ถ้าพระเลือกตั้งได้ คือหายนะพุทธศาสนา

บวช เพื่อ ลดการข้องแวะกับทางโลก
บวช เพื่อ ละกิเลส บำเพ็ญเพียรเพื่อการหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
บวช เพื่อ ลด ละ วาง ความยึดมั่นถือมั่น

แล้วอยู่ดีๆ มีนักการเมืองที่คิดแต่ประโยชน์ส่วนตน จะออกกฏหมายเพื่อนำเอา นักบวช มาข้องเกี่ยวกับทางโลก

นักบวช มี 2 ประเภท
   บวช เพื่อ ปฏิบัติตน เพื่อหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
      นักบวชกลุ่มนี้ ไม่มีประโยชน์กับนักการเมือง

   บวช เพราะเป็นอาชีพอย่างหนึ่ง
      นักบวชกลุ่มนี้ หากจับขั้วได้ จะได้ลูกศิษย์ลูกหา มาเป็นฐานเสียงที่ซื่อสัตย์
      และอาจได้ ดารา คนเด่น คนดัง มาช่วยหาเสียงอีกทางหนึ่งด้วย

      จะเกิดระบบอุปถัมภ์ ระหว่างนักการเมือง กับ นักบวช ที่เป็นหัวคะแนน
      เหมือนวัดจานบิน กับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง

      ซึ่ง นักบวช ที่บวชเป็นอาชีพ มักจะไม่สนเรื่องการสอนคนให้หลุดพ้นจากทุกข์
      มักจะสอนคนให้สุดโต่งทางใดทางหนึ่ง ไม่ได้สอนให้เดินทางสายกลาง
      เมื่อไม่เดินทางสายกลาง จะหลุดพ้นจากทุกข์ได้อย่างไร

      สุดท้าย ศาสนาพุทธ ที่มีนักบวช เล่นการเมือง จะเสื่อมเร็วมากขึ้น
      
      และหากขั้วการเมืองตรงข้าม เข้ามาบริหารบ้านเมือง
      ย่อมคิดบ่อนทำลาย พระพุทธศาสนา เพราะถือว่ามีความเห็นต่าง
      โดยไม่เลือกว่า บวช เป็นอาชีพ หรือบวชเพื่อหลุดพ้น

      ดูตัวอย่างจาก นักบวช เลือกข้าง ในประเทศจีน กับ ประเทศญี่ปุ่น ในอดีต
      และดูผลลัพธ์ของนักบวช ทั้ง 2 ประเทศนั้น ได้ในปัจจุบัน
      
เรา ประชาชน ควรรู้เท่าทัน นักการเมือง
   ที่มาเล่นการเมือง เพื่อตน เพื่อพวกพ้อง เพื่ออุดมการณ์ตน

นักการเมืองที่ดี ทำเพื่อประชาชน คิดเพื่อประชาชน ก็มี แต่เหลือน้อยแล้ว

ประชาชนทุกคนมี 1 เสียง เท่าเทียมกัน
   ขอให้เลือกให้ดี เลือกคนที่ดี
   การจะเลือกคนที่ดีได้นั้น เราต้องมีประสบการณ์ชีวิต ประมาณหนึ่ง จึงจะมองออก
   แต่ถ้าประสบการณ์ไม่พอ ยังมองไม่ออก ก็เลือกตามที่ตนชอบ
   เพราะสุดท้ายแล้ว เราจะได้ประสบการณ์เสมอ
   หากไม่เจ็บ ก็มักจะไม่จำ ^^