พระจอมเกล้ากับสุนทรภู่

พระจอมเกล้ากับสุนทรภู่

ผู้ศีกษาประวัตืสุนทรภู่ มักเพ่งความสนใจไปที่แผ่นดินรัชกาลที่สอง หรือสาม
ทั้งๆ ที่ ชีวิตท่าน สัมพันธ์กับแผ่นดินพระจอมเกล้า ตั้งแต่ยังเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎ ยิ่งกว่ารัชกาลใด

๑ บวชปีเดียวกัน
สุนทรภู่แจ้งไว้ในรำพันพิลาปว่า "แต่ปีวอกออกขาดราชกิจ บรรพชิตพิศวาทศาสนา" ตรงกับพ.ศ. ๒๓๖๗ ปีสุดท้ายของ
รัชกาลที่สอง ปีเดียวกันนี้เอง เจ้าฟ้ามงกุฎ พระชันษา ๒๐ ทรงผนวชเช่นกัน

ตามประวัติที่เชื่อกัน ระบุว่าสุนทรภู่เกิด ๒๓๒๙ เมื่อบวชจะมีอายุถึง ๓๘ ปี น่ารังเกียจเพราะผิดประเพณีไปมาก
ผู้ศึกษาจึงต้องสร้างเหตุผลรองรับว่าบวชหนีราชภัย แต่ตามถ้อยคำ "พิศวาทศาสนา" ชัดเจนว่าเป็นไปโดยสมัครใจ
คำต่อมา "ออกขาดราชกิจ"ก็ส่อว่าได้ขอลาราชการด้วย เรื่องแหนงพระนั่งเกล้า จึงตวรยุติ

๒ อายุ
ชายไทยมักบวชเมื่ออายุถึงเกณฑ์ (๒๐) มีประกาศ พ.ศ. ๒๓๙๕ ระบุว่า อนุโลมให้ล่าช้าไปถึงอายุ ๒๓ พ้นจากนี้ห้ามบวช
ประกาศนี้ ย้ำถึงประเพณีที่สืบทอดกันมา การที่สุนทรภู่สึกแล้วยังได้กลับเข้ารับราชการอีก
จึงน่าประเมินว่าไม่เป็นผู้ประพฤติผิดพระราชนิยมพระจอมเกล้าฯ เรื่องห้ามบวชเมื่อแก่ แสดงว่าท่านบวชตามเกณฑ์
อย่างช้าสุดก็ตอนอายุ ๒๓ ไม่ข้าม ๒๔ หรือเกิดเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๔ อายุมากกว่าเจ้าฟ้าใหญ่ราว ๓ ปี

๒ บุตร
ก่อนทรงผนวช เจ้าฟ้ามงกุฎมีโอรสแล้ว ๒ พระองค์ คือ หม่อมเจ้านพวงศ์ ประสูติ ๒๓๖๖ และ หม่อมเจ้าสุประดิษฐ ประสูติ
๒๓๖๗ เมื่อพระบิดามีพระชนม์ ๑๙-๒๐

สุนทรภู่ก็มีบุตร ๒ คน คือพัดและตาบ กศร.กุหลาบให้ข้อมูลว่า พัดเกิดเมื่อ ๒๓๖๑-๒๓๖๒ สามารถคำนวณต่อได้ว่า
มีบุตรคนแรกเมื่ออายุ ๑๗ การมีลูกก่อนบวชนั้น เป็นปกติของชนชั้นผู้ดีสมัยก่อน

๓ บวชนาน
พระจอมเกล้า ทรงผนวชนาน ๒๗ พรรษา สุนทรภู่บวช ๑๘ พรรษา นับว่านานพอดู
ลงท้ายยังสึกออกมาทำราชการเหมือนกันอีก

๔ ตระเวณหัวเมือง
พระจอมเกล้า เสด็จประพาสหัวเมืองหลายแห่ง ไกลสุดคือเมืองเก่าสุโขทัย สุนทรภู่ก็ไม่แพ้กัน
"ทางบกเรือเหนือใต้เที่ยวไปทั่วจังหวัดหัวเมืองสิ้นทุกถิ่นฐาน"

๕ ปราชญ์
เป็นที่ยอมรับโดยปราศจากข้อกังขาว่า พระจอมเกล้าฯ ทรงเป็นกษัตริย์นักปราชญ์
สุนทรภู่เองในฐานะครูของเจ้าฟ้าในรัชกาลที่สองถึง  ๓ พระองค์ ก็ต้องมีภูมิความรู้เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังได้สอนในรัชกาล
พระนั่งเกล้าฯ ซึ่งให้ความสำคัญกับเจ้าฟ้าของพระราชบิดาเป็นที่ยิ่ง คงไม่ปล่อยให้ครูสามัญมารับหน้าที่นี้
ภูทิรู้ของสุนทรภู่เห็นได้จากคำสอนที่แจ้งไว้ในเพลงยาวถวายโอวาท บางส่วนว่า
"ลำดับศักดิ์จักรพรรดิขัตติวงศ์อุตส่าห์ทรงจดจำให้ชำนาญ
ด้วยพระองค์ทรงสยมบรมนาถบังคับราชการสิ้นทุกถิ่นฐาน
กรมศักดิ์หลักชัยพระอัยการมนเทียรบาลพระบัญญัติตัดสำนวน
อนึ่งให้รู้สุภาษิตบัณฑิตพระร่วงโคลงเพชรพวงผิดชอบทรงสอบสวน
ราชาศัพท์รับสั่งให้บังควรทราบให้ถ้วนถี่ไว้จะได้ทูล
ทั้งพุทธไสยไตรดาทวายุคให้ทราบทุกที่ถวิลบดินทร์สูรย์
พระยศศักดิ์จักเฉลิมให้เพิ่มพูนได้พึ่งทูลกระหม่อมของฉันสององค์"

๖ ทันโลก
พระจอมเกล้าฯ ศึกษาเจนจบทางโลกและทางธรรม รอบรู้ศาสตร์สมัยใหม่ เช่นถ่ายรูปและการพิมพ์
ส่วนพระอภัยมณี เชื่อว่าเริ่มแต่งในรัชกาลที่สอง เรื่องล้ำสมัยในเนิ้อหา จึงนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์
แต่แม้มีหลักฐานว่าแต่งในรัชกาลที่สี่ คุณวิเศษก็ยังสูงส่งอยู่ดี

๗ อภัยมณี-ศรีสุวรรณ
คู่พี่น้องในเรื่อง อาจจะได้เจ้าฟ้ามงกุฏและเจ้าฟ้าจุฑามณีเป็นแรงบันดาลใจ
ศรีสุวรรณเป็นตัวแทนนักรบ อภัยมณีเป็นตัวแทนสติปัญญา ตรงกันอย่างน่าประหลาดใจ

๘ ผลงานในรัชกาลที่สี่
แม้เป็นจางวางกรมพระอาลักษ์ฝ่ายวังหน้า สุนทรภู่กลับมีผลงานสนองวังหลวงมากมาย
ตั้งแต่แต่งเสภาพระราชราชพงศาวดารขับในยามทรงเครื่องใหญ่
แต่งบทเห่กล่อมพระบรรทมและเรื่องจับระบำ ขับตอนไกวพระอู่พระเจ้าลูกยาเธอ
ร่วมแปล "พงษาวดารพม่ารามัญ" "พงษาวดารเขมร" (ในประชุมพงศาวดาร ภาค ๑)
แต่งพระอภัยมณี และนิราศทั้งหมด

๙ ความไกล้ชิด
จากนิราศภูเขาทอง พบว่าพระเจ้าแผ่นดินที่สุนทรภู่ไกล้ชิด ไม่ใช่รัชกาลที่สอง
แต่เป็นรัชกาลที่สี่

ความเข้าใจผิดเรื่องสุนทรภู่ ควรแก้ไขเสียที
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่