สวัสดีครับผมขอใช้พื้นที่ตรงนี้แชร์ประสบการณ์ซื้อรถที่ไม่ดีและไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ตอนแรกผมว่าจะปล่อยผ่านเเต่ลึกๆในใจกลับรู้สึกว่ากำลังถูกเอาเปรียบ
ผมได้ซื้อรถLexus รุ่นนึงเมื่อเดือนที่เเล้ว(ซึ่งเป็นรถรุ่นsports ที่หายาก) ซื้อที่ “
Know Name Garage.”
วันที่มาดูรถคือวันที่ 5/07/2022 รถเป็นปี 2008 (ผมได้จ้างบริษัทดูรถมาตรวจเช็คสภาพรถด้วย) เนื่องจากเป็นรถหายากและเป็นรถที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่ม ราคาจึงค่อนข้างสูง ผู้ขายใช้ประเด็นนี้เป็นจุดขายซึ่งผมก็รับรู้ ตัวผมถือว่าเป็นกลุ่มคนที่สนใจรถรุ่นนี้จึงไม่ต่อราคาอะไรมากพร้อมจบ
ปรากฎว่าผลตรวจออกมาดีมีเพียงต้องเก็บงานเล็กน้อยรอบๆตัวรถไม่ได้หนักอะไร เลขไมค์ที่พนักงานตรวจรถบันทึกลงในเอกสารการตรวจรถอยู่ที่
39,548 กิโลเมตร สรุปเราทั้งคู่ก็ตกลงราคากันได้
ซึ่งในวันเดียวกันผมได้โอนมัดจำเป็นเงินจำนวน1 แสนบาทถ้วน ทำสัญญาซื้อขายรถ นัดรับภายในสิ้นเดือนผมแจ้งคนขายขอเวลาเตรียมเงินสดมาจ่ายเต็มจำนวนภายในสิ้นเดือนคนขายก็ตกลงกับ terms and conditions ที่บอกไป
*วันที่ไปดูรถผมขอให้คนขายเก็บงานเพียงเล็กน้อย หลักๆก็คือ เบาะนั่งไฟฟ้ามีเสียงดังแค่หยอดนำ้มัน, ไฟหน้าเปลี่ยนกลับเป็นของเดิมและเเผงประตูยื่นออกมา คนขายรับปากจะไปเเก้ไขให้
วันมาชำระค่ารถที่เหลือ(ผมมากับเพื่อน) คือวันที่ 27/07/2022 ก่อนชำระเงินผมวุ่นๆกับเรื่องที่ต้องเเจ้งให้เก็บงานรอบๆตัวรถเพิ่มเลยลืมที่จะตรวจดูเลขไมค์ผมเห็นว่าเป็นร้านที่หน้าเชื่อถือมีช่องใน YouTube น่าจะมีความเป็นมืออาชีพระดับนึง พอพนักงานเก็บงานเสร็จก็ชำระค่ารถเต็มจำนวน ขับออกมาได้สักพักผมเพิ่งสังเกตเห็นเลขไมค์เพิ่มขึ้นเป็น
40,576 กิโล
**รถโดนขับไป1พันกิโลภายใน 22 วัน** ผมจึงโทรบอกเพื่อนที่พามารับรถแบบงงๆ
เพื่อนผมก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการญ์แบบนี้เกิดขึ้น
ในระหว่าง1 พันกิโล ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารถคันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง มีตำหนิหรือเสียหายเพิ่มตรงไหนหลังจากเช็คสภาพรถไปแล้วจากครั้งก่อน ผมมีความคิดในหัวว่า “รถถูกใช้งานหนักขนาดไหนใครเป็นคนขับแต่ที่เเน่ๆเลยคือค่าเสื่อมของรถที่เพิ่มขึ้น1 พันกิโลได้ตกอยู่ในความรับผิดชอบของผมเต็มๆ เหมือนคนขายได้ใช้รถผมไปฟรีๆ 22 วัน
ขับได้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องใส่ใจยิ่งกว่าเช่ารถซะอีก
ผมจึงติดต่อไปยังผู้ขาย
ผู้ขายได้ “อธิบาย” ในนำ้เสียงที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด รถวิ่ง1 พันกิโลเป็นเรื่องปกติ
1. รถเขามีเยอะ เลยไม่มีที่เก็บจึงต้องนำรถไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน (มีอยู่ 2-3 คน) หนึ่งในหุ้นส่วนที่เก็บของรถผม บ้านเขาอยู่ไกลจากเต็นท์รถหลายร้อยกิโล (เเถวพระประแดง) เเต่ละครั้งวิ่งมาเก็บงาน 2-3 รอบก็หลายร้อยกิโลเเล้ว ประเด็นนี้ฟังแล้วยังมีนำ้หนักไม่มากพอ พระประแดงไม่ได้ไกลขนาดนั้นควรเก็บงานในเมืองรอบเดียวจบ ไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งเก็บงานไปๆมาๆเสี่ยงที่รถจะเกิดการเสียหายจากการขับไปขับมาเเละคงไม่มีใครอยากจะขับรถไปเก็บงานหลายๆรอบ
อีกประเด็นที่ยังรู้สึกข้องใจเเละไม่เชื่อว่าการวิ่งรถแถวชานเมืองไม่ห่างจากกทม. เพียงไม่กี่รอบจะถึงพันโลได้ใน 22 วัน
**ส่วนตัวผมคิดว่าผู้ขายควรมีจรรยาบรรณเก็บของให้ลูกค้าตามที่ตกลงกันไว้**
2. ผู้ขายเเจ้งว่าระยะเวลาที่ผมมารับรถนานกว่าปกติ ต่างจากที่เขาเจอลูกค้าคนอื่นๆใช้เวลา1-2 สัปดาห์เท่านั้น
(ประเด็นนี้ผมรู้สึกว่าระยะเวลาไม่ได้นานขนาดนั้นกับรถราคา1ล้านบาทขึ้นไป ต้องให้เวลาเตรียมบ้าง (ผมซื้อเงินสดครับ) ผมได้เเจ้งก่อนทำสัญญาแล้วทางเขาก็ตอบตกลงพอมีประเด็นกลับมาบอกผมว่านานกว่าปกติ
ความเห็นของผมคือถ้าเรามัดจำไปแล้ว เขาไม่ควรเอาไปใช้งานเพิ่มถ้าเอาไปเทสรถให้ หรือเก็บงานเพิ่มหลายๆครั้งควรต้องบอกผมก่อนจึงจะเรียกว่าอธิบาย แต่ถ้าเราจับได้ทีหลังแล้วเขามาอธิบาย แม้เป็นคำอธิบายประโยคเดียวกันนั้นก็เท่ากับว่าคือ”คำแก้ตัว”
สิ่งที่คนขายพูดว่าเป็นเรื่องปกติที่รถวิ่ง 1 พันกิโลเพื่อวิ่งไปเก็บงานทำให้ผมรู้สึกว่าคนขายไม่มีเจตนาที่จะรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าถ้าผมซื้อรถบ้านๆสำหรับใช้งานทั่วไปรถไม่มีทางโดนใช้ถึง 1,000 พันกิโลภายใน 22 วัน ผมจะไม่ติดใจอะไรเลยถ้าผมซื้อรถกับคนขายที่มีรถเพียงคันเดียว ระหว่างรอขายรถเขาก็อาจจะมีความจำเป็นในการใช้รถเเต่นี้ เป็นเต็นท์รถมือสอง
ผมไม่รอบครอบเองที่ผมกับเพื่อนไม่ได้ตรวจเลขไมค์ก่อนจ่ายเงินเเละไม่ได้ลงเลขไมค์ในสัญญาซื้อขาย คราวก่อนที่ผมเคยซื้อรถกับเต็นท์รถอื่นก็ไม่ได้ลงเลขไมค์คนขายเก็บรถไว้ให้อย่างดี ไมค์เเทบไม่ได้ต่างจากวันไปดูรถ ส่วนหนึ่งก็เพราะไว้ใจคนขายเห็นว่าเป็นคนรักและชื่นชอบรถเหมือนกันไม่น่าทำกันได้ลง เเบบนี้ เสียความรู้สึกมากๆครับ นึกว่ามัดจำแล้วคนขายจะไม่ใช้รถหนักขนาดนี้ แต่นี่แทบจะขับไปภาคใต้ได้เลย!!!
ผมขอสอบถามความเห็นจากสมาชิกใน Pantip ครับ ว่ารถที่มัดจำแล้วเเต่วิ่งเพิ่มอีก1 พันกิโลสำหรับคนซื้อขายกับเต็นท์รถมือสองถือว่าเป็นเรื่องปกติไหมครับ?
ขอสอบถามเพิ่มเป็นความรู้ โดยปกติแล้วสัญญาซื้อขายรถมือสองต้องเขียนระบุเลขไมค์เเละระบุว่าห้ามวิ่งเกินกี่กิโลเมตรในสัญญาด้วยไหมครับ?
ปกติไหมรถมัดจำถูกเอาไปวิ่ง 1 พันโลภายใน 22 วัน?????
ผมได้ซื้อรถLexus รุ่นนึงเมื่อเดือนที่เเล้ว(ซึ่งเป็นรถรุ่นsports ที่หายาก) ซื้อที่ “Know Name Garage.”
วันที่มาดูรถคือวันที่ 5/07/2022 รถเป็นปี 2008 (ผมได้จ้างบริษัทดูรถมาตรวจเช็คสภาพรถด้วย) เนื่องจากเป็นรถหายากและเป็นรถที่ชื่นชอบเฉพาะกลุ่ม ราคาจึงค่อนข้างสูง ผู้ขายใช้ประเด็นนี้เป็นจุดขายซึ่งผมก็รับรู้ ตัวผมถือว่าเป็นกลุ่มคนที่สนใจรถรุ่นนี้จึงไม่ต่อราคาอะไรมากพร้อมจบ
ปรากฎว่าผลตรวจออกมาดีมีเพียงต้องเก็บงานเล็กน้อยรอบๆตัวรถไม่ได้หนักอะไร เลขไมค์ที่พนักงานตรวจรถบันทึกลงในเอกสารการตรวจรถอยู่ที่
39,548 กิโลเมตร สรุปเราทั้งคู่ก็ตกลงราคากันได้
ซึ่งในวันเดียวกันผมได้โอนมัดจำเป็นเงินจำนวน1 แสนบาทถ้วน ทำสัญญาซื้อขายรถ นัดรับภายในสิ้นเดือนผมแจ้งคนขายขอเวลาเตรียมเงินสดมาจ่ายเต็มจำนวนภายในสิ้นเดือนคนขายก็ตกลงกับ terms and conditions ที่บอกไป
*วันที่ไปดูรถผมขอให้คนขายเก็บงานเพียงเล็กน้อย หลักๆก็คือ เบาะนั่งไฟฟ้ามีเสียงดังแค่หยอดนำ้มัน, ไฟหน้าเปลี่ยนกลับเป็นของเดิมและเเผงประตูยื่นออกมา คนขายรับปากจะไปเเก้ไขให้
วันมาชำระค่ารถที่เหลือ(ผมมากับเพื่อน) คือวันที่ 27/07/2022 ก่อนชำระเงินผมวุ่นๆกับเรื่องที่ต้องเเจ้งให้เก็บงานรอบๆตัวรถเพิ่มเลยลืมที่จะตรวจดูเลขไมค์ผมเห็นว่าเป็นร้านที่หน้าเชื่อถือมีช่องใน YouTube น่าจะมีความเป็นมืออาชีพระดับนึง พอพนักงานเก็บงานเสร็จก็ชำระค่ารถเต็มจำนวน ขับออกมาได้สักพักผมเพิ่งสังเกตเห็นเลขไมค์เพิ่มขึ้นเป็น 40,576 กิโล
**รถโดนขับไป1พันกิโลภายใน 22 วัน** ผมจึงโทรบอกเพื่อนที่พามารับรถแบบงงๆ
เพื่อนผมก็ไม่คิดว่าจะมีเหตุการญ์แบบนี้เกิดขึ้น
ในระหว่าง1 พันกิโล ผมไม่สามารถรู้ได้เลยว่ารถคันนี้ผ่านอะไรมาบ้าง มีตำหนิหรือเสียหายเพิ่มตรงไหนหลังจากเช็คสภาพรถไปแล้วจากครั้งก่อน ผมมีความคิดในหัวว่า “รถถูกใช้งานหนักขนาดไหนใครเป็นคนขับแต่ที่เเน่ๆเลยคือค่าเสื่อมของรถที่เพิ่มขึ้น1 พันกิโลได้ตกอยู่ในความรับผิดชอบของผมเต็มๆ เหมือนคนขายได้ใช้รถผมไปฟรีๆ 22 วัน
ขับได้เต็มที่โดยที่ไม่ต้องใส่ใจยิ่งกว่าเช่ารถซะอีก
ผมจึงติดต่อไปยังผู้ขาย
ผู้ขายได้ “อธิบาย” ในนำ้เสียงที่ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด รถวิ่ง1 พันกิโลเป็นเรื่องปกติ
1. รถเขามีเยอะ เลยไม่มีที่เก็บจึงต้องนำรถไปเก็บไว้ที่บ้านเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วน (มีอยู่ 2-3 คน) หนึ่งในหุ้นส่วนที่เก็บของรถผม บ้านเขาอยู่ไกลจากเต็นท์รถหลายร้อยกิโล (เเถวพระประแดง) เเต่ละครั้งวิ่งมาเก็บงาน 2-3 รอบก็หลายร้อยกิโลเเล้ว ประเด็นนี้ฟังแล้วยังมีนำ้หนักไม่มากพอ พระประแดงไม่ได้ไกลขนาดนั้นควรเก็บงานในเมืองรอบเดียวจบ ไม่จำเป็นที่จะต้องวิ่งเก็บงานไปๆมาๆเสี่ยงที่รถจะเกิดการเสียหายจากการขับไปขับมาเเละคงไม่มีใครอยากจะขับรถไปเก็บงานหลายๆรอบ
อีกประเด็นที่ยังรู้สึกข้องใจเเละไม่เชื่อว่าการวิ่งรถแถวชานเมืองไม่ห่างจากกทม. เพียงไม่กี่รอบจะถึงพันโลได้ใน 22 วัน
**ส่วนตัวผมคิดว่าผู้ขายควรมีจรรยาบรรณเก็บของให้ลูกค้าตามที่ตกลงกันไว้**
2. ผู้ขายเเจ้งว่าระยะเวลาที่ผมมารับรถนานกว่าปกติ ต่างจากที่เขาเจอลูกค้าคนอื่นๆใช้เวลา1-2 สัปดาห์เท่านั้น
(ประเด็นนี้ผมรู้สึกว่าระยะเวลาไม่ได้นานขนาดนั้นกับรถราคา1ล้านบาทขึ้นไป ต้องให้เวลาเตรียมบ้าง (ผมซื้อเงินสดครับ) ผมได้เเจ้งก่อนทำสัญญาแล้วทางเขาก็ตอบตกลงพอมีประเด็นกลับมาบอกผมว่านานกว่าปกติ
ความเห็นของผมคือถ้าเรามัดจำไปแล้ว เขาไม่ควรเอาไปใช้งานเพิ่มถ้าเอาไปเทสรถให้ หรือเก็บงานเพิ่มหลายๆครั้งควรต้องบอกผมก่อนจึงจะเรียกว่าอธิบาย แต่ถ้าเราจับได้ทีหลังแล้วเขามาอธิบาย แม้เป็นคำอธิบายประโยคเดียวกันนั้นก็เท่ากับว่าคือ”คำแก้ตัว”
สิ่งที่คนขายพูดว่าเป็นเรื่องปกติที่รถวิ่ง 1 พันกิโลเพื่อวิ่งไปเก็บงานทำให้ผมรู้สึกว่าคนขายไม่มีเจตนาที่จะรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ผมเชื่อว่าถ้าผมซื้อรถบ้านๆสำหรับใช้งานทั่วไปรถไม่มีทางโดนใช้ถึง 1,000 พันกิโลภายใน 22 วัน ผมจะไม่ติดใจอะไรเลยถ้าผมซื้อรถกับคนขายที่มีรถเพียงคันเดียว ระหว่างรอขายรถเขาก็อาจจะมีความจำเป็นในการใช้รถเเต่นี้ เป็นเต็นท์รถมือสอง
ผมไม่รอบครอบเองที่ผมกับเพื่อนไม่ได้ตรวจเลขไมค์ก่อนจ่ายเงินเเละไม่ได้ลงเลขไมค์ในสัญญาซื้อขาย คราวก่อนที่ผมเคยซื้อรถกับเต็นท์รถอื่นก็ไม่ได้ลงเลขไมค์คนขายเก็บรถไว้ให้อย่างดี ไมค์เเทบไม่ได้ต่างจากวันไปดูรถ ส่วนหนึ่งก็เพราะไว้ใจคนขายเห็นว่าเป็นคนรักและชื่นชอบรถเหมือนกันไม่น่าทำกันได้ลง เเบบนี้ เสียความรู้สึกมากๆครับ นึกว่ามัดจำแล้วคนขายจะไม่ใช้รถหนักขนาดนี้ แต่นี่แทบจะขับไปภาคใต้ได้เลย!!!
ผมขอสอบถามความเห็นจากสมาชิกใน Pantip ครับ ว่ารถที่มัดจำแล้วเเต่วิ่งเพิ่มอีก1 พันกิโลสำหรับคนซื้อขายกับเต็นท์รถมือสองถือว่าเป็นเรื่องปกติไหมครับ?
ขอสอบถามเพิ่มเป็นความรู้ โดยปกติแล้วสัญญาซื้อขายรถมือสองต้องเขียนระบุเลขไมค์เเละระบุว่าห้ามวิ่งเกินกี่กิโลเมตรในสัญญาด้วยไหมครับ?