ไม่รู้ว่าจั่วหัวกระทู้แรงไปหรือเปล่าแต่วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์การรักษาอาการปวดหลังด้วยการจับเส้น
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเมื่อ 1 ปีก่อนผมได้ยกของแล้วเกิดอาการจืดหลังขยับไม่ได้ทั้งหลังเลยจนพอมันเบาลงก็ไปหาหมอกินยาหมอคนแรกบอกกระดูกสันหลังแอ่นเลยทำให้ปวดหลังก็กินยามาชุด 1 หลังจากนั้นมาก็หายแต่ไม่หายขาดมันจะมีอาการปวดหลังเรื้อรังกรณีที่เราก้มๆเงยๆหรือว่ายกของบ่อยๆจะเป็นแต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยไม่ยกอะไรเลยจะไม่เป็นอะไรเลยเช่นกัน
พอปลายปีที่แล้วปวดหลังอีกก็ไปหาหมออีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ได้กระดูกหลังแอ่นแต่เป็นหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อมแต่แค่ไม่ถึง 10% ยังไม่ต้องหน้าวิตกอะไรเลย ก็ได้ยามากินชุดนึงแล้วอาการก็ดีขึ้นแต่ก็ยังเป็นเรื้อรังเหมือนเดิมพอเมื่อกลางปีนี้ผมขับรถนานเลยจู่ๆมีอาการปวดหลังแข็งมากจนตัดสินใจไป "จับเส้น" ที่นี้ล่ะครับท่านผู้อ่านความวิบัติแก่ร่างกายก็เกิดขึ้นเพราะหมอจับเส้นทั้งหลายที่อ้างตนว่าเป็นหมอเทวดาสามารถจับเส้นรักษาคนได้ เดิมทีผมยังพอออกกำลังกายได้ถ้าชีวิตปกติได้ทุกอย่างแค่ยกของกับก้มๆเงยๆจะปวดแต่แป๊บเดียวก็หายแต่หลังจากผมไปจับเส้นแถวบ้านมาซึ่งคนนี้ผมก็คิดว่าน่าจะรักษาได้เพราะแค่อาการปวดหลังแล้วก็สถานที่ที่เขาจับคนก็ขึ้นเยอะอยู่เหมือนกันครับคนทั่วฟ้าเมืองไทยก็นั่งรถมาจับที่เขาคนนี้ผมก็ว่าน่าจะพอรักษาได้แต่สุดท้ายแล้วคือไม่เลยครับนอกจากจะไม่หายแล้วยังเป็นหนักกว่าเก่าเข้าไปอีก
การรักษาของหมอจับเส้นตามบ้านทั่วไปนะครับพอจะใช้การแข็งอาการและคนไข้ก็เล่าอาการโดยที่ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ใดๆผมก็บอกว่าผมปวดหลังร่างก้มๆเงยๆแล้วปวดแต่ก้มมาได้เขาก็สันนิษฐานเลยว่าเป็นกระดูกทับเส้นหลังจากนั้นก็ให้ผมนอนคว่ำแล้วใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีครับชีวิตผมเปลี่ยนเลยณขณะที่ผมลงรายละเอียดนี้ครบ 100 วันพอดีผมยังปวดไม่หายเลยครับก้มๆเงยๆก็ปวดยืนเฉยๆยังปวดเลยครับกินยามา 3 เดือนฉีดยายังไม่รู้เรื่องเลยไม่รู้ว่าเขาไปตะบี้ตะบันกดอะไรเข้าทำให้ผมมีอาการหนักกว่าเก่าเยอะมาก ขับรถก็แทบจะไม่ได้เพราะแค่ยืนกับนั่งอย่างปวด
จนผมต้องไปหาหมออีกครั้งบอกเอกซเรย์อีกรอบปรากฏว่ายังดีที่กระดูกยังไม่หักหรือยังไม่มีความผิดปกติอะไรแต่หมอก็รักษาไม่ได้กินยาฉีดยาก็ไม่หายจนสุดท้ายเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปคลินิกที่เป็นนักกายภาพบำบัดที่เรียนมาถูกต้องจบปริญญามาถูกต้องรักษาผมไปมา 3 ครั้งอาการค่อนข้างดีแต่ก็ยังไม่หายสนิทแต่ก็ดีกว่า 3 เดือนที่เป็นมาก็ยังคิดว่าโอเคอยู่ครับโดยที่ไม่ต้องกินยาเลยโดยเขาใช้เครื่องมือกระตุ้นกล้ามเนื้อแล้วก็การให้ออกกำลังกายตามท่าที่ถูกต้อง
ที่นี่มาถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ผมมีความตั้งใจจะเสนอในเรื่องของ "หมอจับเส้น" ครับผมขอเริ่มโดยการเตือนไว้ก่อนเลยนะครับว่าใครที่มีอาการปวดเมื่อยตามตัวต่างๆไม่ว่าจะปวดส่วนไหนก็แล้วแต่ผมขอร้องเลยนะครับแล้วขอเตือนด้วยความหวังดีจากประสบการณ์แย่ๆที่เจอมาคือคุณห้ามเด็ดขาดที่ไปหาหมอจับเส้น
หมอจับเส้นที่อยู่ตามบ้านก่อนอื่นผมต้องบอกเลยว่าคนเหล่านี้เรียกหมอไม่ได้เพราะว่า
1 เขาไม่ได้เรียนจบหลักสูตรอะไรมาเลยไม่ได้เรียนปริญญามาเลยเผลอๆไม่จบป. 6 ม 6 ยังไม่จบซะด้วยซ้ำมันเป็นวิชาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ ฉะนั้นจึงเรียกหมอไม่ได้
2 สถานที่ประกอบการนั้นส่วนมากจะไม่มีใบอนุญาตสถานประกอบการไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ไม่มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือใบรับรองต่างๆอะไรเลยเป็นคนที่อยู่ตามบ้านแล้วก็มาเปิดเป็นสำนักจับเส้น
3. พวกนี้จะมีลักษณะอวดเก่งคิดว่าตัวเองเก่งคิดว่าตัวเองเก่งกว่าหมอแผนปัจจุบันขนาดหมอแผนปัจจุบันจบปริญญาเอกเมืองนอกไปถามเขายังต้องให้เอกซเรย์เพื่อดูก่อนว่าอาการเป็นยังไงถึงจะบอกได้ว่ากระดูกทับเส้นหรือไม่ผมยังมานั่งนึกเลยว่าคนเหล่านี้มันเก่งกว่าหมออีกไม่ต้องเอกซเรย์มันก็รู้ว่ากระดูกทับเส้นหรือเป็นโรคอะไรก็แล้วแต่ที่เขาจะสันนิษฐาน
4.เมื่อคุณไปสถานจับเส้นคุณจะเจอแต่การ คุยโม้ โอ้อวดของเหล่าบรรดาพนักงานเจ้าหน้าที่หรือคนในสำนักนั้น เช่น เขาจะคุยโม้แต่ว่าคนนั้นมาจับเส้นคนนี้มาจับเส้น 2 ที 3 ทีหายคนนั้นเป็นแบบนั้นคนนี้เป็นแบบนี้ให้หมอจับทีเดียวหายมา 5 ที 10 ทีหายหรือว่าคนจากจังหวัดนู้นมาจากเมืองนี้มามากันไกลๆก็มาเขาจะคุยโอ้อวดแต่การรักษาหายแต่คนเหล่านี้จะไม่เคยพูดเลยว่าไอ้ที่จับไปแล้วไม่หายหรือเป็นหนักกว่าเดิมมีไหมใครบ้างคนเหล่านี้จะไม่เคยพูดไม่เคยบอก
5 . พวกนี้คือวิชาจับเส้น "ปาหี่" ต้มตุ๋นหลอกลวงคนไปเรื่อยคือก็จริงอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีเจตนาต้มตุ๋นหรือหลอกลวงเขาเชื่อมั่นในตัวเองว่าเขามีวิชาในการรักษาคนจับเส้นได้แต่วิชาที่เขามีนั้นเขาไม่ได้รู้จริงเขาไม่ได้รู้เท่ากับหมอหรือนักกายภาพที่เขาเรียนมาโดยตรงเส้นประสาทกระดูกหรือว่าส่วนประกอบต่างๆตรงไหนคืออะไรเขาไม่ได้รู้ลึกรู้ละเอียดแต่เขาอาศัยการถ่ายทอดและประสบการณ์ที่รักษาคนมาแบบหายบ้างไม่หายบ้าง
ถามว่าทำไมผมถึงใช้คำว่า ป่าหี่ เลยทีเดียว เพราะการรักษาคนเขามีแต่ทำยังไงก็ได้ให้เบาๆแต่รักษาหายแต่การจับเส้นของคนเหล่านี้เขาจะมีหลักการว่าต้องรุนแรงและเจ็บถึงจะหายซึ่งความคิดแบบนี้บอกเลยว่ามันผิดมหันต์ ใครอยากจะจับหรือชอบแบบแรงๆก็เชิญตามสบายแต่ผมขอบอกเลยว่ามันผิดจริงๆเพราะนอกจากคุณจะไม่หายแล้วกล้ามเนื้อเส้นเอ็นคุณอาจจะอักเสบระบมหรือถึงขั้นกระดูกหักหรือแตกได้
ทั้งๆที่ก่อนจับเขาก็ถามผมนะครับว่าเคยจับเส้นมาก่อนหรือเปล่าผมก็บอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนวดหรือจับเส้นเลยแทนที่เขาจะทำเบาๆนวดคลายกลเามเนื้อก่อน กลายเป็นว่ากดเอากดเอาเลยครับแป๊บเดียวเท่านั้นเองชีวิตเปลี่ยนเลยอาจจะด้วยความที่ว่าวันนั้นมันมีคิวมาจากที่อื่นอีก 10 คนมั้งครับเขาก็เลยทำให้ผมก่อนแล้วก็เหมือนกับรีบๆทำเลยเกิดความสะเพร่าไม่มีการคลายกล้ามเนื้อก่อนไม่มีการค่อยๆกดหรืออะไรก่อนเลยมาถึงเหมือนกับรีบๆทำอีกแย่มากครับถ้าคิดจะเป็นหมอจะสะเพร่าไม่ได้พลาดไม่ได้ครับ
แต่ถ้าถามว่าผมคิดไหมคำตอบคือผมไม่เข็ดนะครับแต่ไม่เข็ดในที่นี้คือถ้าให้จับเส้นกับพวกหมอหมอไม่มีหลักสูตรจบอะไรมาหรือพวกเล่นปาหี่หรือพวกอะไรแบบนี้ผมไม่ทำแต่ถ้านวดผ่อนคลายสปาโรม่าทั่วไปแบบนี้ผมยังพอกล้าทำต่อครับ
แชร์ประสบการณ์การจับเส้นและขอเตือนด้วยความหวังดี
ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่าเมื่อ 1 ปีก่อนผมได้ยกของแล้วเกิดอาการจืดหลังขยับไม่ได้ทั้งหลังเลยจนพอมันเบาลงก็ไปหาหมอกินยาหมอคนแรกบอกกระดูกสันหลังแอ่นเลยทำให้ปวดหลังก็กินยามาชุด 1 หลังจากนั้นมาก็หายแต่ไม่หายขาดมันจะมีอาการปวดหลังเรื้อรังกรณีที่เราก้มๆเงยๆหรือว่ายกของบ่อยๆจะเป็นแต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยไม่ยกอะไรเลยจะไม่เป็นอะไรเลยเช่นกัน
พอปลายปีที่แล้วปวดหลังอีกก็ไปหาหมออีกคนหนึ่งบอกว่าไม่ได้กระดูกหลังแอ่นแต่เป็นหมอนรองกระดูกเริ่มเสื่อมแต่แค่ไม่ถึง 10% ยังไม่ต้องหน้าวิตกอะไรเลย ก็ได้ยามากินชุดนึงแล้วอาการก็ดีขึ้นแต่ก็ยังเป็นเรื้อรังเหมือนเดิมพอเมื่อกลางปีนี้ผมขับรถนานเลยจู่ๆมีอาการปวดหลังแข็งมากจนตัดสินใจไป "จับเส้น" ที่นี้ล่ะครับท่านผู้อ่านความวิบัติแก่ร่างกายก็เกิดขึ้นเพราะหมอจับเส้นทั้งหลายที่อ้างตนว่าเป็นหมอเทวดาสามารถจับเส้นรักษาคนได้ เดิมทีผมยังพอออกกำลังกายได้ถ้าชีวิตปกติได้ทุกอย่างแค่ยกของกับก้มๆเงยๆจะปวดแต่แป๊บเดียวก็หายแต่หลังจากผมไปจับเส้นแถวบ้านมาซึ่งคนนี้ผมก็คิดว่าน่าจะรักษาได้เพราะแค่อาการปวดหลังแล้วก็สถานที่ที่เขาจับคนก็ขึ้นเยอะอยู่เหมือนกันครับคนทั่วฟ้าเมืองไทยก็นั่งรถมาจับที่เขาคนนี้ผมก็ว่าน่าจะพอรักษาได้แต่สุดท้ายแล้วคือไม่เลยครับนอกจากจะไม่หายแล้วยังเป็นหนักกว่าเก่าเข้าไปอีก
การรักษาของหมอจับเส้นตามบ้านทั่วไปนะครับพอจะใช้การแข็งอาการและคนไข้ก็เล่าอาการโดยที่ไม่มีเครื่องเอกซเรย์ใดๆผมก็บอกว่าผมปวดหลังร่างก้มๆเงยๆแล้วปวดแต่ก้มมาได้เขาก็สันนิษฐานเลยว่าเป็นกระดูกทับเส้นหลังจากนั้นก็ให้ผมนอนคว่ำแล้วใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาทีครับชีวิตผมเปลี่ยนเลยณขณะที่ผมลงรายละเอียดนี้ครบ 100 วันพอดีผมยังปวดไม่หายเลยครับก้มๆเงยๆก็ปวดยืนเฉยๆยังปวดเลยครับกินยามา 3 เดือนฉีดยายังไม่รู้เรื่องเลยไม่รู้ว่าเขาไปตะบี้ตะบันกดอะไรเข้าทำให้ผมมีอาการหนักกว่าเก่าเยอะมาก ขับรถก็แทบจะไม่ได้เพราะแค่ยืนกับนั่งอย่างปวด
จนผมต้องไปหาหมออีกครั้งบอกเอกซเรย์อีกรอบปรากฏว่ายังดีที่กระดูกยังไม่หักหรือยังไม่มีความผิดปกติอะไรแต่หมอก็รักษาไม่ได้กินยาฉีดยาก็ไม่หายจนสุดท้ายเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสไปคลินิกที่เป็นนักกายภาพบำบัดที่เรียนมาถูกต้องจบปริญญามาถูกต้องรักษาผมไปมา 3 ครั้งอาการค่อนข้างดีแต่ก็ยังไม่หายสนิทแต่ก็ดีกว่า 3 เดือนที่เป็นมาก็ยังคิดว่าโอเคอยู่ครับโดยที่ไม่ต้องกินยาเลยโดยเขาใช้เครื่องมือกระตุ้นกล้ามเนื้อแล้วก็การให้ออกกำลังกายตามท่าที่ถูกต้อง
ที่นี่มาถึงจุดไคลแม็กซ์ที่ผมมีความตั้งใจจะเสนอในเรื่องของ "หมอจับเส้น" ครับผมขอเริ่มโดยการเตือนไว้ก่อนเลยนะครับว่าใครที่มีอาการปวดเมื่อยตามตัวต่างๆไม่ว่าจะปวดส่วนไหนก็แล้วแต่ผมขอร้องเลยนะครับแล้วขอเตือนด้วยความหวังดีจากประสบการณ์แย่ๆที่เจอมาคือคุณห้ามเด็ดขาดที่ไปหาหมอจับเส้น
หมอจับเส้นที่อยู่ตามบ้านก่อนอื่นผมต้องบอกเลยว่าคนเหล่านี้เรียกหมอไม่ได้เพราะว่า
1 เขาไม่ได้เรียนจบหลักสูตรอะไรมาเลยไม่ได้เรียนปริญญามาเลยเผลอๆไม่จบป. 6 ม 6 ยังไม่จบซะด้วยซ้ำมันเป็นวิชาถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์ ฉะนั้นจึงเรียกหมอไม่ได้
2 สถานที่ประกอบการนั้นส่วนมากจะไม่มีใบอนุญาตสถานประกอบการไม่มีใบประกอบโรคศิลป์ไม่มีใบรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขหรือใบรับรองต่างๆอะไรเลยเป็นคนที่อยู่ตามบ้านแล้วก็มาเปิดเป็นสำนักจับเส้น
3. พวกนี้จะมีลักษณะอวดเก่งคิดว่าตัวเองเก่งคิดว่าตัวเองเก่งกว่าหมอแผนปัจจุบันขนาดหมอแผนปัจจุบันจบปริญญาเอกเมืองนอกไปถามเขายังต้องให้เอกซเรย์เพื่อดูก่อนว่าอาการเป็นยังไงถึงจะบอกได้ว่ากระดูกทับเส้นหรือไม่ผมยังมานั่งนึกเลยว่าคนเหล่านี้มันเก่งกว่าหมออีกไม่ต้องเอกซเรย์มันก็รู้ว่ากระดูกทับเส้นหรือเป็นโรคอะไรก็แล้วแต่ที่เขาจะสันนิษฐาน
4.เมื่อคุณไปสถานจับเส้นคุณจะเจอแต่การ คุยโม้ โอ้อวดของเหล่าบรรดาพนักงานเจ้าหน้าที่หรือคนในสำนักนั้น เช่น เขาจะคุยโม้แต่ว่าคนนั้นมาจับเส้นคนนี้มาจับเส้น 2 ที 3 ทีหายคนนั้นเป็นแบบนั้นคนนี้เป็นแบบนี้ให้หมอจับทีเดียวหายมา 5 ที 10 ทีหายหรือว่าคนจากจังหวัดนู้นมาจากเมืองนี้มามากันไกลๆก็มาเขาจะคุยโอ้อวดแต่การรักษาหายแต่คนเหล่านี้จะไม่เคยพูดเลยว่าไอ้ที่จับไปแล้วไม่หายหรือเป็นหนักกว่าเดิมมีไหมใครบ้างคนเหล่านี้จะไม่เคยพูดไม่เคยบอก
5 . พวกนี้คือวิชาจับเส้น "ปาหี่" ต้มตุ๋นหลอกลวงคนไปเรื่อยคือก็จริงอยู่แล้วว่าเขาไม่ได้มีเจตนาต้มตุ๋นหรือหลอกลวงเขาเชื่อมั่นในตัวเองว่าเขามีวิชาในการรักษาคนจับเส้นได้แต่วิชาที่เขามีนั้นเขาไม่ได้รู้จริงเขาไม่ได้รู้เท่ากับหมอหรือนักกายภาพที่เขาเรียนมาโดยตรงเส้นประสาทกระดูกหรือว่าส่วนประกอบต่างๆตรงไหนคืออะไรเขาไม่ได้รู้ลึกรู้ละเอียดแต่เขาอาศัยการถ่ายทอดและประสบการณ์ที่รักษาคนมาแบบหายบ้างไม่หายบ้าง
ถามว่าทำไมผมถึงใช้คำว่า ป่าหี่ เลยทีเดียว เพราะการรักษาคนเขามีแต่ทำยังไงก็ได้ให้เบาๆแต่รักษาหายแต่การจับเส้นของคนเหล่านี้เขาจะมีหลักการว่าต้องรุนแรงและเจ็บถึงจะหายซึ่งความคิดแบบนี้บอกเลยว่ามันผิดมหันต์ ใครอยากจะจับหรือชอบแบบแรงๆก็เชิญตามสบายแต่ผมขอบอกเลยว่ามันผิดจริงๆเพราะนอกจากคุณจะไม่หายแล้วกล้ามเนื้อเส้นเอ็นคุณอาจจะอักเสบระบมหรือถึงขั้นกระดูกหักหรือแตกได้
ทั้งๆที่ก่อนจับเขาก็ถามผมนะครับว่าเคยจับเส้นมาก่อนหรือเปล่าผมก็บอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยนวดหรือจับเส้นเลยแทนที่เขาจะทำเบาๆนวดคลายกลเามเนื้อก่อน กลายเป็นว่ากดเอากดเอาเลยครับแป๊บเดียวเท่านั้นเองชีวิตเปลี่ยนเลยอาจจะด้วยความที่ว่าวันนั้นมันมีคิวมาจากที่อื่นอีก 10 คนมั้งครับเขาก็เลยทำให้ผมก่อนแล้วก็เหมือนกับรีบๆทำเลยเกิดความสะเพร่าไม่มีการคลายกล้ามเนื้อก่อนไม่มีการค่อยๆกดหรืออะไรก่อนเลยมาถึงเหมือนกับรีบๆทำอีกแย่มากครับถ้าคิดจะเป็นหมอจะสะเพร่าไม่ได้พลาดไม่ได้ครับ
แต่ถ้าถามว่าผมคิดไหมคำตอบคือผมไม่เข็ดนะครับแต่ไม่เข็ดในที่นี้คือถ้าให้จับเส้นกับพวกหมอหมอไม่มีหลักสูตรจบอะไรมาหรือพวกเล่นปาหี่หรือพวกอะไรแบบนี้ผมไม่ทำแต่ถ้านวดผ่อนคลายสปาโรม่าทั่วไปแบบนี้ผมยังพอกล้าทำต่อครับ