สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้รีวิวการเจาะไต เพื่อวินิจฉัยโรค สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหรือความผิดปกติเกี่ยวกับไต ที่ตั้งกระทู้รีวิวนี้ขึ้นมาเพราะยังเห็นการรีวิวเกี่ยวกับการเจาะไตยังน้อยอยู่ เลยอยากมาแบ่งปันประสบการณ์ให้ผู้ที่คุณหมอแนะนำให้วินิจฉัยด้วยการเจาะไตและกำลังจะเจาะไต เพื่อจะได้เตรียมตัว เตรียมใจว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ
เริ่มกันเลย..
เดิมทีเลย เราเป็นคนสุขภาพปกติ แข็งแรง น้ำหนักตามเกณฑ์ ไม่มีโรคประจำตัว แต่อยู่ๆมีอาการตัวบวม ปัสสาวะเป็นฟอง น้ำหนักขึ้น (จาก 54 ไป 61 kg ภายในเวลาสองอาทิตย์) คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรค nephrotic syndrome ค่ะ พอตรวจปัสสาวะและเลือดแล้ว คุณหมอแนะนำให้เจาะไตเพื่อหาสาเหตุ เพราะตอนนั้นในปัสสาวะมีเลือดปนค่ะ คุณหมอค่อนข้างเป็นห่วงมาก เราเลยตกลงที่จะเจาะไต ไหนๆก็ป่วยแล้วอยากรู้ว่าป่วยเพราะอะไรด้วยค่ะ
ขั้นเตรียมการ
คุณหมอส่งให้ตรวจเลือดต่างๆ และcovid-19 ตรวจเลือดจะตรวจ 1-2 อาทิตย์ก่อนเจาะ ส่วนตรวจcovid-19 ตรวจ 1-2 วันก่อนมานอนโรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถเจาะไตได้ และไม่เป็นอันตรายเมื่อเจาะไตก่อนกำหนดวันเพื่อเข้าพักในโรงพยาบาล พอนัดแนะวันและห้องพักผู้ป่วยกันแล้วเราก็มาตามนัดค่ะ โรงพยาบาลที่เรารักษา คุณพยาบาลจะโทรมาเตือนด้วยค่ะ
กำหนดวันเข้าพักและเตรียมเจาะไต
คุณหมอจะให้เราเข้าพัก 1 คืนก่อนการเจาะไต เราเข้าใจว่าเพื่อลดความเครียดและความตื่นเต้นของผู้ป่วยค่ะ ในวันนั้นคุณหมอที่ทำการเจาะไต (คนละคนกับคุณหมอเจ้าของไข้) จะมาซักประวัติและทำความเข้าใจขั้นตอน รวมถึงให้เราเซ็นยิมยอมการเจาะไต หลักๆเลยคือ ให้ตรวจเลือดเพื่อเช็คความแข็งตัวของเลือด (เพราะมีผลกับการเจาะไต) การงดอาหารก่อนเจาะไต (1-2 ชั่วโมงก่อนเจาะ) ความสามารถของเราให้การกลั้นหายใจประมาณ 10 วิ (ตรงนี้ของเราไม่มีปัญหาค่ะ) เพื่อนัดแนะกับคุณหมอแล้ว ก็เตรียมตัวในวันถัดไปเพื่อทำการเจาะไตค่ะ
วันที่เจาะไต
เราตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำ สระผมค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะไม่ได้อาบน้ำ สระผมอีกหลายวัน ก็แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆเลยค่ะ(ในชุดคนป่วย)

เพราะเอาจริงๆในใจตื่นเต้น แต่ขอสวยไว้ก่อน ถึงแม้จะไม่มีใครเห็น

ของเราคุณพยาบาลแจ้งว่ารถเข็นจะมารับไปห้องเจาะไตตอนเจ็ดโมงเช้า เพราะฉะนั้นให้ทานอาหารเช้าก่อนประมาณหกโมงค่ะ
พอรถเข็นมารับ (เป็นรถเข็นแบบนอน) เขาก็จะพาเราไปแผนกไต เพื่อเตรียมตัวค่ะ พอมาถึงห้องคุณพยาบาลจะสักถามประวัติและให้เรารอค่ะ ถ้าปวดปัสสาวะก็ให้แจ้งเขาและไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ของเราเนื่องจากวันนั้นมีการสอบของคุณหมอ เราเลยได้เจาะไตประมาณเก้าโมงเช้าค่ะ
ขั้นตอนเจาะไต
คุณหมอจะให้เรานอนหันหลัง ในท่าที่สบาย คือเราอยากแนะนำว่าให้หาท่าที่สบายจริงๆค่ะ เพราะเราจะไม่สามารถขยับตัวได้อีก กรณีของเรามีเมื่อยคอ ก็ขอขยับไม่ได้ เพราะเดี๋ยวตำแหน่งของไตที่คุณหมอมาร์กไว้จะเคลื่อนค่ะ แงง ระหว่างนั้นคุณหมอจะนำเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ สายออกซิเจน เครื่องวัดปลายนิ้วมาติดตามตัวเรา และเริ่มทำอัตราซาวที่หลังเพื่อหาตำแหน่งของไต ตรงนี้มีทาเจลเย็นๆด้วยค่ะ โดยคุณหมอจะหาตำแหน่งของไตและความผิดปกติ เช่น ตรวจว่ามีไตครบสองข้างไหม ไตมีรูปร่างปกติไหม เพราะถ้ามีไตข้างเดียวจะไม่สามารถเจาะไตได้ค่ะ พอคุณหมอทราบตำแหน่งไตของเราแล้ว จะนำวัตถุลักษณะคล้ายไม้มากำหนดตำแหน่งของไตที่หลังเรา ตรงนี้ความรู้สึกเหมือนโดนเอาไม้เสียบลูกชิ้นปลายทู่ฝนที่หลังเลยค่ะ 😂
เมื่อคุณหมอประเมินว่าเราทำการเจาะไตได้ คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาค่ะ โดยฉีดเข้าที่บริเวณหลัง ตรงนี้เรารู้สึกเจ็บที่สุดค่ะ แค่นั้นเลยในการเจาะไต จุดนี้เจ็บที่สุดแล้วค่ะ เมื่อยาชาออกฤทธิ์คุณหมอจะชี้แจงว่าจะมีเสียง "คลิ๊ก" คล้ายๆพับที่หนีบกระดาษสีดำ ให้เราไม่ต้องตกใจนะเพราะนั้นคือเสียงของเครื่องมือค่ะ โดยเมื่อหาจุดที่เหมาะสมได้ คุณหมอจะให้สัญญาณ แล้วให้เรากลั้นหายใจประมาณ 10 วินาทีค่ะ แล้วเราจะได้ยินเสียงคลิ๊กนั้น เราทำแบบนี้ประมาณสามรอบ โดยห้ามขยับตัวเด็ดขาดค่ะ เมื่อเจาะไตนำผลชิ้นเนื้อไปแล้ว คุณหมอจะส่งไปให้คุณหมอเฉพาะทางอีกท่านเพื่อตรวจดูชิ้นเนื้อค่ะ ซึ่งชิ้นเนื้อที่เจาะไปมีขนาดเล็กมากประมาณมิลลิเมตรเองค่ะ (ตรงนี้ของเรานอกจากค่าใช้จ่ายในการเจาะไตแล้วจะมีค่าขนส่งด้วยค่ะ) เมื่อเจาะไตเสร็จคุณหมอยังให้นอนคว่ำอยู่นะคะเพื่อกดห้ามเลือดอีกประมาณ 15 นาที รวมแล้วผ่านไปประมาณ 40 นาทีเองค่ะ คุณหมอเจาะไตเสร็จแล้วและเมื่อเสร็จแล้วเขาจะนำเตียงรถเข็นอีกเตียงมาเทียบเพื่อให้เรานอนค่ะ ตรงนี้จะนำเตียงมาเทียบข้างเตียงผ่าตัดของเราแล้วให้เรายกตัวนอนทับผ้าที่ถูกม้วนเป็นก้อนยาว ให้เรานอนทับ โดยบริเวณแผลที่เจาะก็ต้องทับผ้า เมื่อยกตัวมาแล้วเค้าจะนำผ้านี้มาม้วนกับตัวเราและให้เรานอนทับผ้า รอคนเข็นรถเข็นมารับค่ะ เราขอบคุณคุณหมอ พยาบาลแล้วก็นอนรอค่ะ พอคนเข็นรถมารับเค้าจะเข็นเราแบบที่นอนๆแบบนั้นจนถึงห้องค่ะ
เจาะไตเสร็จ
เมื่อถึงห้องให้เรานอนทับผ้านั้นอีกค่ะ โดยตรงนี้ก็ต้องทำการย้ายเตียงเพื่อมานอนเตียงผู้ป่วย ตรงนี้ก็ต้องยกตัวคล้ายกับตอนแรกเลยค่ะ แต่ของเรามีตุ๊กตาน้องเน่าที่ติดมาที่โรงพยาบาลด้วย ก็นำมาหนุนที่หลังนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เมื่อยเพราะต้องนอนท่าเดิมแบบนี้ไปตลอดวันค่ะ เรามาถึงห้องประมาณเที่ยงกว่าๆ คุณพยาบาลจะมาชี้แจงรายละเอียดและเราเริ่มทานข้าวได้ค่ะ โดยรายละเอียดหลักๆคือ ให้เราปัสสาวะแล้วสังเกตดูว่าปริมาณปัสสาวะและในปัสสาวะของเรามีเลือดปนไหมค่ะ โดยปกติจะมีเลือดปนใน 1-2 ครั้งแรก แต่ถ้ามีกรณีเลือดสดปนเยอะกว่านี้ให้แจ้งพยาบาลค่ะ (ตรงนี้คุณหมอจะแจ้งก่อนเจาะไตแล้วค่ะ)
ในระหว่างนี้ก็ให้เราใช้ชีวิตบนเตียงทั้งวันเลยนะคะ ทั้งทานอาหาร ปัสสาวะ ธุระหนัก ห้ามอั้นเด็ดขาดค่ะ โดยเฉพาะปัสสาวะ โดยถ้าจะทานข้าวให้ยกหัวเตียงได้นิดหน่อย แต่หลักๆคือแผลต้องอยู่ในระนาบค่ะ ส่วนปัสสาวะถ้าปวดก็กดกริ๊งเรียกพยาบาล จะมีพี่ผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยเราค่ะ ตรงนี้เกรงใจและเขินมากๆเลยค่ะ แต่พี่เค้าเห็นมาเยอะแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ กรณีของเราอาจจะเพราะโชคชะตาเข้าข้างมากๆ ฮืออ ที่เราเป็นประจำเดือนพอดี เลยต้องรบกวนพี่เขาใส่ผ้าอนามัยด้วยค่ะ จุดนี้ลำบากนิดหน่อย แต่เกรงใจพี่เค้ามากๆค่ะ

(ในกรณีที่เป็นประจำเดือน คุณหมอจะสั่งเจาะเลือดปลายนิ้วเพื่อตรวจดูความซีดของเราเพิ่มค่ะ เพราะบางทีในปัสสาวะจะมีเลือดประจำเดือนปน เลยต้องตรวจเพิ่ม) เรานอนแบบนั้นท่าเดิมไป 6 ชั่วโมงถึงจะขยับตัวได้ แต่! ไม่ใช่ว่าให้ลงจากเตียงนะคะ เพราะตอนแรกเราเข้าใจแบบนั้น ก็เตรียมไปห้องน้ำเองเต็มที่เลยค่ะ คือเขาให้ขยับตัวพลิกตัวได้นิดหน่อย แต่ยังไม่ให้ลุกเดินหรือนั่งค่ะ กว่าจะลุกเดินหรือนั่งได้คือตอนเช้าวันถัดไปเลยละ ระหว่างที่นอนนอกจากที่คุณพยาบาลจะมาเจาะเลือดปลายนิ้วแล้ว จะมีการมาวัดความดันทุกสามชั่วโมงด้วยค่ะ และระหว่างนี้ก็อย่าลืมสังเกตสีของปัสสาวะด้วยนะคะ และจะมีอาการปวดแผลบริเวณที่เจาะไป ให้ขอยาแก้ปวดจากพยาบาลได้เลยค่ะ
วันกลับ
เช้าวันถัดมา หกโมงเช้าเราตื่นมาเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำเลยค่ะ เพราะเกรงใจพี่ผู้ช่วยพยายาลไม่ไหว ตรงนี้ให้ค่อยๆลุกนะคะ ระหว่างนั้นก็ทานข้าว ทานยาปกติ คุณหมอและพยาบาลจะเช็คอาการเรา ของเราสามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ หลังจากเคลียร์รายการต่างๆแล้ว ก็กลับบ้านค่ะ ของเราคุณน้ามารับ ก็กำชับแกให้ขับรถเบาๆ ถ้าขึ้นลูกระนาดก็ให้ขับนิ่มๆหน่อยค่ะ เพราะมันสะเทือนไปถึงแผลข้างหลังเลย เมื่อถึงบ้านห้ามยกของหนัก ห้ามออกกำลังกายค่ะ และจะสามารถแกะผ้าปิดแผลได้หลังจากผ่านไปประมาณ 1-2 วันหลังจากเปลี่ยนครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล ระหว่างอยู่บ้านก็ให้ระวังค่ะ เพราะจะมีอาการปวดหลัง และย้ำอีกทีว่าห้ามยกของหนัก โดยเราเองก็เผลอไปเปลี่ยนผ้าปูเตียง ยกเตียงนอน ก็ปวดหลังไปตามระเบียบ 😂 พักฟื้นอยู่ประมาณสองอาทิตย์ที่บ้าน งดกระเทือนแรงๆ งดเดินทาง งดมีเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ (ตรงนี้คุณหมอจะแจ้งไว้ก่อนเจาะไตแล้วค่ะ) ให้ work from home สองอาทิตย์ค่ะ เราก็อยู่บ้านตลอดสองอาทิตย์ โดยที่ยังเดินขึ้นบันไดได้นะคะ คุณหมอไม่ได้ห้ามค่ะ แค่ระวังตกบันไดเท่านั้น
รายการค่าใช้จ่าย (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงพยายาลและข้อกำหนดของคุณหมอนะคะ)
- ค่าห้องพัก (ราคาแล้วแต่โรงพยาบาล)
- ค่าเจาะไต (ราคาแล้วแต่โรงพยาบาล)
- ค่าตรวจชิ้นเลือดไต (ประมาณ 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
- ค่าขนส่งชิ้นเนื้อไต (ประมาณ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล ถ้าคุณหมอที่ตรวจอยู่โรงพยาบาลเดียวกับที่รักษา ตรงนี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
- ค่ายา (ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนและยาที่ได้รับ)
ของเรารวมแล้วที่เสียครั้งนี้ประมาณ 12,000 บาท รักษาโรงพยาบาลรัฐบาลค่ะ
คร่าวๆการเจาะไตก็ประมาณนี้ค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยสร้างความเข้าใจ ลดความเครียดของผู้ป่วยหรือผู้ที่มาอ่านให้ไม่หวาดกลัวการเจาะไตนะคะ เพราะโดยปกติแล้วการเจาะไตเป็นเรื่องปกติของการรักษาโรคไต และเป็นสิ่งที่คุณหมอนั้นเล็งเห็นแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าโทษต่อผู้ป่วยค่ะ
ผิดพลาดประการใด หรืออ่านแล้วสับสนก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ หวังว่าทุกท่านจะมีสุขภาพกายและจิตที่ดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
[CR] บอกเล่าประสบการณ์ “เจาะไต” ว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
เริ่มกันเลย..
เดิมทีเลย เราเป็นคนสุขภาพปกติ แข็งแรง น้ำหนักตามเกณฑ์ ไม่มีโรคประจำตัว แต่อยู่ๆมีอาการตัวบวม ปัสสาวะเป็นฟอง น้ำหนักขึ้น (จาก 54 ไป 61 kg ภายในเวลาสองอาทิตย์) คุณหมอวินิจฉัยว่าเป็นอาการของโรค nephrotic syndrome ค่ะ พอตรวจปัสสาวะและเลือดแล้ว คุณหมอแนะนำให้เจาะไตเพื่อหาสาเหตุ เพราะตอนนั้นในปัสสาวะมีเลือดปนค่ะ คุณหมอค่อนข้างเป็นห่วงมาก เราเลยตกลงที่จะเจาะไต ไหนๆก็ป่วยแล้วอยากรู้ว่าป่วยเพราะอะไรด้วยค่ะ
ขั้นเตรียมการ
คุณหมอส่งให้ตรวจเลือดต่างๆ และcovid-19 ตรวจเลือดจะตรวจ 1-2 อาทิตย์ก่อนเจาะ ส่วนตรวจcovid-19 ตรวจ 1-2 วันก่อนมานอนโรงพยาบาล เพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถเจาะไตได้ และไม่เป็นอันตรายเมื่อเจาะไตก่อนกำหนดวันเพื่อเข้าพักในโรงพยาบาล พอนัดแนะวันและห้องพักผู้ป่วยกันแล้วเราก็มาตามนัดค่ะ โรงพยาบาลที่เรารักษา คุณพยาบาลจะโทรมาเตือนด้วยค่ะ
กำหนดวันเข้าพักและเตรียมเจาะไต
คุณหมอจะให้เราเข้าพัก 1 คืนก่อนการเจาะไต เราเข้าใจว่าเพื่อลดความเครียดและความตื่นเต้นของผู้ป่วยค่ะ ในวันนั้นคุณหมอที่ทำการเจาะไต (คนละคนกับคุณหมอเจ้าของไข้) จะมาซักประวัติและทำความเข้าใจขั้นตอน รวมถึงให้เราเซ็นยิมยอมการเจาะไต หลักๆเลยคือ ให้ตรวจเลือดเพื่อเช็คความแข็งตัวของเลือด (เพราะมีผลกับการเจาะไต) การงดอาหารก่อนเจาะไต (1-2 ชั่วโมงก่อนเจาะ) ความสามารถของเราให้การกลั้นหายใจประมาณ 10 วิ (ตรงนี้ของเราไม่มีปัญหาค่ะ) เพื่อนัดแนะกับคุณหมอแล้ว ก็เตรียมตัวในวันถัดไปเพื่อทำการเจาะไตค่ะ
วันที่เจาะไต
เราตื่นแต่เช้ามาอาบน้ำ สระผมค่ะ เพราะคิดว่าน่าจะไม่ได้อาบน้ำ สระผมอีกหลายวัน ก็แต่งตัว แต่งหน้าสวยๆเลยค่ะ(ในชุดคนป่วย)
พอรถเข็นมารับ (เป็นรถเข็นแบบนอน) เขาก็จะพาเราไปแผนกไต เพื่อเตรียมตัวค่ะ พอมาถึงห้องคุณพยาบาลจะสักถามประวัติและให้เรารอค่ะ ถ้าปวดปัสสาวะก็ให้แจ้งเขาและไปจัดการให้เรียบร้อยก่อนนะคะ ของเราเนื่องจากวันนั้นมีการสอบของคุณหมอ เราเลยได้เจาะไตประมาณเก้าโมงเช้าค่ะ
ขั้นตอนเจาะไต
คุณหมอจะให้เรานอนหันหลัง ในท่าที่สบาย คือเราอยากแนะนำว่าให้หาท่าที่สบายจริงๆค่ะ เพราะเราจะไม่สามารถขยับตัวได้อีก กรณีของเรามีเมื่อยคอ ก็ขอขยับไม่ได้ เพราะเดี๋ยวตำแหน่งของไตที่คุณหมอมาร์กไว้จะเคลื่อนค่ะ แงง ระหว่างนั้นคุณหมอจะนำเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจ สายออกซิเจน เครื่องวัดปลายนิ้วมาติดตามตัวเรา และเริ่มทำอัตราซาวที่หลังเพื่อหาตำแหน่งของไต ตรงนี้มีทาเจลเย็นๆด้วยค่ะ โดยคุณหมอจะหาตำแหน่งของไตและความผิดปกติ เช่น ตรวจว่ามีไตครบสองข้างไหม ไตมีรูปร่างปกติไหม เพราะถ้ามีไตข้างเดียวจะไม่สามารถเจาะไตได้ค่ะ พอคุณหมอทราบตำแหน่งไตของเราแล้ว จะนำวัตถุลักษณะคล้ายไม้มากำหนดตำแหน่งของไตที่หลังเรา ตรงนี้ความรู้สึกเหมือนโดนเอาไม้เสียบลูกชิ้นปลายทู่ฝนที่หลังเลยค่ะ 😂
เมื่อคุณหมอประเมินว่าเราทำการเจาะไตได้ คุณหมอจะเริ่มฉีดยาชาค่ะ โดยฉีดเข้าที่บริเวณหลัง ตรงนี้เรารู้สึกเจ็บที่สุดค่ะ แค่นั้นเลยในการเจาะไต จุดนี้เจ็บที่สุดแล้วค่ะ เมื่อยาชาออกฤทธิ์คุณหมอจะชี้แจงว่าจะมีเสียง "คลิ๊ก" คล้ายๆพับที่หนีบกระดาษสีดำ ให้เราไม่ต้องตกใจนะเพราะนั้นคือเสียงของเครื่องมือค่ะ โดยเมื่อหาจุดที่เหมาะสมได้ คุณหมอจะให้สัญญาณ แล้วให้เรากลั้นหายใจประมาณ 10 วินาทีค่ะ แล้วเราจะได้ยินเสียงคลิ๊กนั้น เราทำแบบนี้ประมาณสามรอบ โดยห้ามขยับตัวเด็ดขาดค่ะ เมื่อเจาะไตนำผลชิ้นเนื้อไปแล้ว คุณหมอจะส่งไปให้คุณหมอเฉพาะทางอีกท่านเพื่อตรวจดูชิ้นเนื้อค่ะ ซึ่งชิ้นเนื้อที่เจาะไปมีขนาดเล็กมากประมาณมิลลิเมตรเองค่ะ (ตรงนี้ของเรานอกจากค่าใช้จ่ายในการเจาะไตแล้วจะมีค่าขนส่งด้วยค่ะ) เมื่อเจาะไตเสร็จคุณหมอยังให้นอนคว่ำอยู่นะคะเพื่อกดห้ามเลือดอีกประมาณ 15 นาที รวมแล้วผ่านไปประมาณ 40 นาทีเองค่ะ คุณหมอเจาะไตเสร็จแล้วและเมื่อเสร็จแล้วเขาจะนำเตียงรถเข็นอีกเตียงมาเทียบเพื่อให้เรานอนค่ะ ตรงนี้จะนำเตียงมาเทียบข้างเตียงผ่าตัดของเราแล้วให้เรายกตัวนอนทับผ้าที่ถูกม้วนเป็นก้อนยาว ให้เรานอนทับ โดยบริเวณแผลที่เจาะก็ต้องทับผ้า เมื่อยกตัวมาแล้วเค้าจะนำผ้านี้มาม้วนกับตัวเราและให้เรานอนทับผ้า รอคนเข็นรถเข็นมารับค่ะ เราขอบคุณคุณหมอ พยาบาลแล้วก็นอนรอค่ะ พอคนเข็นรถมารับเค้าจะเข็นเราแบบที่นอนๆแบบนั้นจนถึงห้องค่ะ
เจาะไตเสร็จ
เมื่อถึงห้องให้เรานอนทับผ้านั้นอีกค่ะ โดยตรงนี้ก็ต้องทำการย้ายเตียงเพื่อมานอนเตียงผู้ป่วย ตรงนี้ก็ต้องยกตัวคล้ายกับตอนแรกเลยค่ะ แต่ของเรามีตุ๊กตาน้องเน่าที่ติดมาที่โรงพยาบาลด้วย ก็นำมาหนุนที่หลังนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เมื่อยเพราะต้องนอนท่าเดิมแบบนี้ไปตลอดวันค่ะ เรามาถึงห้องประมาณเที่ยงกว่าๆ คุณพยาบาลจะมาชี้แจงรายละเอียดและเราเริ่มทานข้าวได้ค่ะ โดยรายละเอียดหลักๆคือ ให้เราปัสสาวะแล้วสังเกตดูว่าปริมาณปัสสาวะและในปัสสาวะของเรามีเลือดปนไหมค่ะ โดยปกติจะมีเลือดปนใน 1-2 ครั้งแรก แต่ถ้ามีกรณีเลือดสดปนเยอะกว่านี้ให้แจ้งพยาบาลค่ะ (ตรงนี้คุณหมอจะแจ้งก่อนเจาะไตแล้วค่ะ)
ในระหว่างนี้ก็ให้เราใช้ชีวิตบนเตียงทั้งวันเลยนะคะ ทั้งทานอาหาร ปัสสาวะ ธุระหนัก ห้ามอั้นเด็ดขาดค่ะ โดยเฉพาะปัสสาวะ โดยถ้าจะทานข้าวให้ยกหัวเตียงได้นิดหน่อย แต่หลักๆคือแผลต้องอยู่ในระนาบค่ะ ส่วนปัสสาวะถ้าปวดก็กดกริ๊งเรียกพยาบาล จะมีพี่ผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยเราค่ะ ตรงนี้เกรงใจและเขินมากๆเลยค่ะ แต่พี่เค้าเห็นมาเยอะแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ กรณีของเราอาจจะเพราะโชคชะตาเข้าข้างมากๆ ฮืออ ที่เราเป็นประจำเดือนพอดี เลยต้องรบกวนพี่เขาใส่ผ้าอนามัยด้วยค่ะ จุดนี้ลำบากนิดหน่อย แต่เกรงใจพี่เค้ามากๆค่ะ
วันกลับ
เช้าวันถัดมา หกโมงเช้าเราตื่นมาเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำเลยค่ะ เพราะเกรงใจพี่ผู้ช่วยพยายาลไม่ไหว ตรงนี้ให้ค่อยๆลุกนะคะ ระหว่างนั้นก็ทานข้าว ทานยาปกติ คุณหมอและพยาบาลจะเช็คอาการเรา ของเราสามารถกลับบ้านได้เลยค่ะ หลังจากเคลียร์รายการต่างๆแล้ว ก็กลับบ้านค่ะ ของเราคุณน้ามารับ ก็กำชับแกให้ขับรถเบาๆ ถ้าขึ้นลูกระนาดก็ให้ขับนิ่มๆหน่อยค่ะ เพราะมันสะเทือนไปถึงแผลข้างหลังเลย เมื่อถึงบ้านห้ามยกของหนัก ห้ามออกกำลังกายค่ะ และจะสามารถแกะผ้าปิดแผลได้หลังจากผ่านไปประมาณ 1-2 วันหลังจากเปลี่ยนครั้งสุดท้ายที่โรงพยาบาล ระหว่างอยู่บ้านก็ให้ระวังค่ะ เพราะจะมีอาการปวดหลัง และย้ำอีกทีว่าห้ามยกของหนัก โดยเราเองก็เผลอไปเปลี่ยนผ้าปูเตียง ยกเตียงนอน ก็ปวดหลังไปตามระเบียบ 😂 พักฟื้นอยู่ประมาณสองอาทิตย์ที่บ้าน งดกระเทือนแรงๆ งดเดินทาง งดมีเพศสัมพันธ์ด้วยนะคะ (ตรงนี้คุณหมอจะแจ้งไว้ก่อนเจาะไตแล้วค่ะ) ให้ work from home สองอาทิตย์ค่ะ เราก็อยู่บ้านตลอดสองอาทิตย์ โดยที่ยังเดินขึ้นบันไดได้นะคะ คุณหมอไม่ได้ห้ามค่ะ แค่ระวังตกบันไดเท่านั้น
รายการค่าใช้จ่าย (อาจแตกต่างกันไปในแต่ละโรงพยายาลและข้อกำหนดของคุณหมอนะคะ)
- ค่าห้องพัก (ราคาแล้วแต่โรงพยาบาล)
- ค่าเจาะไต (ราคาแล้วแต่โรงพยาบาล)
- ค่าตรวจชิ้นเลือดไต (ประมาณ 5,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล)
- ค่าขนส่งชิ้นเนื้อไต (ประมาณ 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาล ถ้าคุณหมอที่ตรวจอยู่โรงพยาบาลเดียวกับที่รักษา ตรงนี้ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
- ค่ายา (ราคาขึ้นอยู่กับจำนวนและยาที่ได้รับ)
ของเรารวมแล้วที่เสียครั้งนี้ประมาณ 12,000 บาท รักษาโรงพยาบาลรัฐบาลค่ะ
คร่าวๆการเจาะไตก็ประมาณนี้ค่ะ หวังว่ากระทู้นี้จะช่วยสร้างความเข้าใจ ลดความเครียดของผู้ป่วยหรือผู้ที่มาอ่านให้ไม่หวาดกลัวการเจาะไตนะคะ เพราะโดยปกติแล้วการเจาะไตเป็นเรื่องปกติของการรักษาโรคไต และเป็นสิ่งที่คุณหมอนั้นเล็งเห็นแล้วว่ามีประโยชน์มากกว่าโทษต่อผู้ป่วยค่ะ
ผิดพลาดประการใด หรืออ่านแล้วสับสนก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ หวังว่าทุกท่านจะมีสุขภาพกายและจิตที่ดีค่ะ
ขอบคุณค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้