# ประวัติศาสตร์ The Lord of the Rings ฉบับรวบรัด # ทำความรู้จักมัชฌิมโลก (by Filmaneo)

-
-
ไม่ว่าซีรีส์คนแสดงทุ่มทุนสร้างล่าสุด จะพังหรือปัง เมื่อฉายจริง
แต่มันก็น่าจะทำให้เวลานี้ เหมาะแก่การย้อนมอง อภิมหากาพย์แฟนตาซีของเจ.อาร์.อาร์.โทลคีน
ที่หลายผู้หลายคน คงรู้จักผ่านการรับชม ภาพยนตร์ชุดของผกก.ปีเตอร์ แจ๊คสัน
-
และไม่ว่าใครที่เคยอ่าน หรือรับชมงานดัดแปลงของอภินิหารแหวนครองพิภพ
คงทราบว่า โลกที่โทลคีนรังสรรค์ นั้นซับซ้อนปานไหน
เพราะจะประเด็นใหญ่แบบ สงครามสะเทือนโลกา ระหว่างออร์คกับมนุษย์
หรือประเด็นจิ๊บจ๊อยแบบ ธรรมเนียมการดื่มชาของฮอบบิท
ก็ล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดเชิงลึก ให้ขุดคุ้ยขึ้นมาสาธยาย
-
การที่เรื่องราวมีมิติ มันดึงดูดให้เรา จมดิ่งสู่โลกแห่งจินตนาการ
แต่ก็ชวนสับสน จนเอามือก่ายหน้าผาก หรือกุมขมับในหลายๆ ที
เพราะงั้นจึงอยากนำเสนอ 'บทแปล' แบบ สำนวน (ไม่) แอบตามใจคนทำนี้
โดยต้นทางคือเว็บไซต์ต่างประเทศ (looper) ซึ่งผมเห็นว่า เขาสรุปความได้ดี
-
-
-
ต้นกำเนิดของ มัชฌิมโลก (Middle-earth)
-
เรื่องราวในมหากาพย์ของโทลคีน เริ่มตั้งแต่ยัง "ไม่มีโลก" เสียด้วยซ้ำ
เหตุการณ์แรกสุดเกิดแถวสุญภูมิ (ประมาณว่าอวกาศ, มิติเหนือกาลเวลา) 
เมื่อองค์อิลูวาทาร์ (Ilúvatar) พระเจ้าสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว เหนี่ยวนำให้เหล่าเทพไอนัวร์ (Ainur) ใต้สังกัด
ตั้งวงร้องบรรเลง "มหาคีตา" บทเพลงประสานเสียงศักดิ์สิทธิ์, โดยไม่บอกเหตุผล
-
เดิมทีบรรดาไอนัวร์ ผู้เป็นเผ่าพันธุ์แห่งจิตวิญญาณ อันแตกหน่อมาจากอิลูวาทาร์
จะร้องเพลงตามลำพัง, ครอบครองพลังอำนาจ หรือความรู้เกี่ยวกับจักรวาล 
เพียงไม่กี่ด้าน ตามความถนัดโดยกำเนิด ของแต่ละองค์
เมื่ออิลูวาทาร์อยากปั้น ดินแดนสำหรับให้ 'บุตรของพระองค์' อาศัย 
เขาจึงใช้เทพหลายตน เพื่อสร้างความกลมกล่อม และหลากหลาย
-
-
ทว่าในหมู่ไอนัวร์มีผู้หัวขบถ รสนิยมทางดนตรีแตกต่าง จากบรรดาเทพรอบข้างอยู่
นั่นคือ "เมลคอร์" ผู้จงใจเล่นโน้ตผิดคีย์ และพยายามดึงทิศทางเสียงของทั้งวง, ให้โยกเข้าหาสไตล์ของตน
เขาก่อความโกลาหลสำเร็จในเบื้องต้น, แต่สุดท้ายอิลูวาทาร์ทรง 
ใช้บทเพลงอันกึกก้อง และไพเราะยิ่งกว่า, กำราบเมลคอร์ลง
-
พอมหกรรมทางดนตรีจบ, อิลูวาทาร์จึงเปิดเผยพระประสงค์ 
โดยการโชว์ให้พวกเทพไอนัวร์ เห็นผลผลิตจาก 'มหาคีตา'
ที่เป็นตัวกำหนดประวัติศาสตร์ และรูปร่างของจักรวาลมิดเดิ้ลเอิร์ธ
อย่างไรก็ตาม 'อาร์ดา' โลกซึ่งทวยเทพเสกขึ้นนี่, มีลักษณะเป็นแผ่นกลมนะจ๊ะ
-
-
เทพ 13 พระองค์ เสด็จลงสู่อาร์ดา ณ จุดเริ่มของกาลเวลา
แล้วกลายเป็น "วาลาร์" อันสูงส่ง ที่ภายภาคหน้าชาวมัชฌิมโลก
จะนับถือดั่งตัวแทน แห่งจิตวิญญาณด้านต่างๆ ของธรรมชาติ
-
นอกจากวาลาร์, พวกเทพบริวารระดับล่างกว่า (แต่ยังจัดว่าทรงอิทธิฤทธิ์) อย่าง "ไมอาร์" เองก็มา แบบไม่ทราบจำนวน
แล้วเกือบทุกองค์ก็ช่วยกัน ปรับโฉมอาร์ดา, เสกสรรค์สารพัดภูมิประเทศ
เช่น ปั้นภูเขา, เติมน้ำทำทะเลสาบ, ประดิษฐ์ดอกไม้ ฯลฯ
ยกเว้นเมลคอร์ ที่ออกแนวเทวดานักเลง, คอยป่วนงานชาวบ้าน ไม่ก็ทำกร่างอยู่เรื่อย
-
-
-
สงครามระหว่างเทพเจ้า และวันคืนแห่งมหาชวาลา (โคตรตะเกียง)
-
พฤติกรรมของเทวดานักเลง ชักนำให้มหาสงคราม ครั้งแรกของพิภพอุบัติ
ไมอาร์มากมาย เลือกคนที่รักพรรคที่ใช่ (ผู้ฝักใฝ่เมลคอร์ ก็ไม่น้อยนะเออ) แล้วกระโจนเข้าร่วมศึก
การปะทะระหว่าง 2 ฝั่ง คือทัพเมลคอร์, กะทัพของเหล่าเทพอื่น ๆ ดุเดือด
ทว่ายุติเมื่อเทพทุลคัสผู้เก่งกล้า ซึ่งเคยรั้งตำแหน่ง ไอนัวร์แถวสุญภูมิ
ตัดสินใจเสด็จลงมา ตบเกรียนเมลคอร์, และกลายเป็นวาลาร์องค์ที่ 14
ไมอาร์ ปะทะไมอาร์
-
-
พอเมลคอร์เผ่นแน่บ สันติสุขก็มาเยือน
เหล่าวาลาร์ตั้งถิ่นฐาน ณ ใจกลางอาร์ดา (มิดเดิลเอิร์ธ) และสร้างโลกต่อ
เทพอาวเล (Aulë) ประดิษฐ์เสาขนาดมหึมาสองต้น ตั้งไว้บนภาคเหนือและภาคใต้ของทวีป
เสาอันสูงยิ่งกว่าภูเขานี่ คือชวาลาที่ใช้ส่องสว่าง สร้างแสงแก่โลกในยุคไร้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
-
-
หลังปวงเทพสุจริต ตรากตรำดำเนินการพัฒนาโลกต่อเนื่อง นานจนนับปีไม่ถูก
เมลคอร์เจ้าเก่าก็ผุดกลับมาอีก, งวดนี้พี่แกไม่ใช้สงคราม 
แต่ใช้มาตรการ ลอบเร้นเข้าแดนอริ แล้วทำลายมหาชวาลาทั้ง 2 ต้น
ผลจากการทำลายนี้สั่นสะเทือนผิวโลก, ฉีกมันออกเป็นหลายส่วน
-
ความเสียหายเยอะ จนปวงเทพไม่ว่างไปเล่นไล่จับกะเมลคอร์ และต้องเยียวยากันมือเป็นระวิง
แถมเทพีชื่อ 'ยาวานนา' ถึงกับหยุดราชกิจชั่วคราว และพาเหล่าผู้ติดตาม 
ลี้จากมิดเดิลเอิร์ธ ไปประจำแถวอามัน (Aman) แผ่นดินอันไกลโพ้น โซนตะวันตกของโลก
-
-
-
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และวันคืนแห่งทวิพฤกษา (โคตรต้นไม้ 2 ต้น)
-
อามัน (ดินแดนศักดิ์สิทธิ์) กลายเป็นแผ่นดินถิ่นที่ตั้ง ของอาณาจักรชื่อวาลินอร์ (Valinor)
ซึ่งปวงวาลาร์จะพำนักอยู่ถาวร ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของประวัติศาสตร์
ฉากขึ้นเรือสู่ตะวันตกของโฟรโด ในตอนจบของ The Return of the King ก็คือการมุ่งหน้าสู่สถานที่แห่งนี้
แม้ว่าการเยือนวาลินอร์ ในช่วงชีวิตของโฟรโด
ออกจะยากกว่ามากโข, ถ้ามองจากรูปร่างโลกที่เปลี่ยนไป เพราะเหตุการณ์ใหญ่ในยุค 2 ของมิดเดิลเอิร์ธ
 
-
-
เมื่อวาลาร์พาบรรดาสาวก ตามติดมาถึงอามัน
พวกเค้า 'สร้างเทือกเขา' ขึ้นเป็นปราการธรรมชาติ ป้องกันเมลคอร์
ยาวานนามีบทอีกรอบ โดยการผลิตแหล่งกำเนิดแสงชนิดใหม่ บนวาลินอร์
นั่นคือมหาพฤกษาอันเรืองรอง 2 ต้น ที่ผลัดกันส่องประกาย และสว่างพร้อมกันในบางช่วงเวลา
-
ความสงบสุขยาวนาน ยากจะวัดระยะ มาเยือนซ้ำ
ทวยเทพหันเหความสนใจ จากทวีปใหญ่ของมิดเดิลเอิร์ธ เปลี่ยนมาทุ่มเทให้แดนอามัน
เมลคอร์อยู่ในช่วงกบดาน และวางแผนวายป่วงรอบใหม่
แล้ววาลาร์ก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องเตรียมโลกให้พร้อมรับ การมาของบุตรแห่งอิลูวาทาร์ชุดแรก
วาร์ดา (วาลาร์องค์นึง) จึงไล่แขวน "ดาว" บนท้องฟ้า เพื่อใช้ต่างประทีปนำทางของพวกเอล์ฟ
-
-
-
การกำเนิดของเอล์ฟ และคนแคระ
-
ย้อนกลับไปก่อน จุดเริ่มของกาลเวลา, อิลูวาทาร์ ทรงอธิบายแก่พวกไอนัวร์ว่า
เหล่าบุตรของพระเจ้า จะปรากฏตัวแน่นอน (แม้ไม่ยอมบอกช่วงเวลา)
เหล่าบุตร หมายถึงสิ่งมีชีวิต 2 เผ่าพันธุ์ = เอล์ฟ กะมนุษย์
ทั้งเผ่าชีวิตนิรันดร์ และเผ่าผู้ได้รับพรพิเศษ (การตายได้คือพร แห่งการหลุดพ้น) จะมีบทบาทสำคัญต่อมัชฌิมโลก
-
อย่างไรก็ตาม, ระหว่างรอแล้วรอเล่า เฝ้าแต่รอ
เทพอาวเลดันใจร้อน แล้วลงมือประดิษฐ์ บุตรของพระองค์เองขึ้น
เมื่อทราบเรื่อง อิลูวาทาร์ซึ่งรู้เห็นทุกสิ่ง, ไม่ถูกใจสิ่งนี้
ทว่าทรงพระทัยกว้างพอ จะยอมรับพวก "คนแคระ" ในฐานะบุตรบุญธรรม
และสั่งให้คนแคระชุดแรกทั้งหมด หลับจำศีลรอไป จนกว่าบุตรพระเจ้าของแท้ตื่น
 
-
-
ณ จุดหนึ่ง, เอล์ฟชุดแรกลืมตาตื่น (ปรากฏตัว) 
เมลคอร์ไม่รีรอที่จะ ทำเรื่องชั่วช้า, ด้วยการลักพาตัวเอล์ฟจำนวนมาก ไปกักขังและทรมาน 
จนกระทั่งพวกนั้นแปรเปลี่ยนเป็น เผ่าพันธุ์ชั่วร้ายป่าเถื่อนแบบ "ออร์ค" ชุดแรก
-
ด้านวาลาร์ที่แจ้งถึงการตื่นของบุตรพระเจ้า ก็เห็นสมควรที่จะกลับมาจริงจัง เรื่องการปราบเมลคอร์
มหาสงครามสะเทือนโลก (ตามนั้นจริง ๆ ไม่ได้โม้) จึงอุบัติ
ลงเอยที่เมลคอร์พ่ายแพ้ โดยจับขังเป็นนักโทษ
-
ปวงวาลาร์เชื้อเชิญให้พวกเอล์ฟ ย้ายไปอยู่ด้วย ณ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เอล์ฟที่คล้อยตามเทพเพียบ, แต่พวกที่ไม่ได้ตามไป 
และปักหลักตั้งอาณาจักรของตัวเอง บนทวีปหลักมิดเดิลเอิร์ธ เลยยาวๆ ก็เยอะ

-
-
มหามณีซิลมาริล (The Silmarils) และการมัวหมองของวาลินอร์
-
ภายใต้วันคืนอันสว่างไสวของทวิพฤกษา, เอล์ฟนักประดิษฐ์อัจฉริยะนาม "เฟอานอร์"
ผลิตมหามณี 3 ชิ้นที่บรรจุ แสงของโคตรต้นไม้ทั้งสองไว้ (ด้วยเคล็ดลับใด บ่มีไผทราบ) ได้สำเร็จ
ช่วงเวลาดังกล่าว เมลคอร์พ้นโทษจองจำแสนยาว 
และแสร้งทำตัวเจี๋ยมเจี้ยมในฐานะ ผู้สำนึกผิด (แต่ยังติดทัณฑ์บน) อยู่
-
ซิลมาริล 3 ดวง ทอประกายเลอค่า ล่อตาล่อใจให้ผู้คนหลงใหล
เมลคอร์ผู้เป็นหนึ่งในนั้น จึงไม่รั้งรอที่จะใช้ทักษะ สาลิกาลิ้นทอง
เป่าหูเหล่าเอล์ฟให้หวาดระแวง, สร้างความขัดแย้งภายในขึ้น บนวาลินอร์
มิหนำซ้ำพ่อคุณยังเกณฑ์ 'อุงโกลิอันท์' อสูรรูปร่างแมงมุม ที่เกิดจากความมืด
มาดูดชีวิต ออกจากทวิพฤกษาจนแห้งเหี่ยว, ก่อนขโมยซิลมาริล แล้วชิ่งสู่แผ่นดินมิดเดิลเอิร์ธ
 
ทวิพฤกษา
-
-
เฟอานอร์จึงของขึ้นสุดๆ และทำตัวเป็นขบถ ต่อพวกวาลาร์
ด้วยการโน้มน้าวให้ราษฎรเอล์ฟของเขา (ที่รู้จักกันในชื่อโนลดอร์) จำนวนมาก
ละทิ้งวาลินอร์ เพื่อตามไปแก้แค้นเมลคอร์ [ซึ่งเอล์ฟจะเรียกกันในอีกชื่อว่า "มอร์ก็อธ" ดังนั้นจากนี้ขอเรียกตาม]
-
-
ความหัวร้อนของเฟอานอร์ จะก่อความเสียหายใหญ่หลวง
เนื่องจากเฟอานอร์กับคนของเขา ทำถึงขั้นฆ่าเอล์ฟเผ่าอื่น, เมื่อไม่ยอมอำนวยความสะดวกให้ภารกิจ ล่ามอร์ก็อธ
ขโมยเรือของพวกนั้น, แถมกล่าวสัตย์สาบานสาปแช่ง 
ว่าจะเป็นศัตรูกับทุกผู้ทุกสิ่ง ที่บังอาจเก็บรักษาหรือจิ๊กซิลมาริล ไปจากเฟอานอร์และทายาทด้วย
-
เฟอานอร์นำผู้คนของเขา กลับสู่ทวีปมิดเดิลเอิร์ธ อย่างเร่งรีบ
และกำชัยเหนือกองทัพอสูร ที่มอร์ก็อธเร่งรวบรวมมาใช้ต้าน ขัดตาทัพ
อย่างไรก็ตาม เฟอานอร์ดันเสียชีวิตตั้งแต่เนิ่นๆ ในการทำศึก กับเทพอสูร
ผู้คนของเขาพยายามสานต่อปณิธาน แต่ไม่สามารถพิชิตศัตรูได้โดยสมบูรณ์
สุดท้ายความขัดแย้งกับ เทพอสูรมอร์ก็อธ ก็ยืดเยื้อหลายศตวรรษ
-
-
***ต่อไปจะว่าด้วยยุคสมัยทั้งสี่ ของมิดเดิลเอิร์ธ***
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่