JJNY : ‘ศูนย์ทนายฯ’ ผุดแฮชแท็ก| “ตรีชฎา”จวก“อนุทิน”| “โรม” เยือนอีสาน|‘เจ้าสัวสหพัฒน์’ ชี้เทรนด์ ‘ราคาสินค้า’ ยังขาขึ้น

‘ศูนย์ทนายฯ’ ผุดแฮชแท็ก – ชวนปชช.จับตา ‘จนท.คุกคาม’ ช่วงประชุมเอเปค หลังนักกิจกรรมถูกตามเช็ก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3670479
 
 
‘ศูนย์ทนายฯ’ ผุดแคมเปญ ชวนปชช.ติดแฮชแท็ก #จับตาละเมิดสิทธิAPEC2022 – จ้อง ‘จนท.คุกคาม’ ช่วงประชุมเอเปค หลังมีนักกิจกรรมถูกตามเช็ก
 
สืบเนื่องรัฐบาลไทย เป็นเจ้าภาพการประชุมการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค 2022 ครั้งที่ 29 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนนี้ โดยคืนวานนี้ (11 พ.ย.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่ตามนัยมาตรา 8 (5) แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็นผู้ลงนาม ห้ามชุมนุมรอบพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์-19 โรงแรมทั่วกรุง ในช่วงประชุมเอเปค (อ่านข่าว : ‘บิ๊กตู่’ ออกประกาศห้ามชุมนุมรอบพื้นที่ศูนย์สิริกิติ์-19 โรงแรมทั่วกรุง ช่วงประชุมเอเปค)
 
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนประชาชน ร่วมติดแฮชแท็ก (Hashtag) #จับตาละเมิดสิทธิAPEC2022  #KeepAnEyeOnAPEC2022 ผ่านทางโซเชียลมีเดีย เพื่อร่วมปกป้องสิทธิของประชาชนจากการถูกคุกคามในช่วงการประชุมเอเปค 2022 ระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายนนี้

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ชวนจับตาสถานการณ์การคุกคามของเจ้าหน้าที่รัฐช่วงเอเปค ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีรายงานสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐเข้าติดตามเครือข่ายภาคประชาสังคมในจังหวัดต่างๆ รวมทั้งกลุ่มนักกิจกรรม หรือนักศึกษา ที่เคยมีประวัติเคลื่อนไหวทางการเมือง ทั้งโดยการไปถึงที่พักส่วนตัว ที่ทำงาน หรือโทรศัพท์ติดต่อ เพื่อพยายามตรวจเช็กความเคลื่อนไหวหรือสอบถามข้อมูลในช่วงก่อนการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation หรือ เอเปค) ครั้งที่ 29 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14-19  พฤศจิกายน 2565 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยเป็นการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในวันที่ 18-19 พฤศจิกายนนี้
 
ขณะเดียวกัน ภาคประชาชนหลายส่วนในนาม #ราษฎรหยุดAPEC2022 ยังร่วมกันคัดค้านการประชุมเอเปค ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนผูกขาด และส่งผลกระทบต่อการแย่งยึดทรัพยาการจากประชาชน รวมถึงเหตุผลด้านความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล โดยเตรียมการจัดเวทีคู่ขนานและร่วมกันรณรงค์ถึงปัญหาการประชุมเอเปคต่อไป
 
ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนชวนติดตามจับตาสถานการณ์ ในช่วงสัปดาห์การประชุมเอเปคที่จะมาถึง หากประชาชนคนใดถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตามคุกคาม ถูกข่มขู่-ปิดกั้นการแสดงออกหรือการชุมนุมโดยสงบ สามารถแจ้งเรื่องร้องเรียนมาที่เพจหรือทางเบอร์สายด่วนของ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รวมทั้งร่วมกันโพสต์บอกเล่าเรื่องราวการถูกคุกคามของตนเอง โดยการติดแฮซแท็ก #จับตาละเมิดสิทธิAPEC2022 #KeepAnEyeOnAPEC2022 ประกอบการติดตามสถานการณ์
  

 
“ตรีชฎา” จวก “อนุทิน” แก้ประกาศ สธ.คุมดอกกัญชาไม่ได้ผล
https://www.innnews.co.th/news/news_447646/

“ตรีชฎา” จวก “อนุทิน” แก้ประกาศ สธ.คุมดอกกัญชาไม่ได้ผล ยันต้องควบคุมใช้ทางการแพทย์เท่านั้น
 
นางสาวตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 ให้ควบคุมเฉพาะช่อดอกกัญชาเมื่อวันที่ 11 พ.ย.65 ที่ผ่านมา นั้น มีคำถามว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมานับตั้งแต่ประกาศกระทรวงฉบับลงวันที่ 16 มิ.ย.65 ได้ส่งผลกระทบต่อสังคมในมิติต่างๆมากมาย ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
 
ทั้งที่สิ่งที่ควรจะทำคือจำกัดการใช้ในทางการแพทย์เท่านั้น การประกาศกฎกระทรวงฉบับใหม่เป็นการกระทำแบบลูบหน้าปะจมูกซ้ำๆ เพราะในปัจจุบันการควบคุมการใช้กัญชาโดยเจ้าหน้าที่รัฐที่มีอำนาจหน้าที่ในการปฏิบัติ มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้เพียงพอต่อการแพร่ระบาดแล้วหรือไม่ ทั้งในเรื่องของการควบคุมให้เป็นไปตามประกาศของกระทรวง และการลงโทษซึ่งในทางปฏิบัติคงปฏิเสธได้ยากว่าไม่สามารถทำได้จริง ตนจึงขอตั้งข้อสังเกตและตั้งคำถามไปยังนายอนุทินว่า ถูกผลพวงจากกัญชาเสรีไปกระตุ้นส่วนหนึ่งส่วนใดหรือไม่ จึงทำให้การแก้ปัญหาไม่เป็นระบบ
 
แทนที่ในวันออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับแรกจะต้องควบคุมการใช้รวมถึงโทษ ในเวลาเดียวกันนายอนุทินเองก็ควรแถลงอธิบายและตอบคำถามสื่ออย่างเป็นทางการร่วมกับคณะกรรมการคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย แต่กลับไม่มีการแถลง ชี้แจงรายละเอียด มิหนำซ้ำยังมี ส.ส.ในพรรคภูมิใจไทยออกมาให้ข่าวทำนองว่าคนที่ปลูกกัญชามีจำนวนมากจะทำอย่างไร คำถามแบบนี้ต้องโยนกลับไปยังผู้กำกับดูแลที่อยู่พรรคท่านเองมากกว่าว่านโยบายนี้ส่งผลดีผลเสียอย่างไร และคุ้มค่าหรือไม่
 
นางสาวตรีชฎา กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คนของพรรคภูมิใจ หรือใครก็ตามที่สนับสนุนกัญชาเสรี หยุดพฤติกรรมพูดจาในลักษณะด้อยค่านพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ นายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทยที่มาร่วมกับฝ่ายค้านยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลางให้เพิกถอนประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับลงวันที่ 8 ก.พ.65 เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 เพื่อให้กัญชาจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ยังไม่รวมกลุ่มแพทย์ชนบทและอีกหลายกลุ่มที่ออกมาเตือน แต่นายอนุทินไม่รับฟัง เมื่อร่าง พ.ร.บ.กัญชา พ.ศ…..ถูกต่อต้านหนักทำท่าจะถูกคว่ำในสภา จึงมาพาลฟาดงวงฟาดงาคนที่ไม่เห็นด้วย แบบนี้ไม่ถือว่าเป็นความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์
 
ซึ่งสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ยังไม่รู้ว่า จะหาทางออกปัญหานี้อย่างไร หรือจะปล่อยให้นายอนุทินและผู้รับผิดชอบในกระทรวงสาธารณสุขดันทุรังแบบข้างๆคูๆแบบวัวหายแล้วค่อยมาล้อมคอกแบบนี้อีกต่อไป
 

 
“โรม” เยือนอีสาน เปิดเวทีพบปะประชาชน
https://www.innnews.co.th/news/news_447570/

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมเดินสายเปิดเวทีพบปะประชาชนและผู้สนับสนุนในพื้นที่อีสาน ที่ จังหวัดหนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคาย พูดคุยและรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน พร้อมแนะนำวิสัยทัศน์นโยบายของพรรค
 
โดยช่วงหนึ่งระหว่างการแลกเปลี่ยน
 
นายรังสิมันต์ ระบุว่า พรรคก้าวไกล เป็นพรรคที่มุ่งหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยอย่างแท้จริง และการจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยได้ มีแต่ต้องดำเนินนโยบายที่แก้ปัญหาให้ถึงระดับโครงสร้างเท่านั้น เปรียบเหมือนประเทศไทยเป็นคนป่วยเรื้อรัง แต่ที่ผ่านมาได้รับแต่ยาพาราเซตามอล ทั้งที่ต้องการการผ่าตัดใหญ่ให้หายขาด สำหรับพรรคก้าวไกลนั้น หากได้เป็นรัฐบาลสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะเข้าไปทำแน่ๆ คือการทลายทุนผูกขาด แก้รัฐธรรมนูญ ปฏิรูปกองทัพยกเลิกเกณฑ์ทหาร ทลายระบบส่วยเส้นสาย สร้างระบบสวัสดิการถ้วนหน้า และการนิรโทษกรรมคดีการเมือง เพื่อนำไปสู่การผ่าตัดประเทศไทยครั้งใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมามีคนพยายามบอกว่าอยากให้เรามุ่งเรื่องปากท้องก่อนดีกว่า อย่าเพิ่งไปแตะการเมือง แต่สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือปัญหาเศรษฐกิจกับปัญหาการเมืองล้วนเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันโดยตรง แยกออกจากกันไม่ได้

นายรังสิมันต์ ระบุว่า ไม่ว่าจะมี นโยบายเศรษฐกิจที่ดีแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีการเข้าไปแตะต้องผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของชนชั้นนำด้วยการทลายทุนผูกขาด ประชาชนก็ไม่อาจลืมตาอ้าปากได้อย่างเต็มที่ ถ้าไม่ทลายอำนาจทางการเมืองของชนชั้นนำ การแทรกแซงการเมืองด้วยการรัฐประหารหรือเปลี่ยนรัฐบาลด้วยกลไกตามรัฐธรรมนูญที่ไม่เป็นประชาธิปไตยก็จะเกิดขึ้นได้อีก
  
ทั้งนี้นายรังสิมันต์ กล่าวว่า คนจำนวนมากมักมองว่าพรรคก้าวไกลนำเสนอประเด็นแหลมคมเกินไป อาจนำไปสู่การยุบพรรคได้ แต่ตัวเองอยากให้มองกลับกัน ว่าการยุบพรรคที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็มีพรรคที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างแหลมคมถูกยุบไปก็มาก จะเห็นได้ว่าหากชนชั้นนำต้องการยุบพรรคใดๆ ก็ล้วนแต่หาเหตุผลมายุบได้ทั้งนั้น พรรคก้าวไกลกลับมองว่าผู้แทนประชาชนที่แท้จริงจะต้องพูดให้ประชาชนเห็นปัญหาอย่างตรงไปตรงมาต่างหากจึงจะถูกต้อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่