คนเราจำเป็นที่จะต้องมี "แรงขับเคลื่อน" ในด้านการทำงานมั้ยครับ

ส่วนตัวทำงานอิสระที่บ้าน รายได้โอเค การงานก็เรื่อยๆ ไม่ดีไม่แย่ และไม่ได้มีเป้าหมายหรือแรงขับเคลื่อนอะไรเป็นพิเศษ

ชีวิตส่วนตัวก็ยังโสด ไม่มีพันธะ ใช้ชีวิตตัวคนเดียวเป็นส่วนใหญ่ งานอดิเรกก็เรียบง่ายคือถ้าไม่ทำงานก็ชอบนอนดูหนัง ซีรีย์
เล่นอินเตอร์เน็ตไปเรื่อยเปื่อย เป็นคนติดบ้านมาก ไม่ชอบออกไปไหน จะออกไปแต่ละครั้งต้องมีจุดประสงค์เช่นไปซื้อของกินของใช้เข้าบ้าน ฯลฯ

ปัจจุบันในวัยใกล้จะเลขสี่ ชีวิตส่วนตัวยังโอเค มีความสุขดีตามอัตภาพ แต่ในด้านการงานมันรู้สึกเอื่อยๆ ไม่มีชีวิตชีวา ยังไงก็ไม่รู้
เหมือนแค่ทำงานให้มันผ่านๆไปในแต่ละวัน และไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้เป็นพิเศษ เช่นว่า อยากเติบโตในอาชีพ , หรืออยากมีรายได้มากขึ้น ฯลฯ
   
เลยลองมาคิดว่าถ้าปรับเปลี่ยนทัศนคติให้ตัวเองมี "แรงขับเคลื่อน" อะไรบ้างอย่างที่มาเป็นแรงผลักดันในชีวิต จะดีกว่ามั้ย
เช่นบางคนขยันทำงานเพราะอยากมีเงินเยอะๆ , อยากซัพพอร์ตดูแลครอบครัว , อยากซื้อบ้าน ซื้อรถ หรืออยากจะได้บางสิ่งบางอย่าง ฯลฯ

คนเราจำเป็นที่จะต้องมี "แรงขับเคลื่อน" ในด้านการทำงานมั้ยครับ เช่นตั้งเป้าหมายว่าจะต้องเติบโต ก้าวหน้า ต่อยอดไปแบบนั้น แบบนี้
หรือมีความฝัน เช่นการอยากจะได้ อยากจะมีอะไรซักอย่าง เช่น บ้านในฝัน , รถในฝัน , ท่องเที่ยวต่างประเทศ ฯลฯ ที่ทำให้เราอยากขยันทำงานให้มากขึ้น

หรือว่าแค่ทำงานตามที่ต้องรับผิดชอบให้ดีและใช้ชีวิตให้มีความสุขไปในแต่ละวันก็เพียงพอแล้ว 

อยากให้มาช่วยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ประสบการณ์กันหน่อยครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นมากครับ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
หาฉลามสักตัว
           คนญี่ปุ่นชอบเนื้อปลาสด  แต่ทะเลหรือแหล่งน้ำแถบญี่ปุ่นนั้นไม่มีปลาชุกชุมมานานหลายทศวรรษแล้ว  ดังนั้นเรือประมงทั้งหลายจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้สามารถหาปลาได้เพียงพอต่อการบริโภค   ชาวประมงออกไปหาปลาในน่านน้ำที่ไกลออกไป  ยิ่งออกจากฝั่งไปไกลก็ยิ่งใช้เวลานานเวลานำปลากลับมา   ถ้าออกทะเลไปนานเกิน2-3วันปลาก็จะไม่สดและคนญี่ปุ่นไม่ชอบรสชาติแบบนั้น   วิธีแก้ปัญหาก็คือบริษัทประมงทำการติดตั้งตู้แช่แข็งเอาไว้บนเรือ   พอจับปลาได้ก็เอาใส่ไว้ในตู้แช่แข็งตั้งแต่ตอนที่ยังอยู่ในทะเล   ทำให้พวกชาวประมงสามารถออกไปหาปลาได้ไกลจากฝั่งมากขึ้น   แต่ว่าคนญี่ปุ่นก็สามารถแยกความแตกต่างในรสชาติของเนื้อปลาสดกับเนื้อปลาแช่แข็งได้อยู่ดี    และพวกเขาก็ไม่ชอบปลาแช่แข็งเสียด้วยปลาแช่แข็งจึงมีราคาถูก  เมื่อเป็นเช่นนั้นบริษัทประมง  จึงทำการติดตั้งแท้งค์น้ำแล้วเอาปลาที่จับได้ใส่ลงไป  แต่พอถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาและต้องโคลงเคลงอยู่ในแทงค์นานๆเข้า  ปลาก็ไม่ยอมว่ายมันอ่อนล้าแล้วก็เซื่องซึมลงแม้จะยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม   โชคไม่ดีที่คนญี่ปุ่นก็ยังสามารถแยกความแตกต่างในรสชาติของเนื้อปลาได้อยู่เหมือนเดิม  ปลาเหล่านั้นไม่ให้รสชาติความสดใหม่เสียแล้ว  เพราะว่ามันไม่ได้ว่ายมาหลายวันคนญี่ปุ่นชอบรสชาติความสดของปลาใหม่ๆมากกว่าปลาเฉื่อยๆแบบนั้น

บริษัทประมงญี่ปุ่นแก้ปัญหานี้อย่างไร?
       พวกเขาจะจับปลาที่ให้รสชาติของความสดใหม่กลับประเทศอย่างไร?
      หากคุณจะให้คำปรึกษาแก่อุตสาหกรรมประมงคุณจะแนะนำอย่างไร?
*เสือ...ไม่ยอมกินเหยื่อที่ตายแล้ว
*คน....ก็ไม่ชอบกินปลาที่ตายแล้วเหมือนกัน
       ทางแก้ปัญหาเรื่องปลาของญี่ปุ่น...ง่ายนิดเดียว    ชาวประมงญี่ปุ่นเค้าจะใส่ปลาไว้ในแทงค์แล้วก็ใส่"ปลาฉลาม"ลงไปในแต่ละแทงค์ด้วย  ปลาฉลามอาจกินปลาไปนิดหน่อย  แต่มันทำให้บรรดาปลาส่วนใหญ่มีชีวิตชีวามากขึ้น ปลาก็ผจญกับเรื่องท้าทายไม่เบื่อหน่าย ไม่เป็นปลาที่รอวันตาย  ความท้าทายที่พอดี...ทำให้เราสนุกกับปัญหา สนุกกับสิ่งกระตุ้นใหม่ๆ ที่เข้ามา พอคิดถึงเรื่องท้าทายต่างๆแล้วก็จะรู้สึกมีพลังขึ้นมา ตื่นเต้นที่จะลองวิธีแก้ปัญหาใหม่ๆ แล้วก็รู้สึกสนุกกับมันมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า...คุณยังมีชีวิตอยู่และนั่นละ...มันก็เป็นการท้าทายของคนที่จะมากินปลาด้วยเหมือนกัน
วันนี้คุณหาปลาฉลามมาใส่ในชีวิตคุณบ้างหรือยัง??
*บางที่..การเป็น"ของตาย"มันก็ไม่น่าสนใจอะไรอีกต่อไป...!!
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่