.
บ่ายโมงฝนได้กระหน่ำเทลงมาเป็นสาย ราวฟ้ารั่ว นักเรียนทุกคนต่างเข้ามาหลบฝนในห้องเรียนของใครของมัน โชคดีที่พวกเธอทานข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ฝนตกหนักแบบนี้จึงไม่เป็นปัญหานัก
เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาดังกลบเสียงพูดคุยของพวกเธอกันหมด ทำให้ต้องตะเบ็งเสียงคุยกันในห้องเรียน ไม่มีลมพายุ ไม่มีเสียงฟ้าร้อง มีเพียงสายฝนที่โปรยปรายลงมาจากฟ้าเท่านั้น วิสัยทัศน์รอบนอกขมุกขมัวไปหมดด้วยเม็ดฝน
“ป๊าดสูมาเบิ่ง น้ำห่งสนามฟุตบอลขาวอากลากเลย” แคร์ยืนอยู่ริมประตูหันมาบอกกับพวกเธอในห้องด้วยท่าทางตื่นเต้น ก่อนจะละสายตาหันไปมองที่สนามฟุตบอลต่อ
“ไสเบิ่งนำแนแคร์” บอสลุกจากโต๊ะเรียนของตน เดินไปดูกับแคร์ด้วยอาการอยากรู้มาก ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ บัดนี้สนามฟุตบอลกลายเป็นสระน้ำเล็ก ๆ ไปแล้ว พื้นที่ทั่วบริเวณโรงเรียนเจิ่งนองไปด้วยสายน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลหลากมาเป็นทาง
“ป๊าด!!! แมนอิหลิ น้ำท่วมโรงเรียนเฮาคัก ๆ สู” บอสหันมาบอกเพื่อน ๆ ด้วยอาการตื่นเต้นเช่นกัน ตะโกนพูดแข่งกับสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลาย ๆ คนอยากมาส่องดู
“ไสกูเบิ่งนำแนสู” หมิวหัวหน้าห้องฝ่ายหญิงเดินมาหยุดยืนตรงขอบประตูห้องเรียน ชะโงกหน้ามองออกไปดูสนามฟุตบอลอีกคน “ป้าดน้ำจะท่วมโรงเรียนเฮาแล้วมื้อหนิ” หมิวตะโกนบอกเพื่อน ๆ ในห้อง ความจริงน้ำแค่นองระดับน่องเท่านั้น พอฝนหยุดน้ำก็เหือดหายไปเอง หมิวยิ้มบางอย่างมีเลศนัย
“พวกเฮาเตะฟุตบอลกันบ่มื้อแลง เลิกเรียนเล่นเตะฟุตบอลกันน้อ” หมิวชวนเพื่อน ๆ ผู้หญิงทุกคนในห้อง โรงเรียนของพวกเธอมีกีฬาเตะฟุตบอลในหมู่ผู้หญิงด้วย เพียงเตะเล่นสนุกสนานกันเท่านั้นไม่ได้มีทีมแข่งใด ๆ “แฮ็กเกอร์มื้อแลงพวกกูจองสนามฟุตบอลล้า” หมิวหันไปบอกกับหัวหน้าห้องผู้ชาย
“แมน ๆ คือสิมวน ได้เล่นน้ำนำ” ทรายเห็นด้วย รอยยิ้มของทุกคนกำลังบอกว่าเห็นพ้องต้องกันที่สุด นาทีหลังจากเลิกเรียนนี่แหละคือนาทีแห่งสวรรค์ ฝนตกแบบนี้พวกเธอไม่ค่อยพลาดนัก คุณครูคนไหนห้ามก็ไม่มีใครสนใจ “ไสกูเบิ่งนำแน ท่วมซำใด” พูดจบทรายก็ลุกจากโต๊ะเรียนเพื่อไปดูสนามฟุตบอล
“ปานพวกสูสิทันพวก ป.5 ป.6” แฮ็กเกอร์ไม่ได้เป็นคนตอบ แต่เป็นแท็กที่ตอบแทน
“กะยา! ถ้าบ่ทันกะแล้วไป ตะถ้าบ่มีคนเล่นพวกกูจอง ว่าตะพวกกูยืมลูกฟุตบอลมืงนำเด้อแฮ็ก” หมิวพูดหน้าเปื้อนยิ้ม ยืมลูกฟุตบอลที่เพื่อนนำมาโรงเรียนด้วย มีการลงชื่อแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ด้วย เพื่อจะได้ไม่หลงกับของโรงเรียน
“พวกเฮาเตะบอลเล่นน้ำกันบ่ก่อนเมือ แบ่งกันเป็นทีมคุ้มใต้คุ้มเหนือน้อ” หมิวเดินกลับมายืนอยู่หน้าชั้นเรียน พูดกับเพื่อน ๆ ทุกคนในห้องเฉพาะที่เป็นผู้หญิง “คุ้มเหนือเล่นบ่สู แฝดเล่นบ่ บอส จ๋อม ทุกคนเล่นบอลกันน้อเลิกเรียนตอนบ่ายแหมะ น้อเป็นตะมวนเล่นน้ำซุมห่า” หมิวเอ่ยถึงชื่อพวกเธอด้วยแววตาเว้าวอน กลัวพวกเธอคุ้มเหนือไม่มีใครเอาด้วย งานนี้หมิวเป็นตัวตั้งตัวตีอยากเล่น
“เล่นบ่แฝด เล่นบ่จ๋อม” บอสเดินมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ กับจ๋อม พร้อมถามเพื่อน ๆ ทั้งสามคนของตน ส่วนตัวเองนั้นอยากเล่น เรื่องเตะฟุตบอลเป็นไม่เป็นไม่ใช่ปัญหาใด ๆ หลัก ๆ คือเล่นน้ำ บอสเองก็แอบลุ้นภาวนาขอให้เพื่อน ๆ คุ้มของตนตกลงเล่นด้วยกัน จะได้สนุกไปด้วยกันสำหรับชั่วโมงสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
“เล่นกะเล่น คุ้มเฮาเล่นน้อ มันจังมวน เล่นเมิดห้องหนิล่ะ” แพรวตอบ กวาดสายตามองเพื่อน ๆ เฉพาะคนที่อยู่คุ้มเหนือทุกคน หมิวยิ้มออกในทันทีที่ได้ยินว่าพวกเธอตกลงจะเล่นด้วย “ตะว่าคุ้มพวกกูมีหน่อยกว่าคุ้มสูเด้หั่น คุ้มเหนือมีหน่อย ๆ คนนึง คุ้มใต้มีตั้งบักหลายคน เสียเปรียบ” แพรวไม่ลืมปัญหาตรงนี้
ชั้นพวกเธอรวมชายหญิงมีทั้งหมดสี่สิบสี่คน แบ่งเป็นหญิงยี่สิบสี่คน ชายยี่สิบคน เป็นรุ่นเดียวของโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมากที่สุด
พวกเธอต่างหารือกันว่าจะเอาอย่างไร ต่างคนต่างไม่อยากย้ายคุ้ม ใครที่อยู่คุ้มใต้ก็ไม่อยากแยกตัวสละสิทธิ์มาอยู่คุ้มเหนือสักคน แม้กระทั่งหมิวก็ไม่อยากสละสิทธิ์ตัวเองย้ายคุ้ม พวกเธอต่างครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดี มีทางเดียวคือโอน้อยออกเลือกทีม นั่นแหละ ก็ไม่มีใครยอมอีก ถ้าจะให้ย้ายคุ้มทุกคนต่างออกความคิดเห็นว่า ‘ไม่เล่นเสียจะดีกว่า’
ไม่ทันได้ตกลงกันว่าเอาอย่างไร คุณครูก็เข้ามาสอนเสียก่อน ทำให้พวกเธอต้องยุติเรื่องนี้ไป จวบจนเวลาเดินทางมาถึงชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนหนังสือ พวกเธอก็ยังหาทางออกของเรื่องแบ่งทีมไม่ได้ แต่พวกเธอก็ยังไม่มีใครบอกเลิกเล่น ขณะนี้ฝนก็ได้หยุดตกสนิทแล้ว ทิ้งไว้เพียงแอ่งน้ำเป็นหย่อม ๆ ไว้ดูต่างหน้า
เมื่อหมดเวลาเรียนแล้ว พอคุณครูปล่อยออกจากห้อง หมิวและเพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างวิ่งกันตัวปลิวลงไปยังสนามฟุตบอลเพื่อไปจับจองเอาไว้ก่อน จะเล่นไม่เล่นค่อยว่ากันทีหลัง ตามด้วยกลุ่มของบอสและเพื่อนคนอื่น ที่วิ่งไปที่สนามฟุตบอลหน้าโรงเรียน บางคนก็นอนแช่น้ำกันไปแล้ว จะเลิกเรียนแล้วจึงไม่มีใครห่วงอะไร
เป็นความโชคดีของพวกเธอที่มีเพื่อนไม่ขอเล่นไปสี่คน จะเหลือผู้เล่นยี่สิบคน ทั้งสี่คนล้วนเป็นคนของคุ้มใต้กันหมด พวกเธอกับหมิวและคนอื่น ๆ ที่อยากเล่นอยู่แล้ว ต่างดีใจกันออกนอกหน้าที่จะได้เตะฟุตบอลกัน แถมยังแบ่งทีมกันลงตัวด้วย ความจริงไม่ได้ต้องการจะเล่นฟุตบอล แต่อยากเล่นน้ำในสนามมากกว่า
“พวกเฮามาคนครบแล้ว ซุ่มอี่แคร์ อี่นัด อี่มด กับอี่เตยบ่เล่น พวกเฮาแบ่งทีมกันลงโตพอดี บ่ต้องโออาร์คู่ แบ่งเป็นคุ้มใต้คุ้มเหนือเลย ทีมละสิบคนพอดี” หมิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดก็ได้เล่น
“กะได้ ปะลงสนามเลย” แพรวเห็นด้วย
พอตกลงกันได้แล้วทุกคนต่างเตรียมพร้อม บอสสวมกางเกงขาสั้นมาด้วยก็ถอดกระโปรงนักเรียนออก อีกทั้งสองฝาแฝดด้วยที่ต่างก็พากันถอดกระโปรงนักเรียนออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นกับเสื้อนักเรียน เพื่อจะได้วิ่งตามลูกฟุตบอลคล่องแคล่วมากขึ้น ส่วนคนที่ไม่ได้สวมกางเกงมาด้วย ก็เตะทั้งกระโปรงนักเรียนกันเลย น้ำในสนามฟุตบอลก็ยังไม่ทันลด พวกเธอชอบใจยิ่งนัก
พอถอดกระโปรงเสร็จแล้วต่างก็ถอดรองเท้ากับถุงเท้าออกด้วย “จ๋อมมืงคือบ่ถอดเกิบออก จังเตะง่าย แลนง่ายนำ” พิมพ์เมื่อเห็นว่าจ๋อมไม่ถอดรองเท้าจึงถามขึ้น
“ถอดโลด กูยังถอด” บอสแนะนำ จากนั้นจ๋อมก็ยอมถอดถุงเท้ากับรองเท้าตามคำแนะนำของพวกเธอ “บ่เจ็บตีนหรอกเชื่อกู”
เมื่อนักกีฬาทุกคนพร้อมแล้ว ต่างก็พากันวิ่งลุยน้ำลงไปกลางสนามฟุตบอล ไม่มีกรรมการใด ๆ ทั้งสิ้น บางคนอดใจไม่ไหวก็ถลาล้มเกลือกกลิ้งไปกับน้ำเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย พวกเธอต่างพากันหัวเราะ แล้วก็ทำตามกันอย่างสนุก
“โอ้ยสู อี่เจน อี่เอ้ ซุมหนิอย่าฟ้าวเล่นน้ำหลายแนะ มาเป่ายิงฉุบเลือกแดนกันก่อนแน” หมิวเอ็ดเพื่อน เดี๋ยวจะไม่ทันกาลกลัวโรงเรียนเลิกเสียก่อน “เดี๋ยวกะบ่ได้เตะบอลหรอก นึงครูกะตีระฆังเลิกเรียน ห่วย” หมิวเอ็ดทุกคน
เมื่อพวกเธอแบ่งฝ่ายแบ่งทีมลงตัวแล้ว แพรวเป็นตัวแทนคุ้มเหนือ ส่วนหมิวเป็นตัวแทนคุ้มใต้ออกไปเป่ายิงฉุบเลือกแดนกัน “ชนะได้เลือกแดน แพ้ได้เขี่ยล้า”
แพรวเป่ายิงฉุบชนะ หันมามองพวกเธอในทีม “เอาแดนใดเฮา”
“เอาประตูฝั่งพุ่น” นินชี้ไปยังประตูอีกฝั่ง ซึ่งมีน้ำขังสูงพอประมาณ เนื่องจากบริเวณหน้าประตูฟุตบอลเป็นแอ่งเล็กน้อย พวกเธอหันไปมองตามก็คลี่ยิ้มอย่างชอบใจ เพราะพวกเธอหมายตาหมายใจประตูฝั่งนั้นเอาไว้แล้ว
“กะได้! พวกกูได้เขี่ย” หมิวยอมรับกติกา จากนั้นเกมก็เริ่มต้นขึ้น โดยหมิวเป็นคนเขี่ยลูกฟุตบอลให้เพื่อน จากนั้นต่างคนต่างก็วิ่งแย่งฟุตบอลกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ไม่มีใครทราบกติกาอะไรทั้งนั้น รู้แค่เพียงใครอยู่ทีมใคร และต้องพาลูกฟุตบอลเข้าประตูไปให้ได้ เท่านี้ก็ได้จะแต้มหนึ่งแต้ม ขณะนี้ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงเม็ดมาอีกรอบ พวกเธอต่างไม่กลัว กลับชอบใจยิ่งไปอีก เตะฟุตบอลตากฝนเป็นเรื่องสนุกที่สุด
เสียงของครูบัญชาประกาศให้นักเรียนทุกคนหลบเข้าในตัวอาคาร ไม่ให้ตากฝน เดี๋ยวจะไม่สบาย ทว่าดูเหมือนจะไม่มีนักเรียนคนไหนเชื่อฟังสักนิด โดยเฉพาะพวกเธอที่กำลังวิ่งแย่งฟุตบอลกันอยู่กลางสนาม ไม่มีใครชวนกันเลิกเล่นสักคน
กรี๊ด!!! “อี่จ๋อมสู้ ๆ อี่จ๋อมแลนเร็ว ๆ แลนหัน ๆ” กรี๊ดดดดด ฮ่า!!
พวกเธอต่างร้องเชียร์จ๋อมกันใหญ่ เมื่อจ๋อมกำลังวิ่งนำทุกคน พร้อมกับลูกฟุตบอลไปยังประตูของคุ้มใต้ โดยมีเจนวิ่งตามจ๋อมไปติด ๆ ส่วนพวกเธอไม่ได้วิ่งตาม พากันกระโดดโลดเต้นเชียร์ให้กำลังใจจ๋อม พวกคุ้มใต้ก็ไม่ต่างกัน ต่างลุ้นและเชียร์เจนไปด้วย แม้จะลำบากในการเลี้ยงฟุตบอลเพราะมีน้ำ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อจ๋อม
ก้อยผู้มีรูปร่างอ้วนกว่าทุกคนในรุ่นเป็นผู้รักษาประตูของทีมคุ้มใต้ ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง วิ่งไปวิ่งมาเดาทางว่าจ๋อมจะเตะฟุตบอลไปฝั่งไหนของประตู จำมาจากในโทรทัศน์อีกที ผายมือรอรับลูกฟุตบอลอย่างตั้งใจ
“จ๋อมยิงเลย ๆ ยิงเลย” พวกเธอต่างวิ่งมาเชียร์ ทำให้ผู้รักษาประตูไขว้เขวไม่มีสมาธิ ก้อยวิ่งออกจากประตูมาขัดขวาง แต่ไม่ทันเพราะลื่นโคนล้มลงไปที่หน้าประตูเสียก่อน ล้มไถลกลิ้งไปกับสนามพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นของเจ้าตัวและพวกเธอ เมื่อไม่มีคนรักษาประตูแล้ว ทำให้จ๋อมยิงประตูไปอย่างง่ายดาย ทำให้ทีมคุ้มเหนือนำไปก่อน หนึ่งประตูต่อศูนย์ พวกเธอทีมคุ้มเหนือต่างดีใจกันใหญ่
พวกเธอกระโดดกอดกัน นินวิ่งไปตีลังกาฝ่าผิวน้ำสามตลบ อินและจอยวิ่งไปสไลด์โคลนด้วยความดีใจ อย่างกับเล่นสไลด์เดอร์ ที่จ๋อมทำประตูนำไปก่อนได้ เป็นประตูชัยของคุ้มเหนือ
“อี่ก้อยมืงอย่าแล่นออกมาจากประตูแหมะ อี่จ๋อมกะยิ่งเข้าตั้ว” นิดเอ็ดก้อย เพราะอยู่ทีมคุ้มใต้ด้วยกัน
“กูกะย่านมันเตะเข้านั่นเด้” ก้อยพูดพร้อมลุกขึ้นยืน จากที่ล้มลงไปแล้วนั่งมองจ๋อมเตะฟุตบอลเข้าประตูของตนไปหน้าตาเฉย เนื้อตัวมอมแมมไปหมด
เมื่ออีกทีมทำประตูได้แล้วก็ต้องเริ่มเกมใหม่ คือ นำฟุตบอลมาที่จุดศูนย์กลางสนามแล้วเขี่ยใหม่ คราวนี้ชมพู่เป็นตัวแทนของคุ้มใต้ที่ออกมาเขี่ย แต่! ชมพู่ดันเขี่ยผิดทิศทาง เขี่ยไปให้แพทที่อยู่ทีมคุ้มเหนือเสียอย่างนั้น แทนที่พวกเธอจะดีใจ หรือทีมคุ้มใต้จะโกรธ ดันเป็นเหตุการณ์เรียกเสียงหัวเราะแทน พวกเธอทั้งสองทีมหัวเราะท้องแข็งไปตาม ๆ กัน
“อี่ห่าพู่!!! มืงเขี่ยให้อี่แพทเฮ็ดหยัง ฮ่า” เอ้ตะโกนทั้งหัวเราะด่าชมพู่ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าต้องเล่นกันต่อ แล้วจากนั้นก็พากันวิ่งไล่แย่งลูกฟุตบอลจากแพท
“แพทแลนเลย แลนหัน ๆ อี่ห่า อี่นัดตามมืงไปแล้ว เตะไปเลย” แพรวบอกกับแพทที่ครองลูกฟุตบอลอยู่ พร้อมวิ่งตามแพทไปด้วย
แพทเตะเลี้ยงลูกฟุตบอลไปคนเดียว ลูกฟุตบอลที่กลิ้งบนผิวน้ำมันช่างทุลักทุเลนัก พวกเธอก็มิหวั่น ล้มลุกคลุกคลานกันไปอย่างสนุก ไม่มีทีมคุ้มใต้คนไหนตามทันสักคน
มาถึงประตูของทีมคุ้มใต้ ก้อยก็วิ่งไปวิ่งมาทำเหมือนในโทรทัศน์ที่เคยดูนักฟุตบอลทำ คราวนี้ก้อยไม่ยอมวิ่งออกมาจากประตูอีกแล้ว เพราะมีประสบการณ์จากลูกแรก
“อี่ก้อยมืงออกมาฮับลูกฟุตบอลนำกูแม้” แพทมีเวลาหยุดคุยกับผู้รักษาประตู เพราะนัดยังวิ่งตามมาไม่ทันถึง
ไดอารี่ความคิดถึง (ตอน เตะฟุตบอล)
.
บ่ายโมงฝนได้กระหน่ำเทลงมาเป็นสาย ราวฟ้ารั่ว นักเรียนทุกคนต่างเข้ามาหลบฝนในห้องเรียนของใครของมัน โชคดีที่พวกเธอทานข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้ว ฝนตกหนักแบบนี้จึงไม่เป็นปัญหานัก
เสียงเม็ดฝนกระทบหลังคาดังกลบเสียงพูดคุยของพวกเธอกันหมด ทำให้ต้องตะเบ็งเสียงคุยกันในห้องเรียน ไม่มีลมพายุ ไม่มีเสียงฟ้าร้อง มีเพียงสายฝนที่โปรยปรายลงมาจากฟ้าเท่านั้น วิสัยทัศน์รอบนอกขมุกขมัวไปหมดด้วยเม็ดฝน
“ป๊าดสูมาเบิ่ง น้ำห่งสนามฟุตบอลขาวอากลากเลย” แคร์ยืนอยู่ริมประตูหันมาบอกกับพวกเธอในห้องด้วยท่าทางตื่นเต้น ก่อนจะละสายตาหันไปมองที่สนามฟุตบอลต่อ
“ไสเบิ่งนำแนแคร์” บอสลุกจากโต๊ะเรียนของตน เดินไปดูกับแคร์ด้วยอาการอยากรู้มาก ก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ บัดนี้สนามฟุตบอลกลายเป็นสระน้ำเล็ก ๆ ไปแล้ว พื้นที่ทั่วบริเวณโรงเรียนเจิ่งนองไปด้วยสายน้ำเล็ก ๆ ที่ไหลหลากมาเป็นทาง
“ป๊าด!!! แมนอิหลิ น้ำท่วมโรงเรียนเฮาคัก ๆ สู” บอสหันมาบอกเพื่อน ๆ ด้วยอาการตื่นเต้นเช่นกัน ตะโกนพูดแข่งกับสายฝนที่กำลังตกลงมาอย่างหนักหน่วง ทำให้หลาย ๆ คนอยากมาส่องดู
“ไสกูเบิ่งนำแนสู” หมิวหัวหน้าห้องฝ่ายหญิงเดินมาหยุดยืนตรงขอบประตูห้องเรียน ชะโงกหน้ามองออกไปดูสนามฟุตบอลอีกคน “ป้าดน้ำจะท่วมโรงเรียนเฮาแล้วมื้อหนิ” หมิวตะโกนบอกเพื่อน ๆ ในห้อง ความจริงน้ำแค่นองระดับน่องเท่านั้น พอฝนหยุดน้ำก็เหือดหายไปเอง หมิวยิ้มบางอย่างมีเลศนัย
“พวกเฮาเตะฟุตบอลกันบ่มื้อแลง เลิกเรียนเล่นเตะฟุตบอลกันน้อ” หมิวชวนเพื่อน ๆ ผู้หญิงทุกคนในห้อง โรงเรียนของพวกเธอมีกีฬาเตะฟุตบอลในหมู่ผู้หญิงด้วย เพียงเตะเล่นสนุกสนานกันเท่านั้นไม่ได้มีทีมแข่งใด ๆ “แฮ็กเกอร์มื้อแลงพวกกูจองสนามฟุตบอลล้า” หมิวหันไปบอกกับหัวหน้าห้องผู้ชาย
“แมน ๆ คือสิมวน ได้เล่นน้ำนำ” ทรายเห็นด้วย รอยยิ้มของทุกคนกำลังบอกว่าเห็นพ้องต้องกันที่สุด นาทีหลังจากเลิกเรียนนี่แหละคือนาทีแห่งสวรรค์ ฝนตกแบบนี้พวกเธอไม่ค่อยพลาดนัก คุณครูคนไหนห้ามก็ไม่มีใครสนใจ “ไสกูเบิ่งนำแน ท่วมซำใด” พูดจบทรายก็ลุกจากโต๊ะเรียนเพื่อไปดูสนามฟุตบอล
“ปานพวกสูสิทันพวก ป.5 ป.6” แฮ็กเกอร์ไม่ได้เป็นคนตอบ แต่เป็นแท็กที่ตอบแทน
“กะยา! ถ้าบ่ทันกะแล้วไป ตะถ้าบ่มีคนเล่นพวกกูจอง ว่าตะพวกกูยืมลูกฟุตบอลมืงนำเด้อแฮ็ก” หมิวพูดหน้าเปื้อนยิ้ม ยืมลูกฟุตบอลที่เพื่อนนำมาโรงเรียนด้วย มีการลงชื่อแสดงความเป็นเจ้าของเอาไว้ด้วย เพื่อจะได้ไม่หลงกับของโรงเรียน
“พวกเฮาเตะบอลเล่นน้ำกันบ่ก่อนเมือ แบ่งกันเป็นทีมคุ้มใต้คุ้มเหนือน้อ” หมิวเดินกลับมายืนอยู่หน้าชั้นเรียน พูดกับเพื่อน ๆ ทุกคนในห้องเฉพาะที่เป็นผู้หญิง “คุ้มเหนือเล่นบ่สู แฝดเล่นบ่ บอส จ๋อม ทุกคนเล่นบอลกันน้อเลิกเรียนตอนบ่ายแหมะ น้อเป็นตะมวนเล่นน้ำซุมห่า” หมิวเอ่ยถึงชื่อพวกเธอด้วยแววตาเว้าวอน กลัวพวกเธอคุ้มเหนือไม่มีใครเอาด้วย งานนี้หมิวเป็นตัวตั้งตัวตีอยากเล่น
“เล่นบ่แฝด เล่นบ่จ๋อม” บอสเดินมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ กับจ๋อม พร้อมถามเพื่อน ๆ ทั้งสามคนของตน ส่วนตัวเองนั้นอยากเล่น เรื่องเตะฟุตบอลเป็นไม่เป็นไม่ใช่ปัญหาใด ๆ หลัก ๆ คือเล่นน้ำ บอสเองก็แอบลุ้นภาวนาขอให้เพื่อน ๆ คุ้มของตนตกลงเล่นด้วยกัน จะได้สนุกไปด้วยกันสำหรับชั่วโมงสุดท้ายก่อนกลับบ้าน
“เล่นกะเล่น คุ้มเฮาเล่นน้อ มันจังมวน เล่นเมิดห้องหนิล่ะ” แพรวตอบ กวาดสายตามองเพื่อน ๆ เฉพาะคนที่อยู่คุ้มเหนือทุกคน หมิวยิ้มออกในทันทีที่ได้ยินว่าพวกเธอตกลงจะเล่นด้วย “ตะว่าคุ้มพวกกูมีหน่อยกว่าคุ้มสูเด้หั่น คุ้มเหนือมีหน่อย ๆ คนนึง คุ้มใต้มีตั้งบักหลายคน เสียเปรียบ” แพรวไม่ลืมปัญหาตรงนี้
ชั้นพวกเธอรวมชายหญิงมีทั้งหมดสี่สิบสี่คน แบ่งเป็นหญิงยี่สิบสี่คน ชายยี่สิบคน เป็นรุ่นเดียวของโรงเรียนที่มีจำนวนนักเรียนมากที่สุด
พวกเธอต่างหารือกันว่าจะเอาอย่างไร ต่างคนต่างไม่อยากย้ายคุ้ม ใครที่อยู่คุ้มใต้ก็ไม่อยากแยกตัวสละสิทธิ์มาอยู่คุ้มเหนือสักคน แม้กระทั่งหมิวก็ไม่อยากสละสิทธิ์ตัวเองย้ายคุ้ม พวกเธอต่างครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดี มีทางเดียวคือโอน้อยออกเลือกทีม นั่นแหละ ก็ไม่มีใครยอมอีก ถ้าจะให้ย้ายคุ้มทุกคนต่างออกความคิดเห็นว่า ‘ไม่เล่นเสียจะดีกว่า’
ไม่ทันได้ตกลงกันว่าเอาอย่างไร คุณครูก็เข้ามาสอนเสียก่อน ทำให้พวกเธอต้องยุติเรื่องนี้ไป จวบจนเวลาเดินทางมาถึงชั่วโมงสุดท้ายของการเรียนหนังสือ พวกเธอก็ยังหาทางออกของเรื่องแบ่งทีมไม่ได้ แต่พวกเธอก็ยังไม่มีใครบอกเลิกเล่น ขณะนี้ฝนก็ได้หยุดตกสนิทแล้ว ทิ้งไว้เพียงแอ่งน้ำเป็นหย่อม ๆ ไว้ดูต่างหน้า
เมื่อหมดเวลาเรียนแล้ว พอคุณครูปล่อยออกจากห้อง หมิวและเพื่อน ๆ ในกลุ่มต่างวิ่งกันตัวปลิวลงไปยังสนามฟุตบอลเพื่อไปจับจองเอาไว้ก่อน จะเล่นไม่เล่นค่อยว่ากันทีหลัง ตามด้วยกลุ่มของบอสและเพื่อนคนอื่น ที่วิ่งไปที่สนามฟุตบอลหน้าโรงเรียน บางคนก็นอนแช่น้ำกันไปแล้ว จะเลิกเรียนแล้วจึงไม่มีใครห่วงอะไร
เป็นความโชคดีของพวกเธอที่มีเพื่อนไม่ขอเล่นไปสี่คน จะเหลือผู้เล่นยี่สิบคน ทั้งสี่คนล้วนเป็นคนของคุ้มใต้กันหมด พวกเธอกับหมิวและคนอื่น ๆ ที่อยากเล่นอยู่แล้ว ต่างดีใจกันออกนอกหน้าที่จะได้เตะฟุตบอลกัน แถมยังแบ่งทีมกันลงตัวด้วย ความจริงไม่ได้ต้องการจะเล่นฟุตบอล แต่อยากเล่นน้ำในสนามมากกว่า
“พวกเฮามาคนครบแล้ว ซุ่มอี่แคร์ อี่นัด อี่มด กับอี่เตยบ่เล่น พวกเฮาแบ่งทีมกันลงโตพอดี บ่ต้องโออาร์คู่ แบ่งเป็นคุ้มใต้คุ้มเหนือเลย ทีมละสิบคนพอดี” หมิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม ในที่สุดก็ได้เล่น
“กะได้ ปะลงสนามเลย” แพรวเห็นด้วย
พอตกลงกันได้แล้วทุกคนต่างเตรียมพร้อม บอสสวมกางเกงขาสั้นมาด้วยก็ถอดกระโปรงนักเรียนออก อีกทั้งสองฝาแฝดด้วยที่ต่างก็พากันถอดกระโปรงนักเรียนออก เหลือเพียงกางเกงขาสั้นกับเสื้อนักเรียน เพื่อจะได้วิ่งตามลูกฟุตบอลคล่องแคล่วมากขึ้น ส่วนคนที่ไม่ได้สวมกางเกงมาด้วย ก็เตะทั้งกระโปรงนักเรียนกันเลย น้ำในสนามฟุตบอลก็ยังไม่ทันลด พวกเธอชอบใจยิ่งนัก
พอถอดกระโปรงเสร็จแล้วต่างก็ถอดรองเท้ากับถุงเท้าออกด้วย “จ๋อมมืงคือบ่ถอดเกิบออก จังเตะง่าย แลนง่ายนำ” พิมพ์เมื่อเห็นว่าจ๋อมไม่ถอดรองเท้าจึงถามขึ้น
“ถอดโลด กูยังถอด” บอสแนะนำ จากนั้นจ๋อมก็ยอมถอดถุงเท้ากับรองเท้าตามคำแนะนำของพวกเธอ “บ่เจ็บตีนหรอกเชื่อกู”
เมื่อนักกีฬาทุกคนพร้อมแล้ว ต่างก็พากันวิ่งลุยน้ำลงไปกลางสนามฟุตบอล ไม่มีกรรมการใด ๆ ทั้งสิ้น บางคนอดใจไม่ไหวก็ถลาล้มเกลือกกลิ้งไปกับน้ำเพื่อเอาฤกษ์เอาชัย พวกเธอต่างพากันหัวเราะ แล้วก็ทำตามกันอย่างสนุก
“โอ้ยสู อี่เจน อี่เอ้ ซุมหนิอย่าฟ้าวเล่นน้ำหลายแนะ มาเป่ายิงฉุบเลือกแดนกันก่อนแน” หมิวเอ็ดเพื่อน เดี๋ยวจะไม่ทันกาลกลัวโรงเรียนเลิกเสียก่อน “เดี๋ยวกะบ่ได้เตะบอลหรอก นึงครูกะตีระฆังเลิกเรียน ห่วย” หมิวเอ็ดทุกคน
เมื่อพวกเธอแบ่งฝ่ายแบ่งทีมลงตัวแล้ว แพรวเป็นตัวแทนคุ้มเหนือ ส่วนหมิวเป็นตัวแทนคุ้มใต้ออกไปเป่ายิงฉุบเลือกแดนกัน “ชนะได้เลือกแดน แพ้ได้เขี่ยล้า”
แพรวเป่ายิงฉุบชนะ หันมามองพวกเธอในทีม “เอาแดนใดเฮา”
“เอาประตูฝั่งพุ่น” นินชี้ไปยังประตูอีกฝั่ง ซึ่งมีน้ำขังสูงพอประมาณ เนื่องจากบริเวณหน้าประตูฟุตบอลเป็นแอ่งเล็กน้อย พวกเธอหันไปมองตามก็คลี่ยิ้มอย่างชอบใจ เพราะพวกเธอหมายตาหมายใจประตูฝั่งนั้นเอาไว้แล้ว
“กะได้! พวกกูได้เขี่ย” หมิวยอมรับกติกา จากนั้นเกมก็เริ่มต้นขึ้น โดยหมิวเป็นคนเขี่ยลูกฟุตบอลให้เพื่อน จากนั้นต่างคนต่างก็วิ่งแย่งฟุตบอลกันชุลมุนวุ่นวายไปหมด
ไม่มีใครทราบกติกาอะไรทั้งนั้น รู้แค่เพียงใครอยู่ทีมใคร และต้องพาลูกฟุตบอลเข้าประตูไปให้ได้ เท่านี้ก็ได้จะแต้มหนึ่งแต้ม ขณะนี้ฝนก็เริ่มโปรยปรายลงเม็ดมาอีกรอบ พวกเธอต่างไม่กลัว กลับชอบใจยิ่งไปอีก เตะฟุตบอลตากฝนเป็นเรื่องสนุกที่สุด
เสียงของครูบัญชาประกาศให้นักเรียนทุกคนหลบเข้าในตัวอาคาร ไม่ให้ตากฝน เดี๋ยวจะไม่สบาย ทว่าดูเหมือนจะไม่มีนักเรียนคนไหนเชื่อฟังสักนิด โดยเฉพาะพวกเธอที่กำลังวิ่งแย่งฟุตบอลกันอยู่กลางสนาม ไม่มีใครชวนกันเลิกเล่นสักคน
กรี๊ด!!! “อี่จ๋อมสู้ ๆ อี่จ๋อมแลนเร็ว ๆ แลนหัน ๆ” กรี๊ดดดดด ฮ่า!!
พวกเธอต่างร้องเชียร์จ๋อมกันใหญ่ เมื่อจ๋อมกำลังวิ่งนำทุกคน พร้อมกับลูกฟุตบอลไปยังประตูของคุ้มใต้ โดยมีเจนวิ่งตามจ๋อมไปติด ๆ ส่วนพวกเธอไม่ได้วิ่งตาม พากันกระโดดโลดเต้นเชียร์ให้กำลังใจจ๋อม พวกคุ้มใต้ก็ไม่ต่างกัน ต่างลุ้นและเชียร์เจนไปด้วย แม้จะลำบากในการเลี้ยงฟุตบอลเพราะมีน้ำ ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อจ๋อม
ก้อยผู้มีรูปร่างอ้วนกว่าทุกคนในรุ่นเป็นผู้รักษาประตูของทีมคุ้มใต้ ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง วิ่งไปวิ่งมาเดาทางว่าจ๋อมจะเตะฟุตบอลไปฝั่งไหนของประตู จำมาจากในโทรทัศน์อีกที ผายมือรอรับลูกฟุตบอลอย่างตั้งใจ
“จ๋อมยิงเลย ๆ ยิงเลย” พวกเธอต่างวิ่งมาเชียร์ ทำให้ผู้รักษาประตูไขว้เขวไม่มีสมาธิ ก้อยวิ่งออกจากประตูมาขัดขวาง แต่ไม่ทันเพราะลื่นโคนล้มลงไปที่หน้าประตูเสียก่อน ล้มไถลกลิ้งไปกับสนามพร้อมเสียงหัวเราะดังลั่นของเจ้าตัวและพวกเธอ เมื่อไม่มีคนรักษาประตูแล้ว ทำให้จ๋อมยิงประตูไปอย่างง่ายดาย ทำให้ทีมคุ้มเหนือนำไปก่อน หนึ่งประตูต่อศูนย์ พวกเธอทีมคุ้มเหนือต่างดีใจกันใหญ่
พวกเธอกระโดดกอดกัน นินวิ่งไปตีลังกาฝ่าผิวน้ำสามตลบ อินและจอยวิ่งไปสไลด์โคลนด้วยความดีใจ อย่างกับเล่นสไลด์เดอร์ ที่จ๋อมทำประตูนำไปก่อนได้ เป็นประตูชัยของคุ้มเหนือ
“อี่ก้อยมืงอย่าแล่นออกมาจากประตูแหมะ อี่จ๋อมกะยิ่งเข้าตั้ว” นิดเอ็ดก้อย เพราะอยู่ทีมคุ้มใต้ด้วยกัน
“กูกะย่านมันเตะเข้านั่นเด้” ก้อยพูดพร้อมลุกขึ้นยืน จากที่ล้มลงไปแล้วนั่งมองจ๋อมเตะฟุตบอลเข้าประตูของตนไปหน้าตาเฉย เนื้อตัวมอมแมมไปหมด
เมื่ออีกทีมทำประตูได้แล้วก็ต้องเริ่มเกมใหม่ คือ นำฟุตบอลมาที่จุดศูนย์กลางสนามแล้วเขี่ยใหม่ คราวนี้ชมพู่เป็นตัวแทนของคุ้มใต้ที่ออกมาเขี่ย แต่! ชมพู่ดันเขี่ยผิดทิศทาง เขี่ยไปให้แพทที่อยู่ทีมคุ้มเหนือเสียอย่างนั้น แทนที่พวกเธอจะดีใจ หรือทีมคุ้มใต้จะโกรธ ดันเป็นเหตุการณ์เรียกเสียงหัวเราะแทน พวกเธอทั้งสองทีมหัวเราะท้องแข็งไปตาม ๆ กัน
“อี่ห่าพู่!!! มืงเขี่ยให้อี่แพทเฮ็ดหยัง ฮ่า” เอ้ตะโกนทั้งหัวเราะด่าชมพู่ ก่อนจะรู้สึกตัวว่าต้องเล่นกันต่อ แล้วจากนั้นก็พากันวิ่งไล่แย่งลูกฟุตบอลจากแพท
“แพทแลนเลย แลนหัน ๆ อี่ห่า อี่นัดตามมืงไปแล้ว เตะไปเลย” แพรวบอกกับแพทที่ครองลูกฟุตบอลอยู่ พร้อมวิ่งตามแพทไปด้วย
แพทเตะเลี้ยงลูกฟุตบอลไปคนเดียว ลูกฟุตบอลที่กลิ้งบนผิวน้ำมันช่างทุลักทุเลนัก พวกเธอก็มิหวั่น ล้มลุกคลุกคลานกันไปอย่างสนุก ไม่มีทีมคุ้มใต้คนไหนตามทันสักคน
มาถึงประตูของทีมคุ้มใต้ ก้อยก็วิ่งไปวิ่งมาทำเหมือนในโทรทัศน์ที่เคยดูนักฟุตบอลทำ คราวนี้ก้อยไม่ยอมวิ่งออกมาจากประตูอีกแล้ว เพราะมีประสบการณ์จากลูกแรก
“อี่ก้อยมืงออกมาฮับลูกฟุตบอลนำกูแม้” แพทมีเวลาหยุดคุยกับผู้รักษาประตู เพราะนัดยังวิ่งตามมาไม่ทันถึง