สงสัยขอถามคนขับรถทุกท่านครับ ไม่กล้าถามต่อหน้า ถามตรงนี้ดีกว่า

ไปงานบุญกับรถบัสใหญ่สองชั้นแอร์เย็นสบาย
พอถึงวัด รถจอดข้างนอก แน่นอนจอดนานประมาณสามสี่ชั่วโมง

ทำไมเค้าไม่ดับเครื่องครับ อันนี้งงมาก
คือเปืดประตูไว้บานตรงคนขับ คนขับไม่อยู่ลงไปนั่งข้างล่าง เดินกินโรงทาน
แต่เปิดแอร์ไว้ ติดเครื่องไว้ ทั้งห้าคันเลย อันนี้งงแต่ไม่กล้าถาม
คือถ้าจอดแป๊ปเดียวยังเข้าใจ แต่นี่สามสี่ชั่วโมง อันนี้งงครับ?

หรือเค้ากลัวคนนั่งร้อนครับ เพราะวันนั้นแดดร้อนมาก เลยต้องเปิดแอร์ให้มีความเย็นตลอด ถ้าปิดกว่าแอร์จะเย็นทั่วคันมันจะนาน อันนี้เดาเอาครับ

แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 30
ใช้น้ำมันเปลืองโดยสุรุ่ยสุร่าย แต่มาด่ารัฐเรื่องน้ำมันแพง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 4
น่าจะเรื่องทำความเย็น สู้ความร้อนครับ

รถบัสขนาดใหญ่ มวลมันมหาศาล เป็นสิบกว่าตัน หรือ 10,000 kg++
พอมารวมกับน้ำหนักผู้โดยสารรวมกันอีก 3-40 คน รวมๆ แล้วก็ 30,000 kg++ ได้

ฉนั้น ตอนรถวิ่งจากต้นทาง-ปลายทาง มันเปลืองน้ำมันเยอะมาก
พอมาเทียบกับการเปลืองน้ำมัน เพื่อเดินเบา เดินระบบแอร์ทำความเย็นในรถ
มันจะกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยครับ

แต่ถ้าคุณดับเครื่อง แล้วรอไป 3-4 ชั่วโมง จอดตากแดดเปรี้ยงๆ ขนาดนั้น
แล้วพอจะเดินทางกลับ มาสตาร์ทรถล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง เพื่อทำความเย็น
กว่าในรถจะเย็น มันต้องไปลดอุณหภูมิในรถทั้งคัน (ซึ่งปริมาตรห้องโดยสารรวมใหญ่มาก) ให้เย็นลงมา ..
มันเปลืองน้ำมันไม่ค่อยแตกต่างจากตอนติดเครื่องเดินเบานานเป็นชั่วโมงๆ ครับ
ความคิดเห็นที่ 7
มันใช้เวลานานกว่าจะเย็นครับ ลูกค้าขึ้นมาแล้วต้องมานั่งรอเย็นนี่บางคนคอมเพลนเอา ดูพวกตู้รับส่งนายตามบริษัทนี่ก็จอดเปิดแอร์ทิ้งเหมือนกัน นายมาตอนไหนต้องเย็นตอนนั้น

ส่วนคนขับถ้าเป็นรถรายย่อยส่วนตัวบางทีถ้ารู้เวลาแน่นอนก็ดับครับ อย่างตอนขับไปรับส่งคนงานโรงงานนี่รู้ไงว่าคนจะเลิกงานเป๊ะ อันนี้เขาก็ไว้สตาร์ทก่อนซักชม.ก็พอ แต่คนขับคนเดียวกันถ้าไปงานเหมานอกนี่มันไม่รู้ล่วงหน้าไงว่าลูกค้าจะกลับขึ้นรถตอนไหนจะเสร็จงานบุญงานศพกี่โมง บางคนก็เซฟตัวเปิดทิ้งไว้ บางคนก็งกดับ แต่ในรูปมันน่าจะรถบริษัทใหญ่พวกนี้ก็คงรักษาภาพลักษณ์แบรนด์เลยทิ้งไว้ให้เย็นดีกว่าเสียชื่อโดนคอมเพลน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่