เพราะมีความเห็นผิด ไปยึดธรรมที่เป็นพิษไว้ มันก็เดือดร้อน

กระทู้คำถาม
...
" การปฏิบัตินี้... 
มันตรงกันข้าม กับจิตของเรา
จิต ของเรา...
มันมีกิเลสตัณหา อยู่นั้น มันตรงกันข้าม 
กับความเป็นจริง
ฉะนั้น การปฏิบัติจึงเป็นเรื่อง ยุ่งยากสักนิด
บางที สิ่งที่เราเข้าใจว่าผิด 
แต่ มันถูก ก็มี
สิ่งที่เรา เข้าใจว่าถูก
แต่ มันอาจจะผิด ก็มี
เพราะอะไร ? 
เพราะ จิตของเรามันมืด
ไม่รู้แจ้งตามความเป็นจริง ในสภาวธรรม
ทั้งหลายนั้น
จิต ของเรา...
เอาเป็นประมาณ มิได้ เพราะ...จิตของเรา 
ไม่รู้ตามเป็นจริง
ความคิดของเรานั้น ก็เอาประมาณ ไม่ได้
เดี๋ยวชอบอย่างนั้น เดี๋ยวชอบอย่างนี้
บางทีก็เหมือน ไม่รู้เรื่องอะไรทุกสิ่ง ทุกอย่าง
พอถูกโกหก ก็เชื่อเขาหมด เพราะเรามันโง่
เรายังไม่เป็นตัว ของตัวเอง ไม่รู้...ตามความ
เป็นจริง
จิต ของเรานี้...
ถูกอารมณ์โกหก อยู่เรื่อย
บางที ก็ชอบอย่างนั้น 
บางที ก็ไม่ชอบอย่างนี้ ถูกโกหกอยู่เรื่อย
เพราะ...เราไม่รู้ตามความเป็นจริง ของมัน
ถ้าหากเราฟังธรรม ก็ฟังธรรมไปเถิด
ธรรมนั้น...จะชอบใจ หรือไม่ชอบใจเราก็ควรฟัง
คนที่ฟังธรรมอย่างนี้...ได้ประโยชน์ 
เราจะเชื่อ ก็ไม่ได้ ไม่เชื่อ ก็ไม่ได้
ฟังแล้วนำไปพิจารณา ให้มันเกิดเหตุผล
ในทางที่ชอบขึ้นมา
นักปราชญ์ทั้งหลาย ไม่เชื่อง่าย ๆ
ต้องเอาไปพิจารณา ตริตรองดูเหตุผลก่อน
จึงค่อยเชื่อ
แม้...จะพูดความจริงให้ฟัง ก็อย่าพึ่งเชื่อ
เพราะอะไร ? 
เพราะเรายังไม่รู้ความจริงนั้น ด้วยตนเอง
พวกนักปฏิบัติ ทั้งหลาย 
มีจิตกระสับกระส่าย อยู่...เรื่อยไป 
เพราะมีความเห็นผิด ไปยึดธรรมที่เป็นพิษไว้ 
มันก็เดือดร้อน
ไม่สำรวมอินทรีย์ทั้งหลาย แล้วไปโทษแต่สิ่งอื่น ไม่รู้เรื่อง ของเจ้าของ
เหมือนกับหมาขี้เรื้อน 
อยู่ที่ไหนก็ไม่สบาย ไม่เป็นสุข 
ถ้าไม่เห็นโทษทั้งหลาย...
ในสิ่งเหล่านั้น มันก็ออกไม่ได้ ปฏิบัติมันก็ยากลำบาก
การปฏิบัติถ้าเรามีความเห็น ที่ถูกต้องดีแล้ว
อยู่...ที่ไหน ก็สบาย
เพราะเป็นสัมมาทิฐิ มีความสงบเยือกเย็น
ฉะนั้น ถึงแม้มันจะมีทุกข์ 
ก็ช่างมันเถอะ ทุกข์ มันไม่แน่นอน 
ทุกข์ มันก็คือ...
ความรู้สึกวูบเดียว แล้วมันก็หายไป
แล้วสุข ก็เหมือนกัน ฉันนั้น
ตัวสุข (ตัว)ทุกข์จริง ๆ มันมีให้เห็นไหม ?
ของจริงไหม ? 
มันสักแต่ว่าความรู้สึกวูบหนึ่ง แล้วมันก็หายไป 
เกิดแล้ว ก็ดับไป
ตัวรัก ตัวเกลียด ตัวชังจริง ๆ 
ก็เหมือนกัน อารมณ์เกิดขึ้นวูบหนึ่ง แล้วมัน...
ก็หายไป มันหลอกลวง เราอยู่อย่างนี้เรื่อย ๆไป
เอาแน่ตรงไหนไม่ได้...ไม่มี
สมดังคำ ที่พระพุทธเจ้าตรัส ว่า...
นอกจากทุกข์นี้ เกิด
นอกจากทุกข์นี้ ตั้งอยู่
นอกจากทุกข์นี้ ดับไปแล้ว ไม่มีอะไร...
มีแต่เท่านี้ ไม่มีอะไรอื่น...นอกจากนี้
มันมีเท่านี้ ๆ
ถ้าเราหลง วิ่งตะครุบมันเรื่อย ๆ 
ก็ไม่พบความจริง มันเปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน
มันก็เป็นของมัน อยู่...อย่างนั้น
ถ้าพิจารณาแล้ว ไม่ควรไปวิ่งตะครุบมัน
ถ้าเราเห็นโทษจริง ๆ แล้ว...
เราจึงจะถอนตัวออกมาได้
ถ้าไม่เห็นโทษจริง ๆ แล้ว...
เราจะถอนตัวออกมา ไม่ได้
ไม่ติด ในความรัก
ไม่ติด ในความชัง
ไม่ติด ในความสุข
ไม่ติด ในความทุกข์ เท่านั้น
ก็เรียกว่า...
เราเดินตามกระแสธรรม ของสมณะ
เป็นสัมมาปฏิบัติถูกทาง แห่ง...การพ้นทุกข์."
--------------------------------------------------------------------
หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่