🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭2ก.ย.โควิดไทยอันดับ29โลก/ป่วย2,046คน หาย1,565คน เสียชีวิต24คน/จำเป็นต้องมีเข็มกระตุ้นวัคซีน/WHO ช้า


เพี้ยนแคปเจอร์หมอ ยง”วัคซีนโควิด-19 จำเป็นต้องมีการกระตุ้น ช่วยลดความรุนแรงของโรค

ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยโพสต์เฟซบุ๊กวานนี้ ระบุว่า วัคซีน covid 19 จำเป็นที่จะต้องมีการกระตุ้น
การฉีดวัคซีนป้องกัน covid 19 เปรียบเสมือนสร้างหน่วยป้องกัน ที่เป็นทหารด่านหน้า หรือลาดตระเวน และทหารที่ประจำการอยู่ในบ้าน ในเมือง

โดยหลักการแต่เดิมถ้าวัคซีนสามารถฝึกทหารด้านหน้า หรือลาดตระเวนได้ดี ข้าศึกหรือตัวไวรัสก็ไม่สามารถที่จะโจมตีบ้านหรือเมืองเราได้ แต่วัคซีน covid 19 หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ทั้งนี้เพราะไวรัสโควิด- 19 สามารถเปลี่ยนรูปร่าง ปลอมปนทำให้ทหาร ไม่สามารถแยกได้ว่าเป็นข้าศึก จึงทำให้ไวรัสเข้าจู่โจมบ้านเมืองเราได้ การฉีดวัคซีนไม่ว่ากี่เข็ม จึงมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้

แต่วัคซีนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ สามารถฝึกทหารในเมือง หรือในบ้านเรา ได้เป็นอย่างดี ดังนั้นถึงแม้ว่าไวรัสหรือข้าศึกจะเข้าบ้านเราได้ เราก็สามารถกำจัดกวาดล้างได้อย่างรวดเร็ว ป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายบ้านเมือง เปรียบเสมือน การติดเชื้อ เชื้อไม่ลงปอด ความรุนแรงน้อยลง ลดอัตราการนอนโรงพยาบาลจากการเสียหายของร่างกาย ลดอัตราการเสียชีวิต

วัคซีนจึงลดความรุนแรงของโรคได้
การให้วัคซีนจึงจำเป็นต้องมีการกระตุ้น หรือฝึกทหารให้แข็งแกร่ง ในการที่จะปกป้อง อันตรายที่จะเกิดขึ้น และถ้าให้มานานแล้ว จำเป็นที่จะต้องมีการฝึกเป็นระยะ

จึงไม่แปลกที่กลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะที่เราเรียกว่า 608 จำเป็นจะต้องมีการกระตุ้นเข็ม 4 เพื่อลดความรุนแรงของโรคลง จะได้ลดอัตราการสูญเสียต่อชีวิตลงได้

ในรายที่ร่างกายอ่อนแอมาก ให้วัคซีนก็ไม่สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานได้ ดังนั้นในบุคคลกลุ่มนี้จึงจำเป็นที่จะต้องให้ ภูมิต้านทานสำเร็จรูป ที่ใช้ในการป้องกัน เช่นผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ผู้ป่วยโรคมะเร็ง ผู้ที่กินยากดภูมิต้านทาน ก็สามารถให้ภูมิต้านทานสำเร็จรูป ในการป้องกันระยะยาวได้ซึ่งขณะนี้ก็มีใช้ในเมืองไทยแล้ว


เพี้ยนปักหมุด'องค์การอนามัยโลก' ทำงานล่าช้า! ไม่ทันโควิด
 
2 ก.ย. 2565 – นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำโรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า 2 ปีกว่าที่ผ่านมา คนที่ติดตามการทำงานขององค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด จะสังเกตเห็นว่าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกบางเรื่องของโรคโควิด-19 ดูจะล่าช้าเกินไปสำหรับองค์กรระดับโลก

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด องค์การอนามัยโลกกว่าจะยอมรับว่า เชื้อไวรัสโรคโควิด-19 สามารถแพร่กระจายทางอากาศ ติดต่อกันทางการหายใจเหมือนเชื้อไวรัสโรคหัด อีสุกอีใส และเชื้อวัณโรค ต้องใช้เวลาเกือบ 2 ปี
ผมออกมาให้ความเห็นว่าไวรัสโควิด-19 สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศ หลังจากเห็นการระบาดอย่างเป็นกลุ่มก้อนในสนามมวยลุมพินีในเดือนมีนาคม 2563 มีคนติดเชื้อในสนามมวยวันนั้นมากกว่า 50 คน ทั้งๆที่อยู่ห่างกันหลายสิบเมตร เพราะอยู่ในสถานที่ที่ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ อากาศถ่ายเทไม่ดี คนป่วยตะโกนเสียงดัง ส่งเสียงเชียร์ ปล่อยเชื้อไวรัสออกมาในอากาศ โดยช่วงนั้นคนยังใส่หน้ากากอนามัยน้อยมาก คนติดเชื้อจากการหายใจเชื้อไวรัสที่ล่องลอยอยู่ในอากาศเป็นเวลาหลายชั่วโมงไปได้ไกลหลายสิบเมตร ประเทศไทยเสียเงิน เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อตามพื้น เช่นตลาด และโรงเรียนที่พบการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 ปัจจุบันเลิกทำแล้ว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ผอ.องค์การอนามัยโลกออกแถลงการณ์ เรายังพูดไม่ได้ว่า “เรากำลังเรียนรู้อยู่ร่วมกับโควิด”
 
เรื่องนี้ผมได้ออกมาแนะนำให้คนไทยเรียนรู้อยู่ร่วมกับโควิดตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 เพราะเห็นว่าเราไม่มีทางกำจัดเชื้อไวรัสโควิดให้หมดไปจากโลกนี้ได้ เราต้องยอมรับ และอยู่ร่วมกับไวรัสโควิดอย่างมีสติ อย่าท้อแท้ อย่าวิตกกังวล กลัวโรคโควิดมากเกินไป
ปัจจุบันรัฐบาลเกือบทุกประเทศกำลังปรับลดระดับการบริหารจัดการโรคโควิด-19 ให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับโรคติดต่อเฝ้าระวังตามฤดูกาลเช่นไข้หวัดใหญ่ และใช้วิธีการที่เข้มงวดน้อยลง ยืดหยุ่นมากขึ้นในการลดการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส เพื่อสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมทางการศึกษา การท่องเที่ยว เศรษฐกิจ สังคม และสาธารณสุข.
 

ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ

 
 
 
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02vcyzcLaM2jnnaaavp6f4runBMC2h3kiwATHNKFTNjeu8oT1sqhdAa1yR8micKeEVl


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 1 ก.ย. 2565)
รวม 142,778,966 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 1 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 30,615 โดส

เข็มที่ 1 : 4,401 ราย
เข็มที่ 2 : 6,884 ราย
เข็มที่ 3 : 19,330 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,260,888 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,725,627 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,792,451 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0zSTnQa5TCJ2BiQKbVostHE5suhUxBmLs6MuzygGsMKbySRQEMYuWAmXc2xoL2FSUl


รพ.จุฬาลงกรณ์ ขอเชิญลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด Pfizer เข็มที่ 1,2,3,4,5 สำหรับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป

สแกน QR Code หรือเข้าไปที่ https://vaccinecenter.kcmh.or.th เพื่อลงทะเบียนเลือกวัน-เวลาเข้ารับบริการ ในระหว่างวันที่ 5 - 30 ก.ย. 2565 (ปิดรับลงทะเบียนเมื่อมีผู้เข้ามาจองสิทธิ์ครบตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรมา)

สถานที่รับบริการ : คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ (ปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ที่มา :โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0Zu8LKCcjkhaV5A9EycKzUtJBfnwP6MWhCLu1Ds4H5WLXqkHUHDFxYhFQ72uoLxpbl


สธ. เผย “วัคซีนโควิด” เข็มกระตุ้น เพิ่มประสิทธิผลป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากเชื้อ BA.4/BA.5
ชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยยังมีทิศทางลดลง ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ความครอบคลุมเข็มแรก 82.3% เข็มสอง 77.2% และเข็มกระตุ้น 45.6% โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดเข็มกระตุ้นได้ 50.6% ทั้งนี้ คณะทำงานศูนย์ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลวัคซีน กรมควบคุมโรค ร่วมกับคณะทำงานวิชาการ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ติดตามประเมินประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 จากการใช้จริงในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง ผลของการใช้จริงช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2565 ที่เป็นการระบาดของ “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรง คือ อาการปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ จาก 60% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 83% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ , ป้องกันการเสียชีวิตจาก 72% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 93% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ สำหรับกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ป้องกันปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มได้ 80% ต่ำกว่ากลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่ป้องกันได้ 89% แต่จะเพิ่มเป็น 100% เมื่อได้รับครบ 4 เข็มทั้งสองกลุ่มอายุ โดยการฉีดวัคซีนกระตุ้น 3 เข็มขึ้นไป จะมีประสิทธิผลในการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตในระดับสูงกว่า 80% ได้นานถึง 6 เดือน ทั้งนี้ แม้จะฉีดเข็มกระตุ้นแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อได้ แต่จะไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต ขณะนี้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แนวทางการควบคุมโรคต้องดำเนินการอย่างสมดุล ทั้งมาตรการวัคซีน ที่เร่งรัดฉีดเข็มกระตุ้นในประชากรเป้าหมายให้ครอบคลุมสูงสุด มาตรการสังคม ที่ต้องใช้ชีวิต วิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง และมาตรการการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ รู้สถานะการติดเชื้อเร็ว และรักษาเร็วด้วยยาที่มีประสิทธิผล

ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02wJqwu5Qz3duiJk9aLPEcVGMk19uu97LT9NsrFDBfaDc2Lvd1c5A1YjZ4xkc7u8rhl


รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 จำนวน 24 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02R9ByRNSnUTy2Zi488wNmKWPTV6b46atQfcXf425ny7pPcjLbV7nU23gMjGoGRz6il


กทม. เตรียมความพร้อมโควิดสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ย้ำ !! ประชาชนปฏิบัติตนตามมาตรการ UP และ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด

ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์ทั้งหมด รวมถึงการเตรียมในเดือน ก.ย. – ต.ค. 65 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสถานะโรคโควิด-19 จาก “โรคติดต่ออันตราย” ไปสู่ “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” ในวันที่ 1 ต.ค. 65 ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย. นี้ จะเป็นช่วงที่ กทม. เตรียมพร้อมขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ อาทิ การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ การเฝ้าระวัง แผนการเปลี่ยนผ่านและแผนรองรับการระบาด ซึ่งหลังจากเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ทำให้อาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น รวมทั้งข้อปฏิบัติที่ต้องสื่อสารกับสาธารณะอย่างชัดเจน ว่าเมื่อเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล (Universal Prevention : UP) และมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ยังต้องถือปฏิบัติอยู่โดยเคร่งครัด

ทั้งนี้ โรงพยาบาล และศูนย์บริการสาธารณสุข จะได้เร่งในการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาวะฟื้นฟู ในส่วนของการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร ยังเปิดให้บริการทุกจุด โดยสามารถ Walk in และรับบริการผ่านการนัดหมาย สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง หรือผู้ที่เดินทางยากลำบาก สามารถติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งจะมีทีมเชิงรุกเข้าไปให้บริการวัคซีน ปัจจุบันตัวเลขผู้ฉีดวัคซีน ในกลุ่ม 608 เข็มกระตุ้นอยู่ที่ 69% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของประเทศ

ที่มา กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0VQmcGogvgX89fVwuA6c2eeKCATgRfa7Ktg77c9eBahZbK7F7L6ZzkkpYHhLz5XoLl


7 กลุ่มเสี่ยง ขยายเวลาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 30 ก.ย.นี้

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่าง สปสช. และกรมควบคุมโรค ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี 2565 ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงฟรี ช่วง 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 นั้น

ขณะนี้พบยังมีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการวัคซีนฯ อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สปสช. จึงขยายเวลาบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ เพิ่มเติมออกอีก 1 เดือน คือตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายนนี้

ขอให้ประชาชนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน กลุ่มบุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) กลุ่มโรคอ้วน และกลุ่มผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หากยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ขอให้มารับโดยเร็ว ย้ำบริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย

สอบถามการรับบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร 1330
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02dDZ7M5ZU7Es24K3WrqDwkqtB6TgRLphXJdvjXFiq5K4DGnZukJCqay54xD412RAzl


รู้ข้อมูล “โรคฝีดาษวานร” อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคได้

Cr. กรมควบคุมโรค
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/pfbid02SDDnrV8mnm9SsDwMDhgHQ97FWzWkEWzUroJd2HMqFBeivat2z3TjiGiK82uxfwoMl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่