คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02vcyzcLaM2jnnaaavp6f4runBMC2h3kiwATHNKFTNjeu8oT1sqhdAa1yR8micKeEVl

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 1 ก.ย. 2565)
รวม 142,778,966 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 1 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 30,615 โดส
เข็มที่ 1 : 4,401 ราย
เข็มที่ 2 : 6,884 ราย
เข็มที่ 3 : 19,330 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,260,888 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,725,627 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,792,451 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0zSTnQa5TCJ2BiQKbVostHE5suhUxBmLs6MuzygGsMKbySRQEMYuWAmXc2xoL2FSUl

รพ.จุฬาลงกรณ์ ขอเชิญลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด Pfizer เข็มที่ 1,2,3,4,5 สำหรับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
สแกน QR Code หรือเข้าไปที่ https://vaccinecenter.kcmh.or.th เพื่อลงทะเบียนเลือกวัน-เวลาเข้ารับบริการ ในระหว่างวันที่ 5 - 30 ก.ย. 2565 (ปิดรับลงทะเบียนเมื่อมีผู้เข้ามาจองสิทธิ์ครบตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรมา)
สถานที่รับบริการ : คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ (ปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ที่มา :โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0Zu8LKCcjkhaV5A9EycKzUtJBfnwP6MWhCLu1Ds4H5WLXqkHUHDFxYhFQ72uoLxpbl

สธ. เผย “วัคซีนโควิด” เข็มกระตุ้น เพิ่มประสิทธิผลป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากเชื้อ BA.4/BA.5
ชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยยังมีทิศทางลดลง ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ความครอบคลุมเข็มแรก 82.3% เข็มสอง 77.2% และเข็มกระตุ้น 45.6% โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดเข็มกระตุ้นได้ 50.6% ทั้งนี้ คณะทำงานศูนย์ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลวัคซีน กรมควบคุมโรค ร่วมกับคณะทำงานวิชาการ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ติดตามประเมินประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 จากการใช้จริงในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง ผลของการใช้จริงช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2565 ที่เป็นการระบาดของ “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรง คือ อาการปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ จาก 60% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 83% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ , ป้องกันการเสียชีวิตจาก 72% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 93% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ สำหรับกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ป้องกันปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มได้ 80% ต่ำกว่ากลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่ป้องกันได้ 89% แต่จะเพิ่มเป็น 100% เมื่อได้รับครบ 4 เข็มทั้งสองกลุ่มอายุ โดยการฉีดวัคซีนกระตุ้น 3 เข็มขึ้นไป จะมีประสิทธิผลในการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตในระดับสูงกว่า 80% ได้นานถึง 6 เดือน ทั้งนี้ แม้จะฉีดเข็มกระตุ้นแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อได้ แต่จะไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต ขณะนี้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แนวทางการควบคุมโรคต้องดำเนินการอย่างสมดุล ทั้งมาตรการวัคซีน ที่เร่งรัดฉีดเข็มกระตุ้นในประชากรเป้าหมายให้ครอบคลุมสูงสุด มาตรการสังคม ที่ต้องใช้ชีวิต วิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง และมาตรการการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ รู้สถานะการติดเชื้อเร็ว และรักษาเร็วด้วยยาที่มีประสิทธิผล
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02wJqwu5Qz3duiJk9aLPEcVGMk19uu97LT9NsrFDBfaDc2Lvd1c5A1YjZ4xkc7u8rhl

รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 จำนวน 24 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02R9ByRNSnUTy2Zi488wNmKWPTV6b46atQfcXf425ny7pPcjLbV7nU23gMjGoGRz6il

กทม. เตรียมความพร้อมโควิดสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ย้ำ !! ประชาชนปฏิบัติตนตามมาตรการ UP และ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด
ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์ทั้งหมด รวมถึงการเตรียมในเดือน ก.ย. – ต.ค. 65 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสถานะโรคโควิด-19 จาก “โรคติดต่ออันตราย” ไปสู่ “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” ในวันที่ 1 ต.ค. 65 ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย. นี้ จะเป็นช่วงที่ กทม. เตรียมพร้อมขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ อาทิ การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ การเฝ้าระวัง แผนการเปลี่ยนผ่านและแผนรองรับการระบาด ซึ่งหลังจากเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ทำให้อาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น รวมทั้งข้อปฏิบัติที่ต้องสื่อสารกับสาธารณะอย่างชัดเจน ว่าเมื่อเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล (Universal Prevention : UP) และมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ยังต้องถือปฏิบัติอยู่โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ โรงพยาบาล และศูนย์บริการสาธารณสุข จะได้เร่งในการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาวะฟื้นฟู ในส่วนของการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร ยังเปิดให้บริการทุกจุด โดยสามารถ Walk in และรับบริการผ่านการนัดหมาย สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง หรือผู้ที่เดินทางยากลำบาก สามารถติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งจะมีทีมเชิงรุกเข้าไปให้บริการวัคซีน ปัจจุบันตัวเลขผู้ฉีดวัคซีน ในกลุ่ม 608 เข็มกระตุ้นอยู่ที่ 69% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของประเทศ
ที่มา กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0VQmcGogvgX89fVwuA6c2eeKCATgRfa7Ktg77c9eBahZbK7F7L6ZzkkpYHhLz5XoLl

7 กลุ่มเสี่ยง ขยายเวลาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 30 ก.ย.นี้
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่าง สปสช. และกรมควบคุมโรค ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี 2565 ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงฟรี ช่วง 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 นั้น
ขณะนี้พบยังมีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการวัคซีนฯ อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สปสช. จึงขยายเวลาบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ เพิ่มเติมออกอีก 1 เดือน คือตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายนนี้
ขอให้ประชาชนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน กลุ่มบุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) กลุ่มโรคอ้วน และกลุ่มผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หากยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ขอให้มารับโดยเร็ว ย้ำบริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
สอบถามการรับบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร 1330
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02dDZ7M5ZU7Es24K3WrqDwkqtB6TgRLphXJdvjXFiq5K4DGnZukJCqay54xD412RAzl

รู้ข้อมูล “โรคฝีดาษวานร” อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคได้
Cr. กรมควบคุมโรค
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/pfbid02SDDnrV8mnm9SsDwMDhgHQ97FWzWkEWzUroJd2HMqFBeivat2z3TjiGiK82uxfwoMl

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02vcyzcLaM2jnnaaavp6f4runBMC2h3kiwATHNKFTNjeu8oT1sqhdAa1yR8micKeEVl

จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 1 ก.ย. 2565)
รวม 142,778,966 โดส ใน 77 จังหวัด
ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 1 กันยายน 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 30,615 โดส
เข็มที่ 1 : 4,401 ราย
เข็มที่ 2 : 6,884 ราย
เข็มที่ 3 : 19,330 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,260,888 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,725,627 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,792,451 ราย
แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0zSTnQa5TCJ2BiQKbVostHE5suhUxBmLs6MuzygGsMKbySRQEMYuWAmXc2xoL2FSUl

รพ.จุฬาลงกรณ์ ขอเชิญลงทะเบียนรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด Pfizer เข็มที่ 1,2,3,4,5 สำหรับประชาชนที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป
สแกน QR Code หรือเข้าไปที่ https://vaccinecenter.kcmh.or.th เพื่อลงทะเบียนเลือกวัน-เวลาเข้ารับบริการ ในระหว่างวันที่ 5 - 30 ก.ย. 2565 (ปิดรับลงทะเบียนเมื่อมีผู้เข้ามาจองสิทธิ์ครบตามจำนวนวัคซีนที่ได้รับจัดสรรมา)
สถานที่รับบริการ : คลินิกบริการวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชั้น 13 อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ (ปิดบริการวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
ที่มา :โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0Zu8LKCcjkhaV5A9EycKzUtJBfnwP6MWhCLu1Ds4H5WLXqkHUHDFxYhFQ72uoLxpbl

สธ. เผย “วัคซีนโควิด” เข็มกระตุ้น เพิ่มประสิทธิผลป้องกันป่วยรุนแรงและเสียชีวิตจากเชื้อ BA.4/BA.5
ชีวิตวิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ของประเทศไทยยังมีทิศทางลดลง ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด 19 ความครอบคลุมเข็มแรก 82.3% เข็มสอง 77.2% และเข็มกระตุ้น 45.6% โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปฉีดเข็มกระตุ้นได้ 50.6% ทั้งนี้ คณะทำงานศูนย์ประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลวัคซีน กรมควบคุมโรค ร่วมกับคณะทำงานวิชาการ ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ได้ติดตามประเมินประสิทธิผลวัคซีนโควิด 19 จากการใช้จริงในประเทศไทย อย่างต่อเนื่อง ผลของการใช้จริงช่วงเดือนพฤษภาคม - กรกฎาคม 2565 ที่เป็นการระบาดของ “โอมิครอน” สายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 พบว่า การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นจะเพิ่มประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยรุนแรง คือ อาการปอดอักเสบและใส่ท่อช่วยหายใจ จาก 60% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 83% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ , ป้องกันการเสียชีวิตจาก 72% ในผู้ที่ได้รับครบ 2 เข็ม เป็น 93% และ 100% ในผู้ที่ได้รับครบ 3 เข็มและ 4 เข็มตามลำดับ สำหรับกลุ่มสูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ป้องกันปอดอักเสบใส่ท่อช่วยหายใจในผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 3 เข็มได้ 80% ต่ำกว่ากลุ่มอายุ 18-59 ปี ที่ป้องกันได้ 89% แต่จะเพิ่มเป็น 100% เมื่อได้รับครบ 4 เข็มทั้งสองกลุ่มอายุ โดยการฉีดวัคซีนกระตุ้น 3 เข็มขึ้นไป จะมีประสิทธิผลในการป้องกันป่วยหนักและเสียชีวิตในระดับสูงกว่า 80% ได้นานถึง 6 เดือน ทั้งนี้ แม้จะฉีดเข็มกระตุ้นแล้วก็ยังสามารถติดเชื้อได้ แต่จะไม่ป่วยหนักหรือเสียชีวิต ขณะนี้โรคโควิด 19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง แนวทางการควบคุมโรคต้องดำเนินการอย่างสมดุล ทั้งมาตรการวัคซีน ที่เร่งรัดฉีดเข็มกระตุ้นในประชากรเป้าหมายให้ครอบคลุมสูงสุด มาตรการสังคม ที่ต้องใช้ชีวิต วิถีใหม่ สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง และจัดการสภาวะแวดล้อมเสี่ยง และมาตรการการแพทย์ที่มีประสิทธิภาพ รู้สถานะการติดเชื้อเร็ว และรักษาเร็วด้วยยาที่มีประสิทธิผล
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02wJqwu5Qz3duiJk9aLPEcVGMk19uu97LT9NsrFDBfaDc2Lvd1c5A1YjZ4xkc7u8rhl

รายละเอียดผู้เสียชีวิตของประเทศไทย
วันศุกร์ที่ 2 กันยายน 2565 จำนวน 24 ราย
แหล่งข้อมูล : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02R9ByRNSnUTy2Zi488wNmKWPTV6b46atQfcXf425ny7pPcjLbV7nU23gMjGoGRz6il

กทม. เตรียมความพร้อมโควิดสู่โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง
ย้ำ !! ประชาชนปฏิบัติตนตามมาตรการ UP และ COVID Free Setting อย่างเคร่งครัด
ผศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า การติดตามสถานการณ์ทั้งหมด รวมถึงการเตรียมในเดือน ก.ย. – ต.ค. 65 ซึ่งจะมีการเปลี่ยนสถานะโรคโควิด-19 จาก “โรคติดต่ออันตราย” ไปสู่ “โรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง” ในวันที่ 1 ต.ค. 65 ซึ่งในช่วงเดือน ก.ย. นี้ จะเป็นช่วงที่ กทม. เตรียมพร้อมขั้นตอนปฏิบัติต่าง ๆ อาทิ การรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อ การเฝ้าระวัง แผนการเปลี่ยนผ่านและแผนรองรับการระบาด ซึ่งหลังจากเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง อาจมีการผ่อนคลายมาตรการ ทำให้อาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากขึ้น รวมทั้งข้อปฏิบัติที่ต้องสื่อสารกับสาธารณะอย่างชัดเจน ว่าเมื่อเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง การปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล (Universal Prevention : UP) และมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (Covid Free Setting) ยังต้องถือปฏิบัติอยู่โดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ โรงพยาบาล และศูนย์บริการสาธารณสุข จะได้เร่งในการฉีดวัคซีนให้เพิ่มมากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ภาวะฟื้นฟู ในส่วนของการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ของกรุงเทพมหานคร ยังเปิดให้บริการทุกจุด โดยสามารถ Walk in และรับบริการผ่านการนัดหมาย สำหรับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดบ้านติดเตียง หรือผู้ที่เดินทางยากลำบาก สามารถติดต่อศูนย์บริการสาธารณสุขใกล้บ้าน ซึ่งจะมีทีมเชิงรุกเข้าไปให้บริการวัคซีน ปัจจุบันตัวเลขผู้ฉีดวัคซีน ในกลุ่ม 608 เข็มกระตุ้นอยู่ที่ 69% ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานของประเทศ
ที่มา กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0VQmcGogvgX89fVwuA6c2eeKCATgRfa7Ktg77c9eBahZbK7F7L6ZzkkpYHhLz5XoLl

7 กลุ่มเสี่ยง ขยายเวลาฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฟรี ถึง 30 ก.ย.นี้
นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่าง สปสช. และกรมควบคุมโรค ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลประจำปี 2565 ให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงฟรี ช่วง 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม – 31 สิงหาคม 2565 นั้น
ขณะนี้พบยังมีประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง จำนวนหนึ่งที่ยังไม่ได้รับบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ดังนั้นเพื่อให้เกิดการเข้าถึงบริการวัคซีนฯ อย่างครอบคลุมและทั่วถึง สปสช. จึงขยายเวลาบริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ฯ เพิ่มเติมออกอีก 1 เดือน คือตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายนนี้
ขอให้ประชาชนที่อยู่ใน 7 กลุ่มเสี่ยง ได้แก่ กลุ่มหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป (ให้บริการตลอดทั้งปี) กลุ่มเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปีทุกคน กลุ่มผู้มีโรคเรื้อรัง ดังนี้ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน กลุ่มบุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ) กลุ่มโรคอ้วน และกลุ่มผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ หากยังไม่ได้เข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ขอให้มารับโดยเร็ว ย้ำบริการฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
สอบถามการรับบริการวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร 1330
https://www.facebook.com/Sumnakkaow.PRD/posts/pfbid02dDZ7M5ZU7Es24K3WrqDwkqtB6TgRLphXJdvjXFiq5K4DGnZukJCqay54xD412RAzl

รู้ข้อมูล “โรคฝีดาษวานร” อย่างถูกต้องและต่อเนื่อง ก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อโรคได้
Cr. กรมควบคุมโรค
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/pfbid02SDDnrV8mnm9SsDwMDhgHQ97FWzWkEWzUroJd2HMqFBeivat2z3TjiGiK82uxfwoMl
แสดงความคิดเห็น
🇹🇭💙มาลาริน💙🇹🇭2ก.ย.โควิดไทยอันดับ29โลก/ป่วย2,046คน หาย1,565คน เสียชีวิต24คน/จำเป็นต้องมีเข็มกระตุ้นวัคซีน/WHO ช้า