#MainStand “ชาตรี” ยืนยันไม่มีปัญหากับ “โบ๊ท เพชรยินดี” พร้อมเปิดทาง “เพชรมรกต” รีแมตช์ “ตะวันฉาย”
ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้งและประธาน
ONE Championship เปิดโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในไทย เกี่ยวกับควันหลงหลังเกมคู่เอก ศึก ONE : 161 ระหว่าง
เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี กับ
ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ยืนยันตนเองไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับ
ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ หัวหน้าค่ายของเพชรมรกต และพร้อมให้คู่นี้รีแมตช์ โดยเล็งไว้อาจจัดในเมืองไทย
ประเด็นดังกล่าวเป็นที่พูดถึงภายในโซเชียลมีเดีย ภายหลังจากที่ เพชรมรกต เสียเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นเฟเธอร์เวตแก่ ตะวันฉาย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565
โดย โบ๊ท-ณัฐเดช หัวหน้าค่ายมวยเพชรยินดีอะคาเดมี ได้โพสต์ข้อความว่า “กูภูมิใจในตัวนะวิน (ชื่อเล่น เพชรมรกต) กลับมาสู้กันใหม่ ต่อยดีมากๆ ไม่เสียชื่อเพชรยินดี ผมยินดีกับตะวันฉายจากใจจริง น้องทำหน้าที่ได้สุดยอดมากๆครับ และก็ขอแสดงความยินดีกับคุณชาตรี ที่ในที่สุดก็เอาเข็มขัดแชมป์จากเพชรมรกตไปจนได้ เพชรยินดีอยู่ขวางหูขวางตามานานแล้วครับ หลังจากนี้เราทั้งคู่จะได้สบายใจกันสักที”
ทำให้ ชาตรี ได้จัดแถลงข่าวพิเศษ (ออนไลน์) เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนชาวไทยได้ตั้งคำถาม ซึ่งท่อนหนึ่ง ชาตรี ได้การพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ผมตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มีปัญหากับ โบ๊ท ผมชอบเขามาก และผมนับถือเพชรยินดี ถ้าหากผมปัญหากับเพชรยินดีจริง เมื่อ 3-4 เดือนก่อน ผมจะให้โบนัสเพชรมรกตทำไม ? ตั้ง 50,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ”
“แล้วถ้าผมมีปัญหาจริง ทำไมถึงจัดให้ กัปปิตัน มาชกกับ อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ความจริงไฟต์นี้ก่อนชกผมมองว่า กัปปิตัน น่าจะแจ้งเกิดเอาชนะน็อกได้ด้วยซ้ำ เพราะขนาดใส่นวมใหญ่ ชกกติกาคิกบอกซิ่ง กัปปิตัน ยังชนะมาได้ วันนี้ชกมวยไทยนวมเล็ก กัปปิตัน มีโอกาสชนะแน่ แต่อลาเวอร์ดี้มาชกได้ดีมาก”
“เรื่องการตัดสินของเราใช้กรรมการต่างชาติทั้งหมด ทุกอย่างเป็นการกีฬาร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีการแทรงแซง เราดูกันที่การออกอาวุธหนักและคมแค่ไหน แต่เกมบนเวทีสูสีมากทุกยก ซึ่งตะวันฉายออกอาวุธได้หนักมากกว่า ขยันออกอาวุธมากกว่า ส่วนตัวผมก็มองว่าตะวันฉาย ควรชนะถูกต้องแล้ว”
“ดังนั้นผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ โบ๊ท และผมยังพร้อมจะร่วมงานกับเขาเสมอ ผมเข้าใจว่าเขาอาจจะโมโห เพราะเสียแชมป์โลกไป แต่ถ้าผมไม่อยากร่วมงานกับเขาจริง ผมจะจัดนักมวยค่ายเพชรยินดี ขึ้นชกทำไม"
"คู่นี้สามารถรีแมตช์กันได้ เพราะนักมวยสองคนชกกันได้ดีมาก ต่อยกันได้สมศักดิ์ศรี บางทีคู่นี้อาจจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยก็ได้ เดี๋ยวผมจะลองคุยกับโบ๊ทก่อน”
ส่วนประเด็นเรื่องที่ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ได้ออกโพสต์ก่อนเกมว่า ไฟต์นี้ตนเองไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสนาม ในฐานะหัวหน้าค่ายมวย ทาง ชาตรี ศิษย์ยอดธง ได้อธิบายว่า ในศึก ONE 161 ตรงกับช่วงเวลาที่ประเทศสิงคโปร์ จัดการแข่งขัน F1 รวมถึงภายในเมืองมีการก่อสร้างด้วย จึงทำให้แมตช์ดังกล่าวต้องจัดระบบปิด ไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าสนามได้ และจำกัดจำนวนคนเข้าในพื้นที่
แม้แต่ทีมงานของ ONE ก็ต้องลดจำนวนจากเคยใช้เจ้าหน้าที่ 150 คน เหลือ 50 คน ส่วนเรื่องการเข้าสนามนั้น ทาง ONE อนุญาตให้ นักมวย 1 คน มีพี่เลี้ยงติดตามเข้าสนามได้ไม่เกิน 3 คนเท่านั้น
ดังนั้น หัวหน้าค่ายไหนที่ต้องการเข้าไป ต้องเข้าไปในฐานะพี่เลี้ยงเท่านั้น เหมือนกับกรณีของ เปรม บุษราบวรวงศ์ และ เทอดศักดิ์ เทศรุ่งเรือง สองผู้บริหารค่ายมวยแฟร์เท็กซ์และพี.เค.แสนชัยฯ ที่ติดตาม เฟอร์รารี่ และแสงมณี-ตะวันฉาย เข้าไปที่มุม ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง
Source:
Main Stand
[ONE Championship] “ชาตรี” ยืนยันไม่มีปัญหากับ “โบ๊ท เพชรยินดี” พร้อมเปิดทาง “เพชรมรกต” รีแมตช์ “ตะวันฉาย”
ชาตรี ศิษย์ยอดธง ผู้ก่อตั้งและประธาน ONE Championship เปิดโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนในไทย เกี่ยวกับควันหลงหลังเกมคู่เอก ศึก ONE : 161 ระหว่าง เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี กับ ตะวันฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม ยืนยันตนเองไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ หัวหน้าค่ายของเพชรมรกต และพร้อมให้คู่นี้รีแมตช์ โดยเล็งไว้อาจจัดในเมืองไทย
ประเด็นดังกล่าวเป็นที่พูดถึงภายในโซเชียลมีเดีย ภายหลังจากที่ เพชรมรกต เสียเข็มขัดแชมป์โลกมวยไทย ONE รุ่นเฟเธอร์เวตแก่ ตะวันฉาย เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน 2565
โดย โบ๊ท-ณัฐเดช หัวหน้าค่ายมวยเพชรยินดีอะคาเดมี ได้โพสต์ข้อความว่า “กูภูมิใจในตัวนะวิน (ชื่อเล่น เพชรมรกต) กลับมาสู้กันใหม่ ต่อยดีมากๆ ไม่เสียชื่อเพชรยินดี ผมยินดีกับตะวันฉายจากใจจริง น้องทำหน้าที่ได้สุดยอดมากๆครับ และก็ขอแสดงความยินดีกับคุณชาตรี ที่ในที่สุดก็เอาเข็มขัดแชมป์จากเพชรมรกตไปจนได้ เพชรยินดีอยู่ขวางหูขวางตามานานแล้วครับ หลังจากนี้เราทั้งคู่จะได้สบายใจกันสักที”
ทำให้ ชาตรี ได้จัดแถลงข่าวพิเศษ (ออนไลน์) เพื่อเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนชาวไทยได้ตั้งคำถาม ซึ่งท่อนหนึ่ง ชาตรี ได้การพูดถึงประเด็นนี้ว่า “ผมตกใจมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มีปัญหากับ โบ๊ท ผมชอบเขามาก และผมนับถือเพชรยินดี ถ้าหากผมปัญหากับเพชรยินดีจริง เมื่อ 3-4 เดือนก่อน ผมจะให้โบนัสเพชรมรกตทำไม ? ตั้ง 50,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ”
“แล้วถ้าผมมีปัญหาจริง ทำไมถึงจัดให้ กัปปิตัน มาชกกับ อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ความจริงไฟต์นี้ก่อนชกผมมองว่า กัปปิตัน น่าจะแจ้งเกิดเอาชนะน็อกได้ด้วยซ้ำ เพราะขนาดใส่นวมใหญ่ ชกกติกาคิกบอกซิ่ง กัปปิตัน ยังชนะมาได้ วันนี้ชกมวยไทยนวมเล็ก กัปปิตัน มีโอกาสชนะแน่ แต่อลาเวอร์ดี้มาชกได้ดีมาก”
“เรื่องการตัดสินของเราใช้กรรมการต่างชาติทั้งหมด ทุกอย่างเป็นการกีฬาร้อยเปอร์เซนต์ ไม่มีการแทรงแซง เราดูกันที่การออกอาวุธหนักและคมแค่ไหน แต่เกมบนเวทีสูสีมากทุกยก ซึ่งตะวันฉายออกอาวุธได้หนักมากกว่า ขยันออกอาวุธมากกว่า ส่วนตัวผมก็มองว่าตะวันฉาย ควรชนะถูกต้องแล้ว”
“ดังนั้นผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ โบ๊ท และผมยังพร้อมจะร่วมงานกับเขาเสมอ ผมเข้าใจว่าเขาอาจจะโมโห เพราะเสียแชมป์โลกไป แต่ถ้าผมไม่อยากร่วมงานกับเขาจริง ผมจะจัดนักมวยค่ายเพชรยินดี ขึ้นชกทำไม"
"คู่นี้สามารถรีแมตช์กันได้ เพราะนักมวยสองคนชกกันได้ดีมาก ต่อยกันได้สมศักดิ์ศรี บางทีคู่นี้อาจจะจัดขึ้นที่ประเทศไทยก็ได้ เดี๋ยวผมจะลองคุยกับโบ๊ทก่อน”
ส่วนประเด็นเรื่องที่ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ได้ออกโพสต์ก่อนเกมว่า ไฟต์นี้ตนเองไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสนาม ในฐานะหัวหน้าค่ายมวย ทาง ชาตรี ศิษย์ยอดธง ได้อธิบายว่า ในศึก ONE 161 ตรงกับช่วงเวลาที่ประเทศสิงคโปร์ จัดการแข่งขัน F1 รวมถึงภายในเมืองมีการก่อสร้างด้วย จึงทำให้แมตช์ดังกล่าวต้องจัดระบบปิด ไม่อนุญาตให้ผู้ชมเข้าสนามได้ และจำกัดจำนวนคนเข้าในพื้นที่
แม้แต่ทีมงานของ ONE ก็ต้องลดจำนวนจากเคยใช้เจ้าหน้าที่ 150 คน เหลือ 50 คน ส่วนเรื่องการเข้าสนามนั้น ทาง ONE อนุญาตให้ นักมวย 1 คน มีพี่เลี้ยงติดตามเข้าสนามได้ไม่เกิน 3 คนเท่านั้น
ดังนั้น หัวหน้าค่ายไหนที่ต้องการเข้าไป ต้องเข้าไปในฐานะพี่เลี้ยงเท่านั้น เหมือนกับกรณีของ เปรม บุษราบวรวงศ์ และ เทอดศักดิ์ เทศรุ่งเรือง สองผู้บริหารค่ายมวยแฟร์เท็กซ์และพี.เค.แสนชัยฯ ที่ติดตาม เฟอร์รารี่ และแสงมณี-ตะวันฉาย เข้าไปที่มุม ด้วยการเป็นพี่เลี้ยงนั่นเอง
Source: Main Stand