‘ Extreme Weather’ ฝนห่าใหญ่ในสภาพอากาศสุดขั้ว

กระทู้คำถาม
ขอบคุณบทความดีๆจาก https://waymagazine.org/sathon-vijarnwannaluk-extreme-weather/

คัดลอกบางส่วน :

9-11 กันยายน 2565 คือ 3 วันแห่งความวิปริต ปริมาณน้ำฝนพุ่งถึง 100 มม. ต่อชั่วโมงต่อเนื่อง พอดิบพอดีกับน้ำทะเลหนุนสูง และน้ำเหนือจากเขื่อนเจ้าพระยาที่ถูกระบายออกมาถึง 1,800-2,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ปริมาณน้ำฝน 100 มม. ต่อชั่วโมง อาจเกิดขึ้นได้จาก Extreme Weather หรือ สภาพอากาศสุดขั้ว เป็นปัจจัยหนึ่งของ Climate Crisis วิกฤตสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก เป็นห่าฝนที่ไม่ต่างอะไรกับการเล่นไฮโล นั่นคือ เราไม่รู้ว่าลูกเต๋าจะออกหน้าไหน คาดเดาไม่ได้ และรับมือยาก 

☘️☘️☘️หากเรามองหาความ ‘ผิดปกติ’ ในความปกติของสภาพอากาศปีนี้ เราจะเห็นอะไรบ้าง?
มีคนทำสถิติเพื่อดูว่าเดือนกันยายนปีนี้มันมีปัญหาอะไร เขาพบว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา มีฝนตกหนักจนกระทั่งมีปริมาณน้ำฝนเกิน 100 มม. ต่อชั่วโมงอยู่ 10 กว่าครั้ง ในจำนวนนี้มี 6 ครั้ง เกิดในเดือนกันยายน 2565 นี้ 
นี่คือลักษณะหนึ่งที่เขาเรียกว่า Extreme Weather หรือ สภาพอากาศสุดขั้ว สิ่งนี้เกี่ยวพันกับภาวะโลกร้อน

☘️☘️☘️สถานการณ์ฝนเดือนกันยายนปีนี้ที่ตกหนักต่อเนื่องในกรุงเทพฯ มีความพิเศษอย่างไร?
มันพิเศษตรงที่ว่า หนึ่ง-ปริมาณน้ำฝน 100 มม. ต่อชั่วโมง ติดกัน 3 วัน สอง-มันเกิดขึ้นในวันที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดพอดี และสาม-เกิดขึ้นในจังหวะที่เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นด้วย
แต่เมื่อวันที่ 11 กันยายน สิ่งที่เกิดขึ้นคือระดับน้ำด้านนอกสูง ฝนตก น้ำในคลองเต็ม แต่สูบออกไม่ได้เพราะน้ำข้างนอกสูง หากสูบออกไปอีกก็จะไปท่วมพื้นที่ข้างนอก ฝั่งนครนายกเขาก็ไม่ยอม เพราะจะไปท่วมบ้านเรือนราษฎรแถวนั้น ฝั่งฉะเชิงเทราก็สูบออกไปไม่ได้ น้ำจึงค้างอยู่ กทม. จัดการได้อย่างเดียวคือสูบออกแม่น้ำเจ้าพระยาผ่านทางพระโขนง กับปทุมธานี ซึ่งถ้าเราดึงน้ำจากฝั่งประเวศไปพระโขนงอย่างที่อาจารย์ชัชชาติว่า มันต้องดึงตั้ง 20 กิโลเมตร มันไกล 
ดังนั้น สิ่งที่อาจารย์ชัชชาติทำคือไปคุยกับผู้ว่าฯ ปทุมธานี เพื่อหาทางจัดการปัญหา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่