังสงสัยในปมต่างๆที่ไม่เฉลยบ้างไปไม่สุดบ้าง ผมว่าพล็อตมันใหญ่รายละเอียดมันเยอะ หนังทำออกมาซ่อนไว้ลึกไปหน่อย เลยมาย้อนคิดได้ออกมาเท่านี้ ใครดูแล้วเก็บรายละเอียดหรือแนวคิดอะไรอีกได้หรือคิดไม่ตรงกับผมก็ช่วยมาเล่าๆๆ กลับไปดูอีกจะได้เข้าใจปมมากขึ้นหรือต่างออกไปครับ
ฝนเฟิร์นคู่นี้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนวัยเด็ก แต่อยู่และเติบโตมาด้วยกันหรืออาจจะเป็นญาติกันด้วยซ้ำ ดูจากที่ครอบครัวฝนอาศัยอยู่ในฟาร์มตามปกติของคนบ้านนอกที่มักจะให้ญาติมาทำงานด้วย ถึงได้เห็นความเครียดของทั้งคู่ตอนที่อามาบอกให้ขาย “ถ้าขายฟาร์มแล้วเค้าจะไปอยู่ที่ไหน” ที่เฟิร์นพูดกับย่าและ”อายุขนาดนี้ที่ไหนจะรับเข้าทำงาน” ที่พ่อฝนพูดและเฟิร์นได้ยิน ทำให้การตัดสินใจขายขายฟาร์มมันยากขึ้นไปอีก ทำให้จากตอนแรกที่เฟิร์นไม่ได้คิดว่าเพลงจะช่วยอะไรแต่ก็กลับมานึกได้ว่าพ่อก็เคยบอกเหมือนกัน เลยมาระลึกถึงวิธีการเล่นที่ลืมไปแล้วในฉากยกมือขึ้นบนท้องฟ้าทำนิ้วตามเพลง แต่ตอนฝนชวนลงเฟิร์นไปในน้ำฟังไม่ทันว่าพูดว่าอะไรตรงนี้ยังไม่เก็ต เฟิร์นก็นอนสบายใจอยู่บนสะพานดีๆอยู่แล้ว กับตอนที่ฝนพาเฟิร์นเดินหนีอาในตอนแรกมันไม่น่าจอยขนาดนั้น เอามาไว้ตอนที่วัวให้นมได้แล้วตอนหลังอารมณ์จะสมูทกว่านะ
นาวไอริณ ไอริณเป็นคนที่รู้สึกว่าทำไมต้องคอยทำอะไรตามใจคนอื่น พอมาเจอนาวเทคแคร์ดี+น้ำบ๊วยเข้าไปก็เลยตกหลุมรักง่ายๆ ตอนหลังรู้ว่าแม่รักแค่ไหนน่าจะรู้สึกดีมากๆ
ปรางมิว ในขณะที่ปรางบอกว่า“ที่มาขับรถเพราะเผื่อจะเจอมิว” กลายเป็นมิวซะอีกที่รู้ว่าปรางจะมารับชีสที่ฟาร์มสเตย์วันไหนเวลาไหน ถึงกับซื้อตั๋วรถไฟได้ถูกวันและเหลือเวลาอีกหน่อยไว้เคลียใจกัน มิวคงยังสับสนกับเรื่องความสัมพันธ์อยู่เพราะปากพูดว่าไม่อยากเป็นแบบนี้(จำไม่ได้ว่าในหนังพูดว่าอะไรแต่ก็ประมาณนี้) แต่ในใจยังรู้สึกดีก็เลยอยากถามให้แน่ใจก่อนจะตัดสินใจ และมิวอาจจะสร้างเรื่องแฟนที่กรุงเทพมาลองใจปรางก็ได้นะ เพราะถูกปรางถามก็ตอบไม่เนียนเท่าไหร่ อีกอย่างตามประสาเด็กสาวบ้านนอกที่อยากมาทำงานเมืองหลวง แต่ก็”ไม่เห็นมีใครทักท้วงหรือห้ามปราม” คงอยากให้ปรางห้ามจริงจังแหละ พอปรางปล่อยให้ไปถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น
แพทเมจิตอนนี้เล่าเรื่องดีเข้าใจง่ายเฉลยปมหมดอยู่แล้วไม่มีอะไรให้คิดต่อ
**** สปอยล์ทุกตัวอักษร **** พี่สาวชีส ใครดูแล้วเก็บรายละเอียด ปมต่างๆ คิดอะไรได้ มาคุยกัน
ฝนเฟิร์นคู่นี้ไม่ได้เป็นแค่เพื่อนวัยเด็ก แต่อยู่และเติบโตมาด้วยกันหรืออาจจะเป็นญาติกันด้วยซ้ำ ดูจากที่ครอบครัวฝนอาศัยอยู่ในฟาร์มตามปกติของคนบ้านนอกที่มักจะให้ญาติมาทำงานด้วย ถึงได้เห็นความเครียดของทั้งคู่ตอนที่อามาบอกให้ขาย “ถ้าขายฟาร์มแล้วเค้าจะไปอยู่ที่ไหน” ที่เฟิร์นพูดกับย่าและ”อายุขนาดนี้ที่ไหนจะรับเข้าทำงาน” ที่พ่อฝนพูดและเฟิร์นได้ยิน ทำให้การตัดสินใจขายขายฟาร์มมันยากขึ้นไปอีก ทำให้จากตอนแรกที่เฟิร์นไม่ได้คิดว่าเพลงจะช่วยอะไรแต่ก็กลับมานึกได้ว่าพ่อก็เคยบอกเหมือนกัน เลยมาระลึกถึงวิธีการเล่นที่ลืมไปแล้วในฉากยกมือขึ้นบนท้องฟ้าทำนิ้วตามเพลง แต่ตอนฝนชวนลงเฟิร์นไปในน้ำฟังไม่ทันว่าพูดว่าอะไรตรงนี้ยังไม่เก็ต เฟิร์นก็นอนสบายใจอยู่บนสะพานดีๆอยู่แล้ว กับตอนที่ฝนพาเฟิร์นเดินหนีอาในตอนแรกมันไม่น่าจอยขนาดนั้น เอามาไว้ตอนที่วัวให้นมได้แล้วตอนหลังอารมณ์จะสมูทกว่านะ
นาวไอริณ ไอริณเป็นคนที่รู้สึกว่าทำไมต้องคอยทำอะไรตามใจคนอื่น พอมาเจอนาวเทคแคร์ดี+น้ำบ๊วยเข้าไปก็เลยตกหลุมรักง่ายๆ ตอนหลังรู้ว่าแม่รักแค่ไหนน่าจะรู้สึกดีมากๆ
ปรางมิว ในขณะที่ปรางบอกว่า“ที่มาขับรถเพราะเผื่อจะเจอมิว” กลายเป็นมิวซะอีกที่รู้ว่าปรางจะมารับชีสที่ฟาร์มสเตย์วันไหนเวลาไหน ถึงกับซื้อตั๋วรถไฟได้ถูกวันและเหลือเวลาอีกหน่อยไว้เคลียใจกัน มิวคงยังสับสนกับเรื่องความสัมพันธ์อยู่เพราะปากพูดว่าไม่อยากเป็นแบบนี้(จำไม่ได้ว่าในหนังพูดว่าอะไรแต่ก็ประมาณนี้) แต่ในใจยังรู้สึกดีก็เลยอยากถามให้แน่ใจก่อนจะตัดสินใจ และมิวอาจจะสร้างเรื่องแฟนที่กรุงเทพมาลองใจปรางก็ได้นะ เพราะถูกปรางถามก็ตอบไม่เนียนเท่าไหร่ อีกอย่างตามประสาเด็กสาวบ้านนอกที่อยากมาทำงานเมืองหลวง แต่ก็”ไม่เห็นมีใครทักท้วงหรือห้ามปราม” คงอยากให้ปรางห้ามจริงจังแหละ พอปรางปล่อยให้ไปถึงได้ร้องไห้ขนาดนั้น
แพทเมจิตอนนี้เล่าเรื่องดีเข้าใจง่ายเฉลยปมหมดอยู่แล้วไม่มีอะไรให้คิดต่อ