จากเรื่องความขัดแย้งระหว่างพระชาตรีกับแพรรี่ สะท้อนให้เห็นถึงข้อบกพร่องทางพระพุทธศาสนาหลายๆเรื่อง ขอแยก 2 ประเด็น ประเด็นหนึ่งของพระชาตรี อีกประเด็นหนึ่งของแพรี่
ประเด็นของพระชาตรี ที่เห็นความผิดชัดเจนก็คือ พูดผิดศีลข้อ 4 อีเป็นคำไม่สุภาพ การแสดงอารมณ์มีโทสะเจือปนอยู่ ส่วนเรื่องยักยอกเงินรอพิสูจน์
ประเด็นของแพรี่ ที่เห็นๆคือ การใช้คำไม่สุภาพจนถึงหยาบมาก การแสดงอารมณ์เต็มไปด้วยโทสะมาก
ต้องบอกว่า ทุกวันนี้ ชาวพุทธจำนวนมากมีความคิดหวังกับพระที่มาบวชค่อนข้างเยอะ บางคนคาดหวังว่า พระที่มาบวชต้องปล่อยวางทุกอย่างได้ ต้องใสสะอาดบริสุทธิ์ทันที
ถ้าพระสามารถเป็นอย่างนั้นได้จริง พระพุทธเจ้าคงไม่ได้บัญญัติสิกขาบทไว้มากมายตั้งแต่พุทธกาลหรอก ที่ต้องมาบัญญัติเพราะว่า พระที่บวชจำนวนมากก็ยังเป็นเพียงสมมติสงฆ์ มีสภาวะจิตปุถุชน ไม่ถึงขั้นพระอริยบุคคล เมื่อมีกฎแล้ว ทำผิดก็ลงโทษไปกฎ เมื่อผิดเล็กน้อยก็ให้อภัยกัน แก้ไขใหม่ได้ ทำผิดหนักถึงขั้นปาราชิกก็จับสึก ผ้าเหลืองเป็นเพียงเครื่องแบบกระตุ้นให้มีจิตสำนึกในการทำความดีมากขึ้น
การสอนธรรมะ ก็มีหลายระดับ สอนให้แค่รู้เรื่องศีล สอนทำสมาธิ สอนให้เกิดปัญญาก้าวสู่อริยบุคคล
ที่บอกว่าสอนปูติน คือ สอนธรรมะขั้นไหน สอนประมาณสมาธิชั้นกลางหรือชั้นสูง หรือสอนอะไร
ตอนนี้ น่าจะเชิญท่านพระชาตรีมาเก็บตัวฝึกกรรมฐานในไทยนะ ท่าทางท่านจะถึงคราวเคราะห์
ถ้าท่านได้มาเก็บตัวเข้ากรรมฐาน น่าจะเป็นการแก้ไขภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น แสดงออกให้เห็นว่า มีความตั้งใจแก้ไขพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแด่พระพุทธศาสนาด้วย
เรื่องการศึกษา พระจบเปรียญธรรม 9 ประโยคนี่ มีคนจำนวนมากคาดหวังว่า พระผู้เรียนจบสูงนี้จะต้องเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา แต่ในโลกแห่งความจริงมันก็ไม่เสมอไป ถ้าไม่รู้จักภาวนาละกิเลส ขัดเกลาจิตใจให้ดี ก็ไม่สามารถสอนให้คนอื่นลดละกิเลสได้หรอก เพราะเปรียญธรรมก็เป็นการเล่าเรียนโดยใช้ความจำ เป็นการแสดงให้รู้ว่าผู้นี้มีความขยันเล่าเรียนศึกษา หมั่นท่องหมั่นจำเป็นอย่างยิ่ง
สะท้อน ผลการศึกษาคณะสงฆ์ไม่ตรงปก
https://youtu.be/dzgrPxUR3Gc
หนทางสำคัญที่จะเข้าถึงหัวใจพระศาสนา 3 ข้อ ได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง
การทำความดีให้เพรียบพร้อม
การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นั่นคือ เจริญวิปัสสนาภาวนา
พระที่ตั้งใจอ่านสิกขาบท 227 ข้อ แล้วรักษาไว้ให้ดี มีครูบาอาจารย์สอนสติปัฏฐาน 4 ที่เก่ง แล้วหมั่นบำเพ็ญปฏิบัติจะมีโอกาสที่เข้าถึงหัวใจพระศาสนาได้มากกว่าพระมุ่งเน้นแต่เปรียญธรรมแล้วไม่ปฏิบัติเพื่อชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์จากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
พุทธบริษัท 4 ไม่ว่าจะเป็น พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ขอให้ถือเอาหัวใจพระศาสนาทั้ง 3 ข้อเป็นสำคัญ เป็นเกณฑ์ชี้วัดชาวพุทธที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงวัตถุประสงค์ของปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดีที่สุด
ต่อไปในการแจกทุนเล่าเรียนหลวงให้พระสงฆ์ ระดับป.ธ.6-9 น่าจะมีการกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มไปว่า พระป.ธ.6-9 ที่จะรับทุนเล่าเรียนหลวงได้ ต้องสามารถทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ สามารถสอนวิปัสสนาภาวนาในระดับเบื้องต้นได้ คัดกรองพระที่เข้ารับทุนเล่าเรียนหลวงให้มีความเหมาะสมมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว พระที่จบป.ธ.6-9 ส่วนมาก ก็จะสุขุม อารมณ์เย็น มีสติอยู่แล้ว ประเภทนึกจะพูดอะไรก็พูดอย่างคนไม่มีสติ ก็จะไม่ค่อยมีให้เห็น แต่ถ้าคัดกรองได้ก็จะดีกว่า ส่วนทุนสำหรับวิปัสสนาจารย์โดยเฉพาะ ก็แจกให้กับพระวิปัสสนาจารย์ระดับสูงๆตามความเหมาะสม
ส่วนคนที่บอกว่าแพรรี่ไม่ผิด สึกแล้วทำอะไรก็ได้ เป็นชาวพุทธที่ดี นี่ก็ไม่รู้ว่า เป็นพวกไม่มีความรู้พระพุทธศาสนา หรือเป็นแฟนคลับแพรรี่ หรือเป็นพวกไม่ชอบศาสนามาร่วมแจมด้วย สุดแล้วแต่จะคิด จริงๆแล้วแพรรี่สามารถตอบโต้กับพระชาตรีอย่างสุภาพก็ได้
ไม่อยากให้คนจำนวนมากตามแพรรี่จนไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น ขอให้ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ดีกว่า เอาศีล 5 เป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะศีลข้อ 4 ละเว้นจากการพูดเท็จ,พูดคำหยาบ,พูดส่อเสียด,พูดเพ้อเจ้อ แสดงออกทางกาย วาจา ใจอย่างผู้มีสติ ถ้าคนทั้งประเทศคิดจะพูดอะไรก็พูด ก็จะส่งผลให้เกิดวจีกรรมกับคนทั้งประเทศ มีแต่คนที่จิตมีอกุศล ไม่ได้นำมาไปสู่สิ่งดี มีแต่จะพาชีวิตเสื่อมถอย
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าจะบวชพระหรือเณรควรเลือกบวชกับวัดที่เน้นปฏิบัติ เลือกพระครูบาอาจารย์ที่มีความสุขุม เยือกเย็น เน้นสอนสติปัฏฐาน 4 จะทำให้ขัดเกลาจิตใจแก่ผู้บวชได้เป็นอย่างดี
ควรจะพัฒนาพระพุทธศาสนาอย่างไร น่าเชิญพระชาตรีเข้าฝึกวิปัสสนาภาวนา
ประเด็นของพระชาตรี ที่เห็นความผิดชัดเจนก็คือ พูดผิดศีลข้อ 4 อีเป็นคำไม่สุภาพ การแสดงอารมณ์มีโทสะเจือปนอยู่ ส่วนเรื่องยักยอกเงินรอพิสูจน์
ประเด็นของแพรี่ ที่เห็นๆคือ การใช้คำไม่สุภาพจนถึงหยาบมาก การแสดงอารมณ์เต็มไปด้วยโทสะมาก
ต้องบอกว่า ทุกวันนี้ ชาวพุทธจำนวนมากมีความคิดหวังกับพระที่มาบวชค่อนข้างเยอะ บางคนคาดหวังว่า พระที่มาบวชต้องปล่อยวางทุกอย่างได้ ต้องใสสะอาดบริสุทธิ์ทันที
ถ้าพระสามารถเป็นอย่างนั้นได้จริง พระพุทธเจ้าคงไม่ได้บัญญัติสิกขาบทไว้มากมายตั้งแต่พุทธกาลหรอก ที่ต้องมาบัญญัติเพราะว่า พระที่บวชจำนวนมากก็ยังเป็นเพียงสมมติสงฆ์ มีสภาวะจิตปุถุชน ไม่ถึงขั้นพระอริยบุคคล เมื่อมีกฎแล้ว ทำผิดก็ลงโทษไปกฎ เมื่อผิดเล็กน้อยก็ให้อภัยกัน แก้ไขใหม่ได้ ทำผิดหนักถึงขั้นปาราชิกก็จับสึก ผ้าเหลืองเป็นเพียงเครื่องแบบกระตุ้นให้มีจิตสำนึกในการทำความดีมากขึ้น
การสอนธรรมะ ก็มีหลายระดับ สอนให้แค่รู้เรื่องศีล สอนทำสมาธิ สอนให้เกิดปัญญาก้าวสู่อริยบุคคล
ที่บอกว่าสอนปูติน คือ สอนธรรมะขั้นไหน สอนประมาณสมาธิชั้นกลางหรือชั้นสูง หรือสอนอะไร
ตอนนี้ น่าจะเชิญท่านพระชาตรีมาเก็บตัวฝึกกรรมฐานในไทยนะ ท่าทางท่านจะถึงคราวเคราะห์
ถ้าท่านได้มาเก็บตัวเข้ากรรมฐาน น่าจะเป็นการแก้ไขภาพลักษณ์ให้ดีขึ้น แสดงออกให้เห็นว่า มีความตั้งใจแก้ไขพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีแด่พระพุทธศาสนาด้วย
เรื่องการศึกษา พระจบเปรียญธรรม 9 ประโยคนี่ มีคนจำนวนมากคาดหวังว่า พระผู้เรียนจบสูงนี้จะต้องเป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา แต่ในโลกแห่งความจริงมันก็ไม่เสมอไป ถ้าไม่รู้จักภาวนาละกิเลส ขัดเกลาจิตใจให้ดี ก็ไม่สามารถสอนให้คนอื่นลดละกิเลสได้หรอก เพราะเปรียญธรรมก็เป็นการเล่าเรียนโดยใช้ความจำ เป็นการแสดงให้รู้ว่าผู้นี้มีความขยันเล่าเรียนศึกษา หมั่นท่องหมั่นจำเป็นอย่างยิ่ง
สะท้อน ผลการศึกษาคณะสงฆ์ไม่ตรงปก
https://youtu.be/dzgrPxUR3Gc
หนทางสำคัญที่จะเข้าถึงหัวใจพระศาสนา 3 ข้อ ได้แก่ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง
การทำความดีให้เพรียบพร้อม
การชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นั่นคือ เจริญวิปัสสนาภาวนา
พระที่ตั้งใจอ่านสิกขาบท 227 ข้อ แล้วรักษาไว้ให้ดี มีครูบาอาจารย์สอนสติปัฏฐาน 4 ที่เก่ง แล้วหมั่นบำเพ็ญปฏิบัติจะมีโอกาสที่เข้าถึงหัวใจพระศาสนาได้มากกว่าพระมุ่งเน้นแต่เปรียญธรรมแล้วไม่ปฏิบัติเพื่อชำระกาย วาจา ใจให้บริสุทธิ์จากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง
พุทธบริษัท 4 ไม่ว่าจะเป็น พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ขอให้ถือเอาหัวใจพระศาสนาทั้ง 3 ข้อเป็นสำคัญ เป็นเกณฑ์ชี้วัดชาวพุทธที่ดีที่สุด ซึ่งจะทำให้เราเข้าถึงวัตถุประสงค์ของปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดีที่สุด
ต่อไปในการแจกทุนเล่าเรียนหลวงให้พระสงฆ์ ระดับป.ธ.6-9 น่าจะมีการกำหนดกฎเกณฑ์เพิ่มไปว่า พระป.ธ.6-9 ที่จะรับทุนเล่าเรียนหลวงได้ ต้องสามารถทำหน้าที่เป็นวิปัสสนาจารย์ สามารถสอนวิปัสสนาภาวนาในระดับเบื้องต้นได้ คัดกรองพระที่เข้ารับทุนเล่าเรียนหลวงให้มีความเหมาะสมมากขึ้น แต่จริงๆแล้ว พระที่จบป.ธ.6-9 ส่วนมาก ก็จะสุขุม อารมณ์เย็น มีสติอยู่แล้ว ประเภทนึกจะพูดอะไรก็พูดอย่างคนไม่มีสติ ก็จะไม่ค่อยมีให้เห็น แต่ถ้าคัดกรองได้ก็จะดีกว่า ส่วนทุนสำหรับวิปัสสนาจารย์โดยเฉพาะ ก็แจกให้กับพระวิปัสสนาจารย์ระดับสูงๆตามความเหมาะสม
ส่วนคนที่บอกว่าแพรรี่ไม่ผิด สึกแล้วทำอะไรก็ได้ เป็นชาวพุทธที่ดี นี่ก็ไม่รู้ว่า เป็นพวกไม่มีความรู้พระพุทธศาสนา หรือเป็นแฟนคลับแพรรี่ หรือเป็นพวกไม่ชอบศาสนามาร่วมแจมด้วย สุดแล้วแต่จะคิด จริงๆแล้วแพรรี่สามารถตอบโต้กับพระชาตรีอย่างสุภาพก็ได้
ไม่อยากให้คนจำนวนมากตามแพรรี่จนไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้น ขอให้ตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ดีกว่า เอาศีล 5 เป็นบรรทัดฐาน โดยเฉพาะศีลข้อ 4 ละเว้นจากการพูดเท็จ,พูดคำหยาบ,พูดส่อเสียด,พูดเพ้อเจ้อ แสดงออกทางกาย วาจา ใจอย่างผู้มีสติ ถ้าคนทั้งประเทศคิดจะพูดอะไรก็พูด ก็จะส่งผลให้เกิดวจีกรรมกับคนทั้งประเทศ มีแต่คนที่จิตมีอกุศล ไม่ได้นำมาไปสู่สิ่งดี มีแต่จะพาชีวิตเสื่อมถอย
เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าจะบวชพระหรือเณรควรเลือกบวชกับวัดที่เน้นปฏิบัติ เลือกพระครูบาอาจารย์ที่มีความสุขุม เยือกเย็น เน้นสอนสติปัฏฐาน 4 จะทำให้ขัดเกลาจิตใจแก่ผู้บวชได้เป็นอย่างดี