https://www.thansettakij.com/finance/540734
หุ้นปั่น VS แชร์ลูกโซ่
สิ่งที่ผมคิดว่าหุ้นปั่นหรือหุ้นที่ถูกคอร์เนอร์หลาย ๆ ตัวนั้นก็คือ “แชร์ลูกโซ่” ก็เพราะว่าข้อแรก หุ้นนั้นก็คือบริษัทที่จะดึงดูดให้คนมาลงทุน เช่นเดียวกับบริษัทของพอนซี่หรือของชม้อย และก็มักจะเป็นบริษัทที่ฟังดูแล้วกำลังทำอะไรที่ร้อนแรงเป็น “ธุรกิจแห่งอนาคต”
ข้อสอง อาจจะดูเหมือนว่าบริษัทจดทะเบียนมีพื้นฐานจริง เพราะมีรายได้และกำไร บางบริษัทก็มากเป็นร้อยล้านหรือพันล้านบาท มีธุรกิจจริงและอยู่มานาน แต่ประเด็นของผมก็คือ พื้นฐานของบริษัทนั้นอาจจะเป็นเพียง 1 ใน 10 หรือน้อยกว่าเทียบกับราคาตลาดของหุ้น ซึ่งเท่ากับว่าถึงที่สุดเมื่อฟองสบู่แตก มูลค่าหุ้นลดลงไป 90% ก็แทบไม่ต่างกับแชร์ลูกโซ่ที่อาจจะลดลง 95 หรือ 99%
ข้อสาม หุ้นปั่นหรือที่ถูกคอร์เนอร์รุนแรงนั้น แม้ว่าจะไม่ได้สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนแน่นอนแต่ก็สร้างสภาวะที่ดูเหมือนว่าคนเข้าไปเล่นโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่มีการ “ลากหุ้น” ขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้คนที่ “เข้าไปก่อน” ได้ผลตอบแทนสูงมากและ “ติดใจ” และก็ดึงดูดให้คนเข้ามาเล่นหุ้นตัวนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น “ลูกโซ่” จนถึงคนท้าย ๆ ที่หุ้นปั่น “แตก” เพราะ “เจ้ามือ” เทขายและทำกำไรมหาศาลโดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย โดยที่เม็ดเงินที่ได้อาจจะมากกว่าแชร์ลูกโซ่อย่างเทียบกันไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เข้ามาเล่นก็ไม่เคยแจ้งความเอาผิดกับคนทำ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะไม่ตระหนัก ว่าที่จริงพวกเขาหลายคนก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็น “นักล่า” ที่จะเข้าไปหาผลตอบแทนหรือเป็น “เหยื่อ” ที่จะถูกกินหรือขาดทุนในการเล่นแต่ละตัวหรือในวงแชร์แต่ละวง
หุ้นปั่น VS แชร์ลูกโซ่ : เหยื่อ VS นักล่า
https://www.thansettakij.com/finance/540734
หุ้นปั่น VS แชร์ลูกโซ่
สิ่งที่ผมคิดว่าหุ้นปั่นหรือหุ้นที่ถูกคอร์เนอร์หลาย ๆ ตัวนั้นก็คือ “แชร์ลูกโซ่” ก็เพราะว่าข้อแรก หุ้นนั้นก็คือบริษัทที่จะดึงดูดให้คนมาลงทุน เช่นเดียวกับบริษัทของพอนซี่หรือของชม้อย และก็มักจะเป็นบริษัทที่ฟังดูแล้วกำลังทำอะไรที่ร้อนแรงเป็น “ธุรกิจแห่งอนาคต”
ข้อสอง อาจจะดูเหมือนว่าบริษัทจดทะเบียนมีพื้นฐานจริง เพราะมีรายได้และกำไร บางบริษัทก็มากเป็นร้อยล้านหรือพันล้านบาท มีธุรกิจจริงและอยู่มานาน แต่ประเด็นของผมก็คือ พื้นฐานของบริษัทนั้นอาจจะเป็นเพียง 1 ใน 10 หรือน้อยกว่าเทียบกับราคาตลาดของหุ้น ซึ่งเท่ากับว่าถึงที่สุดเมื่อฟองสบู่แตก มูลค่าหุ้นลดลงไป 90% ก็แทบไม่ต่างกับแชร์ลูกโซ่ที่อาจจะลดลง 95 หรือ 99%
ข้อสาม หุ้นปั่นหรือที่ถูกคอร์เนอร์รุนแรงนั้น แม้ว่าจะไม่ได้สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนแน่นอนแต่ก็สร้างสภาวะที่ดูเหมือนว่าคนเข้าไปเล่นโดยเฉพาะช่วงแรก ๆ ที่มีการ “ลากหุ้น” ขึ้นอย่างรุนแรง ทำให้คนที่ “เข้าไปก่อน” ได้ผลตอบแทนสูงมากและ “ติดใจ” และก็ดึงดูดให้คนเข้ามาเล่นหุ้นตัวนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เป็น “ลูกโซ่” จนถึงคนท้าย ๆ ที่หุ้นปั่น “แตก” เพราะ “เจ้ามือ” เทขายและทำกำไรมหาศาลโดยที่ไม่ได้ทำอะไรที่ผิดกฎหมาย โดยที่เม็ดเงินที่ได้อาจจะมากกว่าแชร์ลูกโซ่อย่างเทียบกันไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น คนที่เข้ามาเล่นก็ไม่เคยแจ้งความเอาผิดกับคนทำ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะไม่ตระหนัก ว่าที่จริงพวกเขาหลายคนก็อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็น “นักล่า” ที่จะเข้าไปหาผลตอบแทนหรือเป็น “เหยื่อ” ที่จะถูกกินหรือขาดทุนในการเล่นแต่ละตัวหรือในวงแชร์แต่ละวง