ช่อง 7 ปรับตัวสู้ – กู้เรตติ้งตก เปิดแคมเปญขายโฆษณาแบบ One Stop Service
ยุคนี้ต้องบอกว่าช่องทีวีดิจิทัลแต่ละช่อง ต้องมีการปรับตัว ปรับนโยบายกันขนานใหญ่ เพราะขืนนิ่งอยู่กับที่ ก็เท่ากับรอวันล้มหายตายจากไปได้เลย
อย่าคิดว่าความเป็นช่องใหญ่ ช่องยักษ์จะอยู่ยั้งยืนยง เพราะคู่แข่งพร้อมจะเบียดแซงขึ้นมาได้ทุกขณะ
ทุกช่องต่างก็ต้องดิ้นรนหนีตาย เพื่อให้ช่องตัวเองอยู่รอด และเดินต่อไปได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ก็ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย
อย่างที่รู้ๆ กันว่า ตลาดคนดูทีวีปัจจุบัน ถูกแพลตฟอร์มออนไลน์แย่งชิงฐานแฟนๆ ไปเกือบหมด จึงไม่น่าแปลกใจที่สองช่องทีวีใหญ่อย่าง ช่อง 3 กับ ช่องวัน จึงโหมโปรโมทแอปพลิชั่นดูทีวีออนไลน์กันหนักหน่วงเลยทีเดียว
ช่อง 3 มี Ch3Plus
ขณะที่ช่องวัน ก็มีแอป OneD
ข้ามมาที่เจ้าตลาดอย่าง ช่อง 7 ที่รั้งตำแหน่งแชมป์แบบสวยๆ มาตลอด ใครจะนึกว่าจะเดินทางมาถึงจุดที่ต้องมีการปรับตัวกับเขาด้วยเหมือนกัน
เพราะต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้กระแสละคร ช่อง 7 ไม่ได้ตู้มต้ามเหมือนเมื่อก่อน หลายเรื่องเลยทีเดียวที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับช่องคู่แข่ง โดยเฉพาะช่องวัน ที่พักหลัง ละครทำคะแนนได้ดีมาก หลายเรื่องขึ้นมาอยู่ในระดับที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของประเทศเลยทีเดียว
ตอนนี้ดารานำที่เป็นเบอร์ชายของ ช่อง 7 แทบจะไม่มีเหลือ
ฝ่ายหญิง ก็เหลือเพียงแค่ตัวแม่อย่าง “อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่นานๆ ถึงจะตกปากรับคำเล่นละครสักเรื่อง
ส่วนฝ่ายชาย เบอร์ใหญ่ที่สุด ก็เหลือเพียงแค่ “เวียร์ – ศุกลวัฒน์” ที่ยืนหนึ่ง
แต่แม้จะเป็นเบอร์ใหญ่ที่สุดของช่อง แต่ละครในระยะหลังๆ ของ เวียร์ ก็ไม่ได้สร้างเรตติ้งให้กับช่องเหมือนเมื่อก่อน ไม่ต้องพูดถึงกระแสในโลกออนไลน์ เพราะตลาดใหญ่ของคนดู ช่อง 7 อยู่ที่ต่างจังหวัด และยังคงมีพฤติกรรมการดูละครผ่านทีวีเหมือนเดิม ฉะนั้นตัวเลขเรตติ้งจึงยังคงสามารถนำมาเป็นดรรชนีชี้วัดความสำเร็จของละคร ช่อง 7 ได้เป็นอย่างดี ต่างจากฐานคนดู ช่อง 3 และ ช่องวัน ที่ต้องนำกระแสในโลกออนไลน์มาวิเคราะห์รวมด้วย
ละครสองเรื่องล่าสุด ทั้ง “ม่านบังใจ” ที่เล่นคู่กับ “มุกดา นรินทรรักษ์” และ “กรงน้ำผึ้ง” คู่ “พระพาย รมิดา” ถือว่าเป็นสองเรื่องที่มีเรตติ้งต่ำสุดของ เวียร์ เลยทีเดียว ซึ่งอาจจะเป็นด้วยเหตุที่เคมีของคู่พระ-นางไปด้วยกันไม่ได้ หลายคนมองว่าช่อง 7 เจตนาจะใช้ เวียร์ มาเป็นป๋าดันนางเอกรุ่นใหม่จนมองข้ามความเหมาะสมของคู่พระ-นาง ที่ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้คนดูอินไปกับละคร
ครอบคลุมถึงการวางแผนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ และออนไลน์ , การผลิตคอนเทนต์ให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ผ่านรายการทุกรูปแบบ รวมถึงทำการตลาดผ่านนักแสดงในสังกัด และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอื่นๆ
พูดง่ายๆ ก็คือ แบรนด์สินค้าก็สามารถดีลกับ ช่อง 7 แบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้เลย แถมการดีลในลักษณะแพกเกจจ่ายเหมาแบบนี้ ยังจะเป็นการใช้งบประมาณการโฆษณาที่คุ้มค่ามากกว่า ถ้าเทียบกับการทำการตลาดยุคเก่าที่ใช้จ่ายเงินแบบแยกก้อน
สรุปความตามท้องเรื่อง ก็คือ Win – Win ทุกภาคส่วน
ช่องก็มีหนทางการหารายได้เพิ่ม , นักแสดงในสังกัด ก็มีงาน มีเงินแบบไม่ขาดสาย ไม่ต้องนอนรอคิวละครช่องอย่างเดียว แบรนด์สินค้าเองก็ได้อาศัยนักแสดง และก็สื่อในมือของ ช่อง 7 ในการโปรโมทสินค้า
ธุรกิจจะอยู่รอด ก็ต้องอาศัยการต่อยอดซึ่งกันและกันแบบนี้เอง !!!
website : mgronline.com
https://today.line.me/th/v2/article/8nJoxRV
ช่อง 7 ปรับตัวสู้ – กู้เรตติ้งตก เปิดแคมเปญขายโฆษณาแบบ One Stop Service
ยุคนี้ต้องบอกว่าช่องทีวีดิจิทัลแต่ละช่อง ต้องมีการปรับตัว ปรับนโยบายกันขนานใหญ่ เพราะขืนนิ่งอยู่กับที่ ก็เท่ากับรอวันล้มหายตายจากไปได้เลย
อย่าคิดว่าความเป็นช่องใหญ่ ช่องยักษ์จะอยู่ยั้งยืนยง เพราะคู่แข่งพร้อมจะเบียดแซงขึ้นมาได้ทุกขณะ
ทุกช่องต่างก็ต้องดิ้นรนหนีตาย เพื่อให้ช่องตัวเองอยู่รอด และเดินต่อไปได้ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวล ก็ต้องสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปด้วย
อย่างที่รู้ๆ กันว่า ตลาดคนดูทีวีปัจจุบัน ถูกแพลตฟอร์มออนไลน์แย่งชิงฐานแฟนๆ ไปเกือบหมด จึงไม่น่าแปลกใจที่สองช่องทีวีใหญ่อย่าง ช่อง 3 กับ ช่องวัน จึงโหมโปรโมทแอปพลิชั่นดูทีวีออนไลน์กันหนักหน่วงเลยทีเดียว
ช่อง 3 มี Ch3Plus
ขณะที่ช่องวัน ก็มีแอป OneD
ข้ามมาที่เจ้าตลาดอย่าง ช่อง 7 ที่รั้งตำแหน่งแชมป์แบบสวยๆ มาตลอด ใครจะนึกว่าจะเดินทางมาถึงจุดที่ต้องมีการปรับตัวกับเขาด้วยเหมือนกัน
เพราะต้องยอมรับความจริงว่าตอนนี้กระแสละคร ช่อง 7 ไม่ได้ตู้มต้ามเหมือนเมื่อก่อน หลายเรื่องเลยทีเดียวที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับช่องคู่แข่ง โดยเฉพาะช่องวัน ที่พักหลัง ละครทำคะแนนได้ดีมาก หลายเรื่องขึ้นมาอยู่ในระดับที่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของประเทศเลยทีเดียว
ตอนนี้ดารานำที่เป็นเบอร์ชายของ ช่อง 7 แทบจะไม่มีเหลือ
ฝ่ายหญิง ก็เหลือเพียงแค่ตัวแม่อย่าง “อั้ม – พัชราภา ไชยเชื้อ” ที่นานๆ ถึงจะตกปากรับคำเล่นละครสักเรื่อง
ส่วนฝ่ายชาย เบอร์ใหญ่ที่สุด ก็เหลือเพียงแค่ “เวียร์ – ศุกลวัฒน์” ที่ยืนหนึ่ง
แต่แม้จะเป็นเบอร์ใหญ่ที่สุดของช่อง แต่ละครในระยะหลังๆ ของ เวียร์ ก็ไม่ได้สร้างเรตติ้งให้กับช่องเหมือนเมื่อก่อน ไม่ต้องพูดถึงกระแสในโลกออนไลน์ เพราะตลาดใหญ่ของคนดู ช่อง 7 อยู่ที่ต่างจังหวัด และยังคงมีพฤติกรรมการดูละครผ่านทีวีเหมือนเดิม ฉะนั้นตัวเลขเรตติ้งจึงยังคงสามารถนำมาเป็นดรรชนีชี้วัดความสำเร็จของละคร ช่อง 7 ได้เป็นอย่างดี ต่างจากฐานคนดู ช่อง 3 และ ช่องวัน ที่ต้องนำกระแสในโลกออนไลน์มาวิเคราะห์รวมด้วย
ละครสองเรื่องล่าสุด ทั้ง “ม่านบังใจ” ที่เล่นคู่กับ “มุกดา นรินทรรักษ์” และ “กรงน้ำผึ้ง” คู่ “พระพาย รมิดา” ถือว่าเป็นสองเรื่องที่มีเรตติ้งต่ำสุดของ เวียร์ เลยทีเดียว ซึ่งอาจจะเป็นด้วยเหตุที่เคมีของคู่พระ-นางไปด้วยกันไม่ได้ หลายคนมองว่าช่อง 7 เจตนาจะใช้ เวียร์ มาเป็นป๋าดันนางเอกรุ่นใหม่จนมองข้ามความเหมาะสมของคู่พระ-นาง ที่ถือว่าเป็นฟันเฟืองสำคัญที่จะทำให้คนดูอินไปกับละคร
ครอบคลุมถึงการวางแผนโฆษณา ประชาสัมพันธ์ ผ่านทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ และออนไลน์ , การผลิตคอนเทนต์ให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ผ่านรายการทุกรูปแบบ รวมถึงทำการตลาดผ่านนักแสดงในสังกัด และอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังอื่นๆ
พูดง่ายๆ ก็คือ แบรนด์สินค้าก็สามารถดีลกับ ช่อง 7 แบบครบจบในที่เดียว ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำได้เลย แถมการดีลในลักษณะแพกเกจจ่ายเหมาแบบนี้ ยังจะเป็นการใช้งบประมาณการโฆษณาที่คุ้มค่ามากกว่า ถ้าเทียบกับการทำการตลาดยุคเก่าที่ใช้จ่ายเงินแบบแยกก้อน
สรุปความตามท้องเรื่อง ก็คือ Win – Win ทุกภาคส่วน
ช่องก็มีหนทางการหารายได้เพิ่ม , นักแสดงในสังกัด ก็มีงาน มีเงินแบบไม่ขาดสาย ไม่ต้องนอนรอคิวละครช่องอย่างเดียว แบรนด์สินค้าเองก็ได้อาศัยนักแสดง และก็สื่อในมือของ ช่อง 7 ในการโปรโมทสินค้า
ธุรกิจจะอยู่รอด ก็ต้องอาศัยการต่อยอดซึ่งกันและกันแบบนี้เอง !!!
website : mgronline.com
https://today.line.me/th/v2/article/8nJoxRV