กลอนแต่งเอง เกี่ยวกับผู้สอนธรรม และผู้ศึกษาธรรม เขียนไว้เมื่อประมาณ 30 ปีมาแล้ว

ส่วนที่ 1
       เข้าใจจริงในธรรมที่กล่าวสอน       จะสะท้อนเป็นปีติให้สดใส
แต่อย่ายึดติดผู้สอนจนคลั่งไคล            เพราะจะไกลจากธรรมอันแท้จริง
เพียงปฏิบัติตามมิให้ผิด                       ใช้สติปัญญาพิจารณาทุกสิ่ง
เข้าถึงธรรมเป็นธรรมจริงจริง                 จะไม่หลงวิ่งยึดติดตัวตนบุคคล

ส่วนที่ 2
   ธรรมควรน้อมนำมาเป็นหลัก                 ไม่จมปลักเชื่อในตัวบุคคล
ถึงกล่าวธรรมแต่หลอกลวงไม่หลงกล       ไม่นำตนไปบำเรอผู้กล่าวธรรม
ผู้มีธรรมสอนธรรมด้วยใจแน่                     มิเห็นแก่ลาภยศที่น้อมนำ
เพราะรู้เข้าใจในผลของกรรม                   ที่จะทำให้เศร้าหมองมิถึงที่สุด(นิพพาน)

กลอนอาจจะไม่สัมผัสดี และไม่สละสรวย แต่ใจความสือความหมายอย่างตรงๆ

หมายเหตุ กลอนนี้ในสมัยนั้น มีการสอนธรรมผิดๆ และสร้างอาณาจักรตนกลุ่มตนขึ้นมา แต่ในสมัยนี้ ด้วยเหตุยุคนี้มีผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์บรรยาธรรม หลงไปว่าสอนธรรมถูกตามจินตมยปัญญา  แต่กำลังสร้างอกุศลกรรมโดยไม่รู้ตัว ด้วยมีเจตชีนำ
     1.ไม่ให้ผู้คนไปปฏิบัติธรรม
     2.ไม่ควรบวชชี  หรือขีพราหม์
     3.การบริจากเพื่อการสร้างสำนักปฏิบัติธรรม เป็นการทำลายพุทธศาสนา
     4.การเจริญสมาธิระดับ ฌาน เป็น มิจฉาสมาธิ
  ทั้ง 4 นั้นทำให้มีผู้หลงไปเชื่อตามด้วย ร่วมกันทำอกุศลกรรมโดยไม่รู้ตัวนั้นเอง.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่