สวัสดีค่ะ วันนี้จะมาเตือนภัยเซลเครื่องสำอาง สำหรับสาวออฟฟิศ หรือสำนักงานต่างๆ
เรื่องมีอยู่ว่า เราทำงานออฟฟิศกับเพื่อนร่วมงานอีก1คน เป็น สนง.เล็กๆ เราก็ไปทำงานตามปกติ อยู่มาวันนึง มีเซลล์เครื่องสำอางแบรนด์ตัวย่อ Aq เข้ามาสอบถาม ว่าตอนนี้ ใช้สกินแคร์อะไรอยู่ เราก็ตอบไป ก็คุยกันสักพักนึง เซลล์บอกว่า จะขออนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหน้า เข้ามาประเมินผิวหน้าให้ เพื่อแนะนำว่าต้องใช้สกินแคร์แบบไหนจึงจะเหมาะกับผิวหน้า ถ้าหากสนใจแบรนด์ที่นางขาย ก็ค่อยไปซื้อในร้าน W S ในห้างก็ได้ เราเลยย้อนถามว่า จะมีค่าใช้จ่ายอะไรมั้ย รีบถามไว้ก่อนเพราะเราก็ไม่ได้มีเงินมาก กลัวโดนหลอกขายของ นางก็บอกฟรีจ้า สักพักก็มีเซลล์รุ่นพี่เข้ามา2คน มาในฐานะผู้เชี่ยวชาญแหละมั้ง🙄 เราก็ตอบรับ คุยถาม-ตอบ ปกติ ในใจยังคิดว่าเออเขาน่ารักดีนะ พูดจาดีมาก ก็ประเมินผิวหน้ากันไป มีเครื่องมาจ่อที่หน้า แล้วก็บอกว่า มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้ายังไง แล้วก็เอาตัวเทสเตอร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆมาให้เราเทส จบปุ๊บ รีบถามเรา ว่าเราใช้บัตรเครดิตอะไร อีนี่ก็โง่ รีบบอกเขาว่ากสิกร นางก็ยัดเยียดขายเลยจ้าทีนี้ ขายเป็นเซตใหญ่ เราก็แบบ เออฟังมาตั้งนาน จะช่วยซื้อหน่อย แต่ถามกลับไปว่า พี่คะหนูเอาแต่กันแดดได้มั้ย หนูเพิ่งเรียนจบไม่ได้มีเงินขนาดนั้น (ราคาทั้งเซต3,000+ แต่สกินแคร์ที่เราใช้อยู่แล้วคือหลักร้อย) นางก็บอกว่าไม่ได้จ้า เพราะต้องรับยกเซต เป็นโปรวันสุดท้าย (แล้วไงวะ🙄) แล้วเซลล์3คนก็ช่วยกันโน้มน้าว เราเหมือนเอ๋อไปชั่วขณะ เขาขอดูบัตรก็ให้ดู (โง่จริงๆเราเนี่ย) นางก็เอาเลขบัตรเราใส่ในแทบเลตเลย แต่โชคดีวงเงินเหลือแค่2พันกว่าบาทเลยตัดบัตรไม่ได้ ทำอยู่หลายรอบ (แต่ในใจเรารู้แล้วแหละว่าไม่ได้ คิดว่าพวกนางคงกลับ เพราะตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานเราแล้ว เราก็จะปิดออฟฟิศแล้วด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ยอมลุกจ้า) ทีนี้ก็คิดในใจเอาไงดีวะกู มี1ในเซลล์บอกว่า น้องไปกดเงินสดที่ตู้ให้พี่ได้ไหม เพราะบัตรเครดิตมันตัดไม่ได้ตอนนั้นแต่สามารถกดเงินสดได้ เราก็คิดกับตัวเองว่า บอกว่าได้ แล้วหนีกลับบ้านไปเลย แล้วค่อยไลน์บอกให้เพื่อนไล่เขากลับ เพราะไม่ได้เงินเขาก็คงกลับไปเอง แล้วเราก็ทำแบบนั้นจริงๆ เรากลับออกไปแล้วจอดรถไลน์บอกเพื่อนให้บอกเขาว่า เรากลับไปแล้ว เออคิดว่าจะจบ สรุปไม่จบ

ตั้งของไว้ให้ ไอเราก็งง ตั้งไว้แล้วจะทำไง เพราะเขาก็ยังไม่ได้เงิน หรือเขาจะมาแอบตัดบัตรเราทีหลังหรือเปล่า
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามาทำงาน เรารีบไลน์ไปบอกเขาว่าพี่มารับของคืนเลยค่ะ หนูไม่ประสงค์รับของ แล้วเราก็บล็อกไลน์นางทิ้ง ทีนี้เรื่องก็เงียบไปประมาณ1สัปดาห์ เราก็เอ๊ะทำไมไม่มีใครมาเอาของคืน จนวันนี้มีสายบอกว่าสำนักงานใหญ่จังหวัดใกล้เรา โทรมาหา ถามเราว่า คุณ(ชื่อเรา) มีเซลล์แจ้งว่ารับของไปแล้วไม่จ่ายเงิน ไม่ทราบว่าติดขัดอะไรมั้ยคะ เราก็ตกใจ รีบบอกกลับไปว่า หนูโดนยัดเยียด หนูไม่ได้จะรับของ เพราะวันก่อนบอกเซลล์ว่าขอรับแค่กันแดด แต่เซลล์จะขายยกชุด เลยเปลี่ยนใจไม่เอา ทางนั้นเลยบอกเราว่า ให้เราส่งของคืนให้เขา เราก็บอกโอเคได้ค่ะ แล้วค่าส่งหนูต้องออกเองหรอ เพราะเขามายัดเยียดหนู ทางนั้นก็บอกว่า ต้องออกเองเพราะเรายอมให้เขาถ่ายรูปมินิฮาร์ท (บอกว่าเป็นรูปถ่ายรับสิทธิ์โปรโมชั่น ใช่เรายอมให้ถ่ายจริง วันนั้น ก็เซลล์บอกขอเซลฟี่มินิฮาร์ท ปิดแมสก์ และไม่ได้เซ็นยินยอมอะไรเลย ชื่อ-นามสกุลก็ไม่ได้บอกให้เขารู้) ถ้าไม่ส่งคืนภายใน3วันจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย (คิดในใจมาดำเนินคดีอะไรว่า เซ็นก็ไม่ได้เซ็นสักอย่าง) เราก็อยากให้มันจบ เลยส่งของคืนให้ตอนนั้นเลย แล้วก็โทรไปแจ้งเลขพัสดุให้คนที่โทรมา
เรื่องก็มีประมาณนี้ค่ะ อยากให้เรื่องของเรา เป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนที่ไม่รู้จักปฏิเสธอะไรๆให้มันเด็ดขาด เดี๋ยวจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมานะคะ เรายอมรับ เราโง่เองตอนนั้น ที่เปิดใจให้เขาเข้ามานำเสนอตั้งแต่แรก เพราะเราก็ทำงานที่ต้องลงพื้นที่ แจกโบชัวร์บ่อยๆ รู้ดีว่าการโดนเมินมันเป็นยังไง สรุปอุส่าห์ให้โอกาสเขานำเสนอ กลับกลายเป็นตัวเองมาซวยและเสียเวลาเอง หนีกลับบ้านยังกะคนมีความผิด😅 ด้วยอายุเราที่ยังน้อยมากและไม่เคยเจอเหตุการณ์พวกนี้ แต่ว่าต่อไป เราจำขึ้นใจเลยแหละ ว่าจะไม่ให้ใครมาทำแบบนี้อีก สงสารคนที่เขาทำมาหากินจริงๆ ต้องมาซวยเพราะคนพวกนี้ มีใครเคยเจอเหมือนกันมั้ยคะ🥹🥹🥹
มีใครเคยเจอเหตุการณ์โดนยัดเยียดสินค้ามั้ยคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เราทำงานออฟฟิศกับเพื่อนร่วมงานอีก1คน เป็น สนง.เล็กๆ เราก็ไปทำงานตามปกติ อยู่มาวันนึง มีเซลล์เครื่องสำอางแบรนด์ตัวย่อ Aq เข้ามาสอบถาม ว่าตอนนี้ ใช้สกินแคร์อะไรอยู่ เราก็ตอบไป ก็คุยกันสักพักนึง เซลล์บอกว่า จะขออนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหน้า เข้ามาประเมินผิวหน้าให้ เพื่อแนะนำว่าต้องใช้สกินแคร์แบบไหนจึงจะเหมาะกับผิวหน้า ถ้าหากสนใจแบรนด์ที่นางขาย ก็ค่อยไปซื้อในร้าน W S ในห้างก็ได้ เราเลยย้อนถามว่า จะมีค่าใช้จ่ายอะไรมั้ย รีบถามไว้ก่อนเพราะเราก็ไม่ได้มีเงินมาก กลัวโดนหลอกขายของ นางก็บอกฟรีจ้า สักพักก็มีเซลล์รุ่นพี่เข้ามา2คน มาในฐานะผู้เชี่ยวชาญแหละมั้ง🙄 เราก็ตอบรับ คุยถาม-ตอบ ปกติ ในใจยังคิดว่าเออเขาน่ารักดีนะ พูดจาดีมาก ก็ประเมินผิวหน้ากันไป มีเครื่องมาจ่อที่หน้า แล้วก็บอกว่า มีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้ายังไง แล้วก็เอาตัวเทสเตอร์ผลิตภัณฑ์ต่างๆมาให้เราเทส จบปุ๊บ รีบถามเรา ว่าเราใช้บัตรเครดิตอะไร อีนี่ก็โง่ รีบบอกเขาว่ากสิกร นางก็ยัดเยียดขายเลยจ้าทีนี้ ขายเป็นเซตใหญ่ เราก็แบบ เออฟังมาตั้งนาน จะช่วยซื้อหน่อย แต่ถามกลับไปว่า พี่คะหนูเอาแต่กันแดดได้มั้ย หนูเพิ่งเรียนจบไม่ได้มีเงินขนาดนั้น (ราคาทั้งเซต3,000+ แต่สกินแคร์ที่เราใช้อยู่แล้วคือหลักร้อย) นางก็บอกว่าไม่ได้จ้า เพราะต้องรับยกเซต เป็นโปรวันสุดท้าย (แล้วไงวะ🙄) แล้วเซลล์3คนก็ช่วยกันโน้มน้าว เราเหมือนเอ๋อไปชั่วขณะ เขาขอดูบัตรก็ให้ดู (โง่จริงๆเราเนี่ย) นางก็เอาเลขบัตรเราใส่ในแทบเลตเลย แต่โชคดีวงเงินเหลือแค่2พันกว่าบาทเลยตัดบัตรไม่ได้ ทำอยู่หลายรอบ (แต่ในใจเรารู้แล้วแหละว่าไม่ได้ คิดว่าพวกนางคงกลับ เพราะตอนนั้นเป็นเวลาเลิกงานเราแล้ว เราก็จะปิดออฟฟิศแล้วด้วย แต่ปรากฏว่าไม่ยอมลุกจ้า) ทีนี้ก็คิดในใจเอาไงดีวะกู มี1ในเซลล์บอกว่า น้องไปกดเงินสดที่ตู้ให้พี่ได้ไหม เพราะบัตรเครดิตมันตัดไม่ได้ตอนนั้นแต่สามารถกดเงินสดได้ เราก็คิดกับตัวเองว่า บอกว่าได้ แล้วหนีกลับบ้านไปเลย แล้วค่อยไลน์บอกให้เพื่อนไล่เขากลับ เพราะไม่ได้เงินเขาก็คงกลับไปเอง แล้วเราก็ทำแบบนั้นจริงๆ เรากลับออกไปแล้วจอดรถไลน์บอกเพื่อนให้บอกเขาว่า เรากลับไปแล้ว เออคิดว่าจะจบ สรุปไม่จบ
เช้าวันรุ่งขึ้น เรามาทำงาน เรารีบไลน์ไปบอกเขาว่าพี่มารับของคืนเลยค่ะ หนูไม่ประสงค์รับของ แล้วเราก็บล็อกไลน์นางทิ้ง ทีนี้เรื่องก็เงียบไปประมาณ1สัปดาห์ เราก็เอ๊ะทำไมไม่มีใครมาเอาของคืน จนวันนี้มีสายบอกว่าสำนักงานใหญ่จังหวัดใกล้เรา โทรมาหา ถามเราว่า คุณ(ชื่อเรา) มีเซลล์แจ้งว่ารับของไปแล้วไม่จ่ายเงิน ไม่ทราบว่าติดขัดอะไรมั้ยคะ เราก็ตกใจ รีบบอกกลับไปว่า หนูโดนยัดเยียด หนูไม่ได้จะรับของ เพราะวันก่อนบอกเซลล์ว่าขอรับแค่กันแดด แต่เซลล์จะขายยกชุด เลยเปลี่ยนใจไม่เอา ทางนั้นเลยบอกเราว่า ให้เราส่งของคืนให้เขา เราก็บอกโอเคได้ค่ะ แล้วค่าส่งหนูต้องออกเองหรอ เพราะเขามายัดเยียดหนู ทางนั้นก็บอกว่า ต้องออกเองเพราะเรายอมให้เขาถ่ายรูปมินิฮาร์ท (บอกว่าเป็นรูปถ่ายรับสิทธิ์โปรโมชั่น ใช่เรายอมให้ถ่ายจริง วันนั้น ก็เซลล์บอกขอเซลฟี่มินิฮาร์ท ปิดแมสก์ และไม่ได้เซ็นยินยอมอะไรเลย ชื่อ-นามสกุลก็ไม่ได้บอกให้เขารู้) ถ้าไม่ส่งคืนภายใน3วันจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย (คิดในใจมาดำเนินคดีอะไรว่า เซ็นก็ไม่ได้เซ็นสักอย่าง) เราก็อยากให้มันจบ เลยส่งของคืนให้ตอนนั้นเลย แล้วก็โทรไปแจ้งเลขพัสดุให้คนที่โทรมา
เรื่องก็มีประมาณนี้ค่ะ อยากให้เรื่องของเรา เป็นอุทาหรณ์ ให้กับคนที่ไม่รู้จักปฏิเสธอะไรๆให้มันเด็ดขาด เดี๋ยวจะเกิดเรื่องยุ่งยากตามมานะคะ เรายอมรับ เราโง่เองตอนนั้น ที่เปิดใจให้เขาเข้ามานำเสนอตั้งแต่แรก เพราะเราก็ทำงานที่ต้องลงพื้นที่ แจกโบชัวร์บ่อยๆ รู้ดีว่าการโดนเมินมันเป็นยังไง สรุปอุส่าห์ให้โอกาสเขานำเสนอ กลับกลายเป็นตัวเองมาซวยและเสียเวลาเอง หนีกลับบ้านยังกะคนมีความผิด😅 ด้วยอายุเราที่ยังน้อยมากและไม่เคยเจอเหตุการณ์พวกนี้ แต่ว่าต่อไป เราจำขึ้นใจเลยแหละ ว่าจะไม่ให้ใครมาทำแบบนี้อีก สงสารคนที่เขาทำมาหากินจริงๆ ต้องมาซวยเพราะคนพวกนี้ มีใครเคยเจอเหมือนกันมั้ยคะ🥹🥹🥹