Cr:
ThenativePanda
คำเตือน!!! กระทู้อวยนะจ๊ะสาว
1. Charismatic Leadership
ภาวะผู้นำแบบความสามารถพิเศษ คำว่า "Charisma" มาจากภาษากรีก หมายถึง บุคคลที่มีพรสวรรค์ที่สามารถทำงานได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์
🌟ภาวะผู้นำแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้นำแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความสำเร็จจนประทับใจผู้ตาม จนเป็นที่ยอมรับและยินดีจะปฏิบัติตาม
นัมจุนมีความสามารถที่โดดเด่นตั้งแต่สมัยเป็นแรปเปอร์ใต้ดิน สเตจเนม
Runch Randa
และเมื่อถูกวางตำแหน่งในบังทันโซนยอนดัน นัมจุนก็ได้แสดงความสามารถในการทำงานทั้ง
📍การแต่งเพลงด้วยภาษาอันสละสลวย แสดงถึงความคิดอันลุ่มลึก
📍สกิลการแรปที่น่าหลงใหลด้วยเสียงทุ้มเท่ๆและมีเนื้อหาที่สะกิดใจผู้ฟังอย่างมาก
📍ความฉลาดปราดเปรื่องและไหวพริบในการจัดการกับปัญหา
📍ทักษะในการใช้ภาษาอันน่าเหลือเชื่อที่ไม่คิดว่าจะหาได้ในคนอายุน้อยขนาดนี้
📍ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น
ยุนกิยังเคยบอกว่า ถ้านัมจุนไปอยู่วงอื่น เขาต้องเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างแน่นอน!!
2. Relational Leadership
ให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานเป็นทีม เชื่อว่า "คน" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด "คน" จะต้องมาก่อนเรื่อง "งาน"
พยายามเข้าใจปัญหาของผู้ตาม ช่วยให้ผู้ตามมีการพัฒนาและสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ โดยจะคอยดูแลอยู่ห่างๆอย่างให้เกียรติ
นัมจุนให้ความสำคัญกับวงอย่างที่สุด
ในคลิปที่อาร์มี่ทุกคนน่าจะจำได้ดี ตอนที่บังพีดีให้นัมจุนเลือกระหว่างบังทันกับนัมจุนคนเดียว …นัมจุนตอบโดยไม่ลังเลว่าเขาเลือก"
บังทัน"
🌟เรียกได้ว่า หากนัมจุนไม่ได้ตัดสินใจอย่างวันนั้น ก็คงไม่มีบังทันอย่างทุกวันนี้
การตัดสินใจของนัมจุนในวันนั้นอาจจะไม่ใช่จุดชี้ขาดจริงๆ ทีมงานอาจแค่ลองแกล้งถ่าย
แต่ความรู้สึกของเมมเบอร์มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
🤍ความรู้สึกศรัทธาในตัวลีดเดอร์
🤍ความเชื่อมั่นแห่งมิตรภาพ
🤍ความหวังแห่งอนาคต
…นัมจุนได้สร้างมันขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเป็นผลลัพธ์อันทรงพลัง
3. Servant Leadership
ผู้นำที่เป็นผู้รับใช้
🌟มีความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นก่อน
🌟ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหรือยกระดับผู้อื่นในทีมของตน
🌟ประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นทีมเดียวกัน
🌟ในขณะเดียวกันก็เอาใจใส่ต่อคุณภาพชีวิตของคนในองค์กร
ความมุ่งมั่นของเขาเองจึงเพื่อบุคคลอื่น เพื่อองค์กร ไม่ใช่เพื่อตนเอง
บังทันบอกว่าการทำงานของนัมจุนไม่เหมือนหัวหน้าทั่วๆไป
✅เขาทำงานอย่างหนัก คอยดูแลเมมเบอร์ทุกคนอย่างดีที่สุดจนลืมดูแลตัวเอง นั่นทำให้เมมเบอร์ตระหนักได้เอง บังทันทุกคนจึงขึ้นชื่อเรื่องการทำงานอย่างหนัก
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และดูแลกันและกันอย่างดี
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน…มันคือ "
ครอบครัว"
4. Tranformational Leadership
ผู้นำปฏิรูป ผู้นำแบบนี้มีความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ พร้อมไปกับการส่งเสริมการริเริ่มสร้างสรรค์ด้านผลงาน ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ
❌ผู้นำTranformational จะไม่ใช้แรงจูงใจทางวัตถุอย่างผู้นำแบบTransactional
✅แต่จะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน
การทำให้กิจกรรมต่างๆเกิดความหมายในเชิงคุณค่า ให้ความใส่ใจต่อการทำงานของผู้ตาม
ส่งผลต่อการเพิ่มแรงจูงใจของผู้ตามให้ปฏิบัติไปในแนวทางดีงามต่อส่วนรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของตนเอง
อาจไม่สามารถกล่าวได้ว่านัมจุนเป็นผู้สร้างวิสัยทัศน์ให้แก่บังทัน เพราะพวกเขามีแพชชั่นเหมือนกันมาตลอด
แต่สามารถกล่าวได้อย่างแน่นอนว่า
💜เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของเมมเบอร์ทุกคน
💜เขาทำงานหนัก
💜เขาพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
💜เขาเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของตัวเองด้วยความสร้างสรรค์
💜เขารักในงานที่ทำ
💜เขาเคารพผู้ร่วมงานและแฟนคลับ
สิ่งเหล่านี้คือการสร้างวิสัยทัศน์ให้แก่กันและกันโดยอัตโนมัติ
ทำให้เมมเบอร์ทุกคนมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน
…นั่นคือ
การทำเพลง ไม่ใช่เพียงเพื่อยอดขาย แต่ทำเพื่อ"ความสุข" เพื่อ"พัฒนาตัวเอง" เพื่อสังคม เพื่อ"ตอบแทนความรัก"ที่พวกเขาได้รับ
5. Quantum Leadership
มาจากมุมมองเปรียบเทียบทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่อธิบายว่า "แสง" มีคุณสมบัติเป็นได้ทั้งสสารและพลังงาน ซึ่งต่างไปจากฟิสิกส์แบบเก่าที่เชื่อว่า แสงเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นและสังเกตได้โดยตรง
🌟จึงทำให้บทบาทของผู้นำเปลี่ยนแปลงไปจากการเป็นผู้สั่งการไปเป็นผู้สร้างสรรค์
บรรยากาศที่เอื้อให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วมและมีอิสระในการปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้องค์การนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นองค์การที่ขับเคลื่อนตนเองได้
นัมจุนไม่เคยใช้อำนาจในฐานะลีดเดอร์ มีแต่คอยผลักดันให้เมมเบอร์แสดงความสามารถของตัวเองออกมา
เขาเปิดโอกาสให้เมมเบอร์ได้แสดงความคิดเห็น เราจะเห็นได้จากในเบื้องหลังการทำงานทุกงาน นัมจุนจะถามความเห็นทุกคนก่อนเสมอ แต่ถ้ายังไม่มีใครเสนอ นัมจุนก็จะเป็นคนเริ่มเพื่อให้ตัวเลือกหรือเป็นแบบอย่างแนวทางให้กับเมมเบอร์ในการแตกยอดความคิด
ในงานสัมภาษณ์หรือกล่าวขอบคุณรางวัลต่างๆ
เราจะเห็นนัมจุนคอยสนับสนุนให้เมมเบอร์ได้พูดอยู่เสมอ เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เมมเบอร์พูด และพร้อมจะเข้าช่วยเหลือเมื่อใครก็ตามต้องการอย่างทันทีทันใด
นัมจุนสนับสนุนการทำเพลงด้วยตัวเองของเมมเบอร์ ไม่ใช่ด้วยการบังคับให้ทำ แต่เขาเลือกที่จะทำให้เห็น จนเมมเบอร์อยากลองทำบ้าง
และเขาก็จะเป็นคนคอยช่วยเอง
นี่คือจำนวนเครดิตในเพลงที่เมมเบอร์บังทันทุกคนมีลิขสิทธิ์ในสมาคมลิขสิทธิ์เพลงเกาหลี(KOMCA)
นัมจุน 200 เพลง
ยุนกิ 147 เพลง
เจโฮป 134 เพลง
จองกุก 20 เพลง
แทฮยอง 18 เพลง
ซอกจิน 14 เพลง
จีมิน 10 เพลง
🌟นั่นทำให้เมมเบอร์ทุกคนเติบโต ไม่ใช่เป็นเพียงไอดอลในวงการ K-pop
…แต่กลายเป็นศิลปินที่ทรงคุณค่า เปล่งประกายเมื่ออยู่ร่วมกัน และสง่างามเมื่อยืนคนเดียว
…แต่ยังคงอบอุ่นหัวใจเสมอ เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง แต่จะมีเมมเบอร์คอยซัพพอร์ตตลอดไป
"เราซัพพอร์ตกันและกันมากๆเลยครับ ล่าสุดเมมเบอร์ก็ไปรวมตัวกันที่บ้านของชูก้าฮยอง เปิดเพลงเดี่ยวที่พวกเราแต่ละคนทำให้กันฟัง
บางคนก็เต้นไปด้วยแล้วทุกคนก็พูดว่า 'ดีเลย ดีเลย' มันสุดยอดมากๆครับ อาจจะเพราะว่าเมมเบอร์แต่ละคนเตรียมงานเพลงในแบบของตัวเองเช่นนี้ พวกเรามีแพชชั่นกันมากๆ มุ่งมั่นทำเพลงอยู่เสมอแล้วก็รักกันและกันมากเลยครับ ได้เห็นแบบนั้นมันดีมากๆเลยล่ะครับ"
[V X Vogue Korea Interview]
[BTS Thread] ทฤษฎีภาวะผู้นำ กับ "คิมนัมจุน" ในฐานะลีดเดอร์ของวง BTS
คำเตือน!!! กระทู้อวยนะจ๊ะสาว
1. Charismatic Leadership
ภาวะผู้นำแบบความสามารถพิเศษ คำว่า "Charisma" มาจากภาษากรีก หมายถึง บุคคลที่มีพรสวรรค์ที่สามารถทำงานได้สำเร็จอย่างน่าอัศจรรย์
🌟ภาวะผู้นำแบบนี้จะเกิดขึ้นเมื่อผู้นำแสดงให้เห็นถึงความสามารถและความสำเร็จจนประทับใจผู้ตาม จนเป็นที่ยอมรับและยินดีจะปฏิบัติตาม
นัมจุนมีความสามารถที่โดดเด่นตั้งแต่สมัยเป็นแรปเปอร์ใต้ดิน สเตจเนม Runch Randa
และเมื่อถูกวางตำแหน่งในบังทันโซนยอนดัน นัมจุนก็ได้แสดงความสามารถในการทำงานทั้ง
📍การแต่งเพลงด้วยภาษาอันสละสลวย แสดงถึงความคิดอันลุ่มลึก
📍สกิลการแรปที่น่าหลงใหลด้วยเสียงทุ้มเท่ๆและมีเนื้อหาที่สะกิดใจผู้ฟังอย่างมาก
📍ความฉลาดปราดเปรื่องและไหวพริบในการจัดการกับปัญหา
📍ทักษะในการใช้ภาษาอันน่าเหลือเชื่อที่ไม่คิดว่าจะหาได้ในคนอายุน้อยขนาดนี้
📍ความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้อื่น
ยุนกิยังเคยบอกว่า ถ้านัมจุนไปอยู่วงอื่น เขาต้องเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างแน่นอน!!
2. Relational Leadership
ให้ความสำคัญในเรื่องของการทำงานเป็นทีม เชื่อว่า "คน" เป็นสิ่งสำคัญที่สุด "คน" จะต้องมาก่อนเรื่อง "งาน"
พยายามเข้าใจปัญหาของผู้ตาม ช่วยให้ผู้ตามมีการพัฒนาและสนับสนุนให้ประสบความสำเร็จ โดยจะคอยดูแลอยู่ห่างๆอย่างให้เกียรติ
นัมจุนให้ความสำคัญกับวงอย่างที่สุด
ในคลิปที่อาร์มี่ทุกคนน่าจะจำได้ดี ตอนที่บังพีดีให้นัมจุนเลือกระหว่างบังทันกับนัมจุนคนเดียว …นัมจุนตอบโดยไม่ลังเลว่าเขาเลือก"บังทัน"
🌟เรียกได้ว่า หากนัมจุนไม่ได้ตัดสินใจอย่างวันนั้น ก็คงไม่มีบังทันอย่างทุกวันนี้
การตัดสินใจของนัมจุนในวันนั้นอาจจะไม่ใช่จุดชี้ขาดจริงๆ ทีมงานอาจแค่ลองแกล้งถ่าย
แต่ความรู้สึกของเมมเบอร์มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ
🤍ความรู้สึกศรัทธาในตัวลีดเดอร์
🤍ความเชื่อมั่นแห่งมิตรภาพ
🤍ความหวังแห่งอนาคต
…นัมจุนได้สร้างมันขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเป็นผลลัพธ์อันทรงพลัง
3. Servant Leadership
ผู้นำที่เป็นผู้รับใช้
🌟มีความรู้สึกอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นก่อน
🌟ให้ความสำคัญกับการพัฒนาหรือยกระดับผู้อื่นในทีมของตน
🌟ประสบความสำเร็จในฐานะที่เป็นทีมเดียวกัน
🌟ในขณะเดียวกันก็เอาใจใส่ต่อคุณภาพชีวิตของคนในองค์กร
ความมุ่งมั่นของเขาเองจึงเพื่อบุคคลอื่น เพื่อองค์กร ไม่ใช่เพื่อตนเอง
บังทันบอกว่าการทำงานของนัมจุนไม่เหมือนหัวหน้าทั่วๆไป
✅เขาทำงานอย่างหนัก คอยดูแลเมมเบอร์ทุกคนอย่างดีที่สุดจนลืมดูแลตัวเอง นั่นทำให้เมมเบอร์ตระหนักได้เอง บังทันทุกคนจึงขึ้นชื่อเรื่องการทำงานอย่างหนัก
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ และดูแลกันและกันอย่างดี
ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นมากกว่าเพื่อนร่วมงาน…มันคือ "ครอบครัว"
4. Tranformational Leadership
ผู้นำปฏิรูป ผู้นำแบบนี้มีความสามารถในการสร้างวิสัยทัศน์ พร้อมไปกับการส่งเสริมการริเริ่มสร้างสรรค์ด้านผลงาน ผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ
❌ผู้นำTranformational จะไม่ใช้แรงจูงใจทางวัตถุอย่างผู้นำแบบTransactional
✅แต่จะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ต่อกัน
การทำให้กิจกรรมต่างๆเกิดความหมายในเชิงคุณค่า ให้ความใส่ใจต่อการทำงานของผู้ตาม
ส่งผลต่อการเพิ่มแรงจูงใจของผู้ตามให้ปฏิบัติไปในแนวทางดีงามต่อส่วนรวมมากกว่าเพื่อประโยชน์ของตนเอง
อาจไม่สามารถกล่าวได้ว่านัมจุนเป็นผู้สร้างวิสัยทัศน์ให้แก่บังทัน เพราะพวกเขามีแพชชั่นเหมือนกันมาตลอด
แต่สามารถกล่าวได้อย่างแน่นอนว่า
💜เขาเป็นแบบอย่างที่ดีของเมมเบอร์ทุกคน
💜เขาทำงานหนัก
💜เขาพัฒนาตัวเองตลอดเวลา
💜เขาเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำของตัวเองด้วยความสร้างสรรค์
💜เขารักในงานที่ทำ
💜เขาเคารพผู้ร่วมงานและแฟนคลับ
สิ่งเหล่านี้คือการสร้างวิสัยทัศน์ให้แก่กันและกันโดยอัตโนมัติ
ทำให้เมมเบอร์ทุกคนมีวิสัยทัศน์และเป้าหมายร่วมกัน
…นั่นคือการทำเพลง ไม่ใช่เพียงเพื่อยอดขาย แต่ทำเพื่อ"ความสุข" เพื่อ"พัฒนาตัวเอง" เพื่อสังคม เพื่อ"ตอบแทนความรัก"ที่พวกเขาได้รับ
5. Quantum Leadership
มาจากมุมมองเปรียบเทียบทฤษฎีทางฟิสิกส์ที่อธิบายว่า "แสง" มีคุณสมบัติเป็นได้ทั้งสสารและพลังงาน ซึ่งต่างไปจากฟิสิกส์แบบเก่าที่เชื่อว่า แสงเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นและสังเกตได้โดยตรง
🌟จึงทำให้บทบาทของผู้นำเปลี่ยนแปลงไปจากการเป็นผู้สั่งการไปเป็นผู้สร้างสรรค์
บรรยากาศที่เอื้อให้ผู้ร่วมงานมีส่วนร่วมและมีอิสระในการปฏิบัติงานได้ด้วยตนเอง ส่งผลให้องค์การนั้นสามารถปรับเปลี่ยนไปสู่การเป็นองค์การที่ขับเคลื่อนตนเองได้
นัมจุนไม่เคยใช้อำนาจในฐานะลีดเดอร์ มีแต่คอยผลักดันให้เมมเบอร์แสดงความสามารถของตัวเองออกมา
เขาเปิดโอกาสให้เมมเบอร์ได้แสดงความคิดเห็น เราจะเห็นได้จากในเบื้องหลังการทำงานทุกงาน นัมจุนจะถามความเห็นทุกคนก่อนเสมอ แต่ถ้ายังไม่มีใครเสนอ นัมจุนก็จะเป็นคนเริ่มเพื่อให้ตัวเลือกหรือเป็นแบบอย่างแนวทางให้กับเมมเบอร์ในการแตกยอดความคิด
ในงานสัมภาษณ์หรือกล่าวขอบคุณรางวัลต่างๆ
เราจะเห็นนัมจุนคอยสนับสนุนให้เมมเบอร์ได้พูดอยู่เสมอ เขาตั้งใจฟังสิ่งที่เมมเบอร์พูด และพร้อมจะเข้าช่วยเหลือเมื่อใครก็ตามต้องการอย่างทันทีทันใด
นัมจุนสนับสนุนการทำเพลงด้วยตัวเองของเมมเบอร์ ไม่ใช่ด้วยการบังคับให้ทำ แต่เขาเลือกที่จะทำให้เห็น จนเมมเบอร์อยากลองทำบ้าง
และเขาก็จะเป็นคนคอยช่วยเอง
นี่คือจำนวนเครดิตในเพลงที่เมมเบอร์บังทันทุกคนมีลิขสิทธิ์ในสมาคมลิขสิทธิ์เพลงเกาหลี(KOMCA)
นัมจุน 200 เพลง
ยุนกิ 147 เพลง
เจโฮป 134 เพลง
จองกุก 20 เพลง
แทฮยอง 18 เพลง
ซอกจิน 14 เพลง
จีมิน 10 เพลง
🌟นั่นทำให้เมมเบอร์ทุกคนเติบโต ไม่ใช่เป็นเพียงไอดอลในวงการ K-pop
…แต่กลายเป็นศิลปินที่ทรงคุณค่า เปล่งประกายเมื่ออยู่ร่วมกัน และสง่างามเมื่อยืนคนเดียว
…แต่ยังคงอบอุ่นหัวใจเสมอ เพราะพวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่ได้ยืนอยู่เพียงลำพัง แต่จะมีเมมเบอร์คอยซัพพอร์ตตลอดไป
"เราซัพพอร์ตกันและกันมากๆเลยครับ ล่าสุดเมมเบอร์ก็ไปรวมตัวกันที่บ้านของชูก้าฮยอง เปิดเพลงเดี่ยวที่พวกเราแต่ละคนทำให้กันฟัง
บางคนก็เต้นไปด้วยแล้วทุกคนก็พูดว่า 'ดีเลย ดีเลย' มันสุดยอดมากๆครับ อาจจะเพราะว่าเมมเบอร์แต่ละคนเตรียมงานเพลงในแบบของตัวเองเช่นนี้ พวกเรามีแพชชั่นกันมากๆ มุ่งมั่นทำเพลงอยู่เสมอแล้วก็รักกันและกันมากเลยครับ ได้เห็นแบบนั้นมันดีมากๆเลยล่ะครับ"
[V X Vogue Korea Interview]