มือถือมันก็คือมือถืออะ
ยุคแรกเริ่ม : มือถือสมัยก่อน เครื่องใหญ่มาก เอาไว้โทรพูดคุยติดต่อสื่อสารทางไกลได้ แต่ก็ยังไม่ได้เล็กถึงขนาดพกใส่กระเป๋ากางเกงได้
ต่อมา : ก็พัฒณาไซส์ ให้มีขนาดเล็กลง +เพิ่มฟิเจอร์ในการส่งข้อความตัวหนังสือ SMS (ยุคที่ทำให้การส่งจดหมายตายสนิท)
ต่อมา(2) : เริ่มที่จะสามารถเชื่อมต่อกับ Internet ได้ เอาไว้หาข้อมูล +มีเกมให้เล่น และเริ่มที่จะสามารถถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้ เพิ่มฟังก์ชั่น/ฟิเจอร์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสดวกต่อการใช้ชัวิต เป็นต้นว่า สามารถตั้งนาฬิกาปลุกได้ จดโน้ทได้ มีเครื่องคิดเลข ปฏิทิน
พอถึงยุคที่เราเรียกกันว่า Smartphone : ก็เป็นช่วงเดียวกันกับยุคที่ Social Media เริ่มที่จะมีความกว้างขวางมากขึ้น เสพสื่อบันเทิง ดูวิดีโอ ดูหนัง ดูสตรีมมิ่ง เล่นเกมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Computer PC ได้รับความนิยมน้อยลง เพราะมือถือเข้ามารับบทบาทแทนได้ ในขณะที่TV ได้รับผลหนักสุด คือแถบจะไม่มีใครดูกันแล้ว(แต่มันก็ยังมีสายการพัฒนาของมันอยู่ ไม่ถึงกับตายไปซะทีเดียว เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องมีกันทุกบ้านเหมือนสมัยก่อน)
และในทุกยุคทุกสมัยที่กล่าวไป มันก็ควบคู่กับการพัฒนารูปลักษณ์ให้มีขนาดที่เล็กลง+จอใหญ่ขึ้น การแสดงผลหน้าจอที่มีความคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้น แบตอึดขึ้น สามารถทำให้ใช้งานได้สดวกยิ่งขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น กล้องถ่ายภาพ/วิดีโอ มีคุณภาพมากขึ้น +กับราคาที่ค่อยๆสูงขึ้น เช่นกัน
ซึ่งทั้งหมดที่พูดมา สำหรับอุปกรณ์ที่เป็นแค่ลักษณะของกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันก็ต้องถือว่ามาไกลมากๆ และก็ทำได้เต็มที่แล้ว อย่าว่าแต่ iPhone 14เลย ต่อให้ iPhone 20 ก็ไม่ได้ทำให้บินไปนอกอวกาศได้
ถ้าคนจะบ่นว่า.. มันไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่เห็นต่างจากเดิม ผมก็อยากถามนะ.. ว่าคุณต้องการอะไรจากอุปกรณ์ชนิดนี้งั้นหรอ?
ที่ผมจะบอกคือ.. วิทยาการมันมาสุดทางแล้ว ทุกอย่างที่มันควรจะทำได้มันทำได้หมดแล้ว เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกอะไรที่.. พอมีรุ่นใหม่ออกมาแต่ละรุ่น จุดขายมันจึงมีแค่ แบตอึดขึ้น กล้องดีขึ้น CPUแรงขึ้น (มันก็เท่านั้นอะจริงๆ)
หมายเหตุ : ในอีกแง่มุมนึง มือถือเปรียบเสมือนของแบรนด์เนม เครื่องประดับ บ่งบอกถึงความมีฐานะ แม้ใน Part ของการใช้งานแต่ละรุ่นที่ออกมา มันอาจจะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่มันก็ยังมีคนที่เลือกที่จะซื้อรุ่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นความชอบ มันจึงเป็นอีก1เหตุผลที่ทำให้มือถือขายได้เรื่อยๆ เพราะคนที่มีความเชื่อลักษณะนี้มีจำนวนไม่น้อยเลยในสังคมสมัยนี้
ปล. บทความที่ผมเขียนขึ้นมาเอง เล่าสู่กันฟังแบบภาษาเพื่อน หัวข้อ.. “มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับสายการพัฒนามือถือ” อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน
(ซึ่งได้มีการพาดพิงไปถึง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone) หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
บทความที่ผมเขียนขึ้นมาเอง เล่าสู่กันฟังแบบภาษาเพื่อน หัวข้อ.. “มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับสายการพัฒนามือถือ” อยากแชร์ให้ทุกคน
ยุคแรกเริ่ม : มือถือสมัยก่อน เครื่องใหญ่มาก เอาไว้โทรพูดคุยติดต่อสื่อสารทางไกลได้ แต่ก็ยังไม่ได้เล็กถึงขนาดพกใส่กระเป๋ากางเกงได้
ต่อมา : ก็พัฒณาไซส์ ให้มีขนาดเล็กลง +เพิ่มฟิเจอร์ในการส่งข้อความตัวหนังสือ SMS (ยุคที่ทำให้การส่งจดหมายตายสนิท)
ต่อมา(2) : เริ่มที่จะสามารถเชื่อมต่อกับ Internet ได้ เอาไว้หาข้อมูล +มีเกมให้เล่น และเริ่มที่จะสามารถถ่ายภาพ ถ่ายวิดีโอได้ เพิ่มฟังก์ชั่น/ฟิเจอร์ต่างๆ เพื่ออำนวยความสดวกต่อการใช้ชัวิต เป็นต้นว่า สามารถตั้งนาฬิกาปลุกได้ จดโน้ทได้ มีเครื่องคิดเลข ปฏิทิน
พอถึงยุคที่เราเรียกกันว่า Smartphone : ก็เป็นช่วงเดียวกันกับยุคที่ Social Media เริ่มที่จะมีความกว้างขวางมากขึ้น เสพสื่อบันเทิง ดูวิดีโอ ดูหนัง ดูสตรีมมิ่ง เล่นเกมออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ Computer PC ได้รับความนิยมน้อยลง เพราะมือถือเข้ามารับบทบาทแทนได้ ในขณะที่TV ได้รับผลหนักสุด คือแถบจะไม่มีใครดูกันแล้ว(แต่มันก็ยังมีสายการพัฒนาของมันอยู่ ไม่ถึงกับตายไปซะทีเดียว เพียงแต่มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นต้องมีกันทุกบ้านเหมือนสมัยก่อน)
และในทุกยุคทุกสมัยที่กล่าวไป มันก็ควบคู่กับการพัฒนารูปลักษณ์ให้มีขนาดที่เล็กลง+จอใหญ่ขึ้น การแสดงผลหน้าจอที่มีความคมชัดสมจริงมากยิ่งขึ้น แบตอึดขึ้น สามารถทำให้ใช้งานได้สดวกยิ่งขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น กล้องถ่ายภาพ/วิดีโอ มีคุณภาพมากขึ้น +กับราคาที่ค่อยๆสูงขึ้น เช่นกัน
ซึ่งทั้งหมดที่พูดมา สำหรับอุปกรณ์ที่เป็นแค่ลักษณะของกล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ มันก็ต้องถือว่ามาไกลมากๆ และก็ทำได้เต็มที่แล้ว อย่าว่าแต่ iPhone 14เลย ต่อให้ iPhone 20 ก็ไม่ได้ทำให้บินไปนอกอวกาศได้
ถ้าคนจะบ่นว่า.. มันไม่มีอะไรใหม่เลย ไม่เห็นต่างจากเดิม ผมก็อยากถามนะ.. ว่าคุณต้องการอะไรจากอุปกรณ์ชนิดนี้งั้นหรอ?
ที่ผมจะบอกคือ.. วิทยาการมันมาสุดทางแล้ว ทุกอย่างที่มันควรจะทำได้มันทำได้หมดแล้ว เพราะงั้นมันก็ไม่แปลกอะไรที่.. พอมีรุ่นใหม่ออกมาแต่ละรุ่น จุดขายมันจึงมีแค่ แบตอึดขึ้น กล้องดีขึ้น CPUแรงขึ้น (มันก็เท่านั้นอะจริงๆ)
หมายเหตุ : ในอีกแง่มุมนึง มือถือเปรียบเสมือนของแบรนด์เนม เครื่องประดับ บ่งบอกถึงความมีฐานะ แม้ใน Part ของการใช้งานแต่ละรุ่นที่ออกมา มันอาจจะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกันอย่างมีนัยยะสำคัญ แต่มันก็ยังมีคนที่เลือกที่จะซื้อรุ่นใหม่ต่อไปเรื่อยๆ เพราะเป็นความชอบ มันจึงเป็นอีก1เหตุผลที่ทำให้มือถือขายได้เรื่อยๆ เพราะคนที่มีความเชื่อลักษณะนี้มีจำนวนไม่น้อยเลยในสังคมสมัยนี้
ปล. บทความที่ผมเขียนขึ้นมาเอง เล่าสู่กันฟังแบบภาษาเพื่อน หัวข้อ.. “มุมมองส่วนตัวเกี่ยวกับสายการพัฒนามือถือ” อยากแชร์ให้ทุกคนได้อ่าน
(ซึ่งได้มีการพาดพิงไปถึง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อ iPhone) หากมีข้อมูลผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนะครับ