สวัสดีค่ะ
ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวก่อน เราเป็นผู้หญิงคนนึง อายุย่างเข้าเลข 3 ต้นๆ ค่ะ มีหน้าที่การงานดี (ดีในที่นี้คือ ดีพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวไม่ให้ลำบาก และเอาตัวเองรอด)ไม่มีหนี้เสีย ไม่มีภาระใดๆ มีแต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 1 คน อายุ 4 ขวบ และเป็นโสดค่ะ
เราสิงอยู่ในพันทิพมานานมากแล้วค่ะ รวมๆน่าจะมีมากกว่า 10 ปี เราเข้ามาหาความรู้หลายอย่างในนี้ รวมถึงพยายามจะเข้ามาทำความเข้าใจทั้งชีวิตรักของคนที่มีความรักดีๆ และคนที่เจอความรักแย่ๆ เพื่อที่จะเอามาประกอบการที่จะเริ่มเปิดใจมีความรักครั้งใหม่ หลังจาก ปิดตัวเองให้อยู่เป็นโสดมานานกว่า 5 ปี ค่ะ
ท้าวความไปก่อนตั้งแต่สมัยก่อนโสด เราคบกับแฟนเก่ามาเป็นเวลานาน เราไม่ค่อยมีปัญหากับแฟนค่ะ เพราะไม่ชอบการทะเลาะและสาดเสียงดังๆใส่กัน เราเลยเลือกเป็นฝ่ายที่จะอ่อนให้ และ ขออยู่ในพื้นที่ของตัวเอง (คือตอนคบกันเราไม่ได้อยู่ด้วยกันกับแฟน ทางผู้ชายจะมาหาเราซะมากกว่า) เราคบกับเค้ากินระยะเวลาเกือบครึ่งชีวิตค่ะ ประมาณ 10 ปี เราคิดว่าเรารักเค้านะคะ เพราะเค้าอยู่ข้างๆเรามาตลอด เราเลยตอบแทนความหวังดีที่เค้ามีให้เราด้วยการอยู่support เค้าค่ะ และด้วยความที่รักเด็กมากเลยอยากมีลูกค่ะ แต่น้องมาช้ามาก ทำยังไงน้องก็ไม่มาค่ะ เราคิดว่าการมีลูกอาจตะเป็นโซ่ทองคล้องใจเรากับแฟนไว้ เราอาจจะรักเค้ามากขึ้นกว่านี้ก็ได้ แม่ก็ถามเราว่าอยากมีครอบครัวแบบไหน จะแต่งเมื่อไหร่ ตอนนั้นก็ได้แต่ตอบแม่ไปว่าเรายังไม่อยากแต่งงาน ต่อให้อายุเราจะเข้าใกล้เลขสามแล้วก็ตาม เราแค่อยากมีลูก แบบไม่ต้องมีสามีได้ไหม ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นจริงๆค่ะ เราเริ่มคิดตั้งแต่เราคบกับแฟนเข้าปีที่ 6 แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เราก็ปล่อยให้ความรู้สึกตรงนั้นของเรามันหายไป ให้มันกลับไปอยู่ในใจดราเหมือนเดิม แล้วก็ลืมมันไปค่ะ หลังจากที่คุยกับแม่ไปตอนนั้น เราก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเกี่ยวกับการมีลูกอีก แต่พอความรักของเราเข้าสู่ปีที่ 10 น้องก็มาค่ะ เราดีใจมากค่ะ ดีใจที่น้องมา แต่ลืมคิดไปเลยว่าการที่เค้ามา เราจะต้องผูกพันธะไปกับผู้ชายอีกคนนึงไปตลอดชีวิตด้วย ตอนนั้นด้วยความสงสาร เราก็ยังคงอยู่ต่อนะคะ แต่ก็ยังไม่ย้ายออกไปไหน เราดูแลตัวเองอย่างดี ในขณะที่แฟนก็ยังอยู่ที่บ้าน (เพราะเราไม่ได้อยากให้เค้ามาอยู่ร่วมห้องด้วย)หลังจากนั้น พอคลอดน้อง ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เราจึงต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านแฟนค่ะ พร้อมทั้งออกจากงานเดิม ที่ดีมากอยู่แล้ว
เราใช้เวลาพักฟื้นและดูแลตัวเองอยู่ สามเดือน แล้วก็ได้มีโอกาสได้งานใหม่ ที่เป็นองค์ใหญ่ที่มั่นคงค่ะ
ชีวิตเหมือนจะราบรื่นใช่ไหมคะ เราจะบอกว่าไม่เลย เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีความรู้สึกว่าเราเบื่อความเป็นอยู่แบบนี้มาก เราเริ่มมีการตั้งคำถามหลายอย่างกับตัวเอง ที่เกี่ยวกับพ่อของลูก เรารู้สึกว่าที่ๆเราอยู่ตอนนี้มันใช่ที่ของเราไหม จนในที่สุดเราก็มีปัญหากันค่ะ แล้วเราก็เลือกที่จะขอเลิก และเดินออกมาโดยหิบแค่สูติบัตร และลูกออกมา แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านค่ะ วันแรกของการเป็นโสดคือ โล่งมาก เราแทบจะไม่มีเวลาเสียใจอะไรเลย เพราะเราต้องมานั่งวางแผนชีวิตใหม่ทั้งหมด
ไหนจะลูก ไหนจะแม่ ไหนจะตัวเอง เราทำงานเยอะมาก จนลืมเสียใจไปเลยค่ะ แล้วเราก็ใช้ชีวิตโสดแบบนั้นมาเป็นเวลา 5 ปี
จนอยู่มาวันนึง ลมอะไรก็ไม่รู้ พัดผู้ชายเข้ามาในชีวิต และใช่ค่ะช่องทางการมาของเค้าคือ ช่องทางโลกออนไลน์ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วันแรกเราได้คุยกับเค้าไม่เยอะมากค่ะ แล้วต่างคนก็แยกย้ายไปนอน การคุยกันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะบ่งบอกไปในเชิงชู้สาวเลยนะคะ เราจะบอกว่าเราเป็นคนนึงที่ไม่เชื้อใจคนในโลกออนไลน์ เราเลยคิดว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆเลย ที่จะต้องเปิดเผยชีวิตจริงของเราให้คนแปลกหน้ารู้จัก และด้วยความที่เราไม่ได้คิดอะไร เห็นเค้าเป็นเพื่อนร่วมโลกคนนึง และเราก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาด้วยความที่เราไม่พร้อมที่จะมีแฟนตอนนั้น เราเลยไม่บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้เค้ารู้เลย รวมถึงเรื่องมีลูกด้วย ดูเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมคะ แต่มันมีค่ะ เค้าทักเรามาทุกวันเลย คุยกับเราทุกวันจนกลายเป็นว่าถ้าวันไหนไม่คุยกันมัเหมือนมีอะไรขาดหายไป และด้วยเราเริ่มจากการเป็รเพื่อน เราเลยไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอะไรมากมาย ธรรมชาติอป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น เรารู่เค้ามีคนคุยเยอะ เค้ารู้ว่าเราเคยมีแฟนที่คบกันมานานถึง 10 ปี เราคุยกันไปซักพักนึง เค้าป่วยค่ะ เราก็มีการส่งข้าวส่งน้ำตามประสาคนรู้จักกัน คอยคุยปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ เป็นปกติของทุกวันที่จะต้องคุยกัน แต่อยู่เค้าคนนั้นก็เหมือนจะชอบเราขึ้นมา เริ่มจากการที่ส่งข้อความเสียงมาบอกตอน 5 ทุ่ม ก่อนว่าหลับรึยังอยากคุยด้วยเพราะคิดถึง ซึ่งคนเป็นเพื่อนกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้ ทำอะไรก็บอกเราตลอด ชอบบอกว่าคิดถึงเรามากๆบ่อยๆ แต่เราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เค้าแสดงคือการบอกอ้อมๆว่าชอบนะ และเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเพราะเราก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเราปิดตัวเองตอนนี้ เราไม่เปิดรับใครเข้ามา และเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะตัดสินใจที่จะขอคบกับเราในเวลาหลังจากนั้นค่ะ
หลังจากที่คุยกันเรื่องว่าจะเลื่อนสถานะ เราก็ไม่เคยมีความสุขเลยค่ะ ที่ไม่มีความสุขเพราะว่า จากที่ได้คุยกับเค้า เรารู้สึกมีความมั่นคงทางด้านจิตใจมาก เรารู้สึกว่า ถ้ามันเป็นไปได้ เราคงมีทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ทั้งคนที่คอยให้ความรู้เรา อยูาข้างๆเราไปตลอด มันคงจะดีจังเลย เค้าเป็นคนดี ความคิดดี ฉลาด มีความรู้ดี แต่ติดตรงที่ เราปิดบังเค้าเรื่องเรามีลูกกับเค้าค่ะ
เราผิดเองที่เราปิดบังเค้าตั้งแต่ตอนที่เราคุยกันช่วงแรกๆว่าเราไม่มีลูก เค้าไม่ผิดที่เค้าจะคิดว่าเราไม่มัพันธะใดๆ แต่พอเราต้องการให้ความสัมพันธ์มันพะฒนาไปอย่างถูกต้อง เราเลยพยายามคว้าโอกาสทุกครั้งที่จะทำให้เค้ารู้ว่าเรามีลูกนะ พอวันทั่เค้ารู้มาถึง เค้าเสียใจมากๆนะคะ ถึงขั้นจะยุติความสัมพันธ์เลยค่ะ ตอนนั้นเราก็เสียใจมากเหมือนกัน แต่มันก็ต้องทำแบบนี้ค่ะ เราต้องแก้ไขความผิดที่เราทำไว้ และเราก็โชคดีมากที่เค้ายังคงให้ความสัมพันธ์คนั้งนี้ดำเนินต่อ
เราคิดว่าหลังจากมีเราบอกทุกอย่างไป มันจะมีอะไรดีขึ้นนะคะ แต่ไม่เลยค่ะ มรสุมการบอกเลิกจากเค้า สาเหตุเนื่องมาจากเค้าบอกเค้าเจ็บในหัวใจ เหมือนโดนเราหักหลังซ้ำๆมันยังคงอยู่ เค้าทรมานกับอดีตของเราที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเคยมีแฟนที่คบกันมายาวนาน การไปสังสรรปาร์ตี้กับเพื่อน การยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ มันทำให้เค้าเจ็บปวดหัวใจมากและอยากจะหยุดความสัมพันธ์ค่ะ เค้าบอกว่าเค้าอยากได้คนที่เกิดมาเพื่อเค้า เกิดมาเป็นของเค้าจริงๆ ทุกๆครั้งที่เค้ามีอาการแบบนี้ เราก็ทำได้แค่ อดทน ยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของเรา และจับมือเค้าไว้ให้แน่นๆค่ะ พอทุกอย่างดีขึ้น เค้าก็จัหายจสกอาการทรมานพวกนั้น เราวนลูบความสัมพันธ์ รักๆเลิกๆมาโดยตลอด เราโดนเค้าบอกว่าอยากเลิกมาร่วมเกือบ50ครั้งแล้ว ในระยะเวลา แค่ 5 เดือน
ทุกๆครั้งที่เค้าบอกว่าเค้าเจ็บ เหมือนเค้าจะคาดหวังและตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมาให้เราทำโดยที่เค้าไม่รู้ตัว และเราเองก็ไม่เถียงว่าเค้าไม่ผิด และเราเองที่โง่ ทนให้เค้าควบคุมเราจนถึงตอนนี้
หลังๆมา มันรุนแรงถึงขั้น แม้แต่พูดไม่มีหางเสียงก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการขอเลิกได้เลยแต่เวลาเจอกันได้อยูาด้วยกัน มันจะดีมาก ดีมากจนทุกคนอิจฉา เค้าดูแลเราดีมาก เอาใจใส่เราดีมาก เค้าบอกว่าในชีวิตเค้าคิดถึงเราตลอดเวลาเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอะไรให้เรารู้สึกประทับใจ เซอร์ไพรส์เก่งมาก เวลาอยู่ด้วยกันตัวติดกันเลยค่ะ แล้วเค้าจะจำทุกอย่างที่เราชอบได้ทั้งหมด ทุกอย่างจะดีค่ะ ไม่มีทะเลาะกันเลย แต่พอห่างกัน อาการจะมาอีกแล้ว อะไรที่เป็นการกระทำสะกิดใจคือเราจะตั้งรับไว้ก่อนเลย เพราะการขอเลิกมาแน่นอน
เราจะหยุดการเล่าทุกอย่างไว้แค่นี้ เพราะเราพิมพ์ต่อไปไม่ไหวแล้ว ร้องไห้จนปวดตามากค่ะ ที่ร้องไห้นี่เป็นเพราะว่า ทุกอย่างที่เค้าทำให้เรามันดีมากจริงๆ เลยไม่อยากจะเสียเค้าไป แต่สิ่งที่อยากจะถามคือ จากสิ่งที่เราเล่ามาทั้งหมด ทุกคนคิดว่าเราควรจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ไหมคะ
เราควรจะยอมรับว่าเราผิดที่เราไปปิดบังเค้า และยอมรับผลของการกระทำของเรา หรือควรจะพอแค่ตรงนี้ ให้เวลามันรักษาใจเราซักวันเราก็คงจะดีขึ้น
แล้วเค้าก็จะได้ไม่เจ็บด้วย เราก็จะได้ไม่เจ็บด้วย
เราไม่ชอบเลยความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แล้วพอรักกันแต่ไปต่อไม่ได้ เราไม่ชอบเลยค่ะ
รัก สามวันดี สี่วันไข้ แบบนี้ เราควรไปต่อ หรือจะพอแค่นี้ดี?
ก่อนอื่นเลยขอแนะนำตัวก่อน เราเป็นผู้หญิงคนนึง อายุย่างเข้าเลข 3 ต้นๆ ค่ะ มีหน้าที่การงานดี (ดีในที่นี้คือ ดีพอที่จะเลี้ยงดูครอบครัวไม่ให้ลำบาก และเอาตัวเองรอด)ไม่มีหนี้เสีย ไม่มีภาระใดๆ มีแต่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน 1 คน อายุ 4 ขวบ และเป็นโสดค่ะ
เราสิงอยู่ในพันทิพมานานมากแล้วค่ะ รวมๆน่าจะมีมากกว่า 10 ปี เราเข้ามาหาความรู้หลายอย่างในนี้ รวมถึงพยายามจะเข้ามาทำความเข้าใจทั้งชีวิตรักของคนที่มีความรักดีๆ และคนที่เจอความรักแย่ๆ เพื่อที่จะเอามาประกอบการที่จะเริ่มเปิดใจมีความรักครั้งใหม่ หลังจาก ปิดตัวเองให้อยู่เป็นโสดมานานกว่า 5 ปี ค่ะ
ท้าวความไปก่อนตั้งแต่สมัยก่อนโสด เราคบกับแฟนเก่ามาเป็นเวลานาน เราไม่ค่อยมีปัญหากับแฟนค่ะ เพราะไม่ชอบการทะเลาะและสาดเสียงดังๆใส่กัน เราเลยเลือกเป็นฝ่ายที่จะอ่อนให้ และ ขออยู่ในพื้นที่ของตัวเอง (คือตอนคบกันเราไม่ได้อยู่ด้วยกันกับแฟน ทางผู้ชายจะมาหาเราซะมากกว่า) เราคบกับเค้ากินระยะเวลาเกือบครึ่งชีวิตค่ะ ประมาณ 10 ปี เราคิดว่าเรารักเค้านะคะ เพราะเค้าอยู่ข้างๆเรามาตลอด เราเลยตอบแทนความหวังดีที่เค้ามีให้เราด้วยการอยู่support เค้าค่ะ และด้วยความที่รักเด็กมากเลยอยากมีลูกค่ะ แต่น้องมาช้ามาก ทำยังไงน้องก็ไม่มาค่ะ เราคิดว่าการมีลูกอาจตะเป็นโซ่ทองคล้องใจเรากับแฟนไว้ เราอาจจะรักเค้ามากขึ้นกว่านี้ก็ได้ แม่ก็ถามเราว่าอยากมีครอบครัวแบบไหน จะแต่งเมื่อไหร่ ตอนนั้นก็ได้แต่ตอบแม่ไปว่าเรายังไม่อยากแต่งงาน ต่อให้อายุเราจะเข้าใกล้เลขสามแล้วก็ตาม เราแค่อยากมีลูก แบบไม่ต้องมีสามีได้ไหม ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นจริงๆค่ะ เราเริ่มคิดตั้งแต่เราคบกับแฟนเข้าปีที่ 6 แต่ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เราก็ปล่อยให้ความรู้สึกตรงนั้นของเรามันหายไป ให้มันกลับไปอยู่ในใจดราเหมือนเดิม แล้วก็ลืมมันไปค่ะ หลังจากที่คุยกับแม่ไปตอนนั้น เราก็ไม่ได้คิดอะไรต่อเกี่ยวกับการมีลูกอีก แต่พอความรักของเราเข้าสู่ปีที่ 10 น้องก็มาค่ะ เราดีใจมากค่ะ ดีใจที่น้องมา แต่ลืมคิดไปเลยว่าการที่เค้ามา เราจะต้องผูกพันธะไปกับผู้ชายอีกคนนึงไปตลอดชีวิตด้วย ตอนนั้นด้วยความสงสาร เราก็ยังคงอยู่ต่อนะคะ แต่ก็ยังไม่ย้ายออกไปไหน เราดูแลตัวเองอย่างดี ในขณะที่แฟนก็ยังอยู่ที่บ้าน (เพราะเราไม่ได้อยากให้เค้ามาอยู่ร่วมห้องด้วย)หลังจากนั้น พอคลอดน้อง ด้วยอะไรหลายๆอย่าง เราจึงต้องย้ายเข้าไปอยู่บ้านแฟนค่ะ พร้อมทั้งออกจากงานเดิม ที่ดีมากอยู่แล้ว
เราใช้เวลาพักฟื้นและดูแลตัวเองอยู่ สามเดือน แล้วก็ได้มีโอกาสได้งานใหม่ ที่เป็นองค์ใหญ่ที่มั่นคงค่ะ
ชีวิตเหมือนจะราบรื่นใช่ไหมคะ เราจะบอกว่าไม่เลย เราไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมีความรู้สึกว่าเราเบื่อความเป็นอยู่แบบนี้มาก เราเริ่มมีการตั้งคำถามหลายอย่างกับตัวเอง ที่เกี่ยวกับพ่อของลูก เรารู้สึกว่าที่ๆเราอยู่ตอนนี้มันใช่ที่ของเราไหม จนในที่สุดเราก็มีปัญหากันค่ะ แล้วเราก็เลือกที่จะขอเลิก และเดินออกมาโดยหิบแค่สูติบัตร และลูกออกมา แล้วกลับมาอยู่ที่บ้านค่ะ วันแรกของการเป็นโสดคือ โล่งมาก เราแทบจะไม่มีเวลาเสียใจอะไรเลย เพราะเราต้องมานั่งวางแผนชีวิตใหม่ทั้งหมด
ไหนจะลูก ไหนจะแม่ ไหนจะตัวเอง เราทำงานเยอะมาก จนลืมเสียใจไปเลยค่ะ แล้วเราก็ใช้ชีวิตโสดแบบนั้นมาเป็นเวลา 5 ปี
จนอยู่มาวันนึง ลมอะไรก็ไม่รู้ พัดผู้ชายเข้ามาในชีวิต และใช่ค่ะช่องทางการมาของเค้าคือ ช่องทางโลกออนไลน์ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก วันแรกเราได้คุยกับเค้าไม่เยอะมากค่ะ แล้วต่างคนก็แยกย้ายไปนอน การคุยกันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะบ่งบอกไปในเชิงชู้สาวเลยนะคะ เราจะบอกว่าเราเป็นคนนึงที่ไม่เชื้อใจคนในโลกออนไลน์ เราเลยคิดว่า ไม่มีความจำเป็นใดๆเลย ที่จะต้องเปิดเผยชีวิตจริงของเราให้คนแปลกหน้ารู้จัก และด้วยความที่เราไม่ได้คิดอะไร เห็นเค้าเป็นเพื่อนร่วมโลกคนนึง และเราก็ไม่เปิดโอกาสให้ใครเข้ามาด้วยความที่เราไม่พร้อมที่จะมีแฟนตอนนั้น เราเลยไม่บอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองให้เค้ารู้เลย รวมถึงเรื่องมีลูกด้วย ดูเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมคะ แต่มันมีค่ะ เค้าทักเรามาทุกวันเลย คุยกับเราทุกวันจนกลายเป็นว่าถ้าวันไหนไม่คุยกันมัเหมือนมีอะไรขาดหายไป และด้วยเราเริ่มจากการเป็รเพื่อน เราเลยไม่ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอะไรมากมาย ธรรมชาติอป็นยังไงเราก็เป็นอย่างนั้น เรารู่เค้ามีคนคุยเยอะ เค้ารู้ว่าเราเคยมีแฟนที่คบกันมานานถึง 10 ปี เราคุยกันไปซักพักนึง เค้าป่วยค่ะ เราก็มีการส่งข้าวส่งน้ำตามประสาคนรู้จักกัน คอยคุยปรึกษาหารือเรื่องต่างๆ เป็นปกติของทุกวันที่จะต้องคุยกัน แต่อยู่เค้าคนนั้นก็เหมือนจะชอบเราขึ้นมา เริ่มจากการที่ส่งข้อความเสียงมาบอกตอน 5 ทุ่ม ก่อนว่าหลับรึยังอยากคุยด้วยเพราะคิดถึง ซึ่งคนเป็นเพื่อนกันเค้าไม่ทำกันแบบนี้ ทำอะไรก็บอกเราตลอด ชอบบอกว่าคิดถึงเรามากๆบ่อยๆ แต่เราไม่ได้คิดว่าสิ่งที่เค้าแสดงคือการบอกอ้อมๆว่าชอบนะ และเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าเพราะเราก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าเราปิดตัวเองตอนนี้ เราไม่เปิดรับใครเข้ามา และเราก็ไม่คิดว่าเค้าจะตัดสินใจที่จะขอคบกับเราในเวลาหลังจากนั้นค่ะ
หลังจากที่คุยกันเรื่องว่าจะเลื่อนสถานะ เราก็ไม่เคยมีความสุขเลยค่ะ ที่ไม่มีความสุขเพราะว่า จากที่ได้คุยกับเค้า เรารู้สึกมีความมั่นคงทางด้านจิตใจมาก เรารู้สึกว่า ถ้ามันเป็นไปได้ เราคงมีทั้งเพื่อน ทั้งแฟน ทั้งคนที่คอยให้ความรู้เรา อยูาข้างๆเราไปตลอด มันคงจะดีจังเลย เค้าเป็นคนดี ความคิดดี ฉลาด มีความรู้ดี แต่ติดตรงที่ เราปิดบังเค้าเรื่องเรามีลูกกับเค้าค่ะ
เราผิดเองที่เราปิดบังเค้าตั้งแต่ตอนที่เราคุยกันช่วงแรกๆว่าเราไม่มีลูก เค้าไม่ผิดที่เค้าจะคิดว่าเราไม่มัพันธะใดๆ แต่พอเราต้องการให้ความสัมพันธ์มันพะฒนาไปอย่างถูกต้อง เราเลยพยายามคว้าโอกาสทุกครั้งที่จะทำให้เค้ารู้ว่าเรามีลูกนะ พอวันทั่เค้ารู้มาถึง เค้าเสียใจมากๆนะคะ ถึงขั้นจะยุติความสัมพันธ์เลยค่ะ ตอนนั้นเราก็เสียใจมากเหมือนกัน แต่มันก็ต้องทำแบบนี้ค่ะ เราต้องแก้ไขความผิดที่เราทำไว้ และเราก็โชคดีมากที่เค้ายังคงให้ความสัมพันธ์คนั้งนี้ดำเนินต่อ
เราคิดว่าหลังจากมีเราบอกทุกอย่างไป มันจะมีอะไรดีขึ้นนะคะ แต่ไม่เลยค่ะ มรสุมการบอกเลิกจากเค้า สาเหตุเนื่องมาจากเค้าบอกเค้าเจ็บในหัวใจ เหมือนโดนเราหักหลังซ้ำๆมันยังคงอยู่ เค้าทรมานกับอดีตของเราที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเคยมีแฟนที่คบกันมายาวนาน การไปสังสรรปาร์ตี้กับเพื่อน การยุ่งเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ มันทำให้เค้าเจ็บปวดหัวใจมากและอยากจะหยุดความสัมพันธ์ค่ะ เค้าบอกว่าเค้าอยากได้คนที่เกิดมาเพื่อเค้า เกิดมาเป็นของเค้าจริงๆ ทุกๆครั้งที่เค้ามีอาการแบบนี้ เราก็ทำได้แค่ อดทน ยอมรับผลที่เกิดจากการกระทำของเรา และจับมือเค้าไว้ให้แน่นๆค่ะ พอทุกอย่างดีขึ้น เค้าก็จัหายจสกอาการทรมานพวกนั้น เราวนลูบความสัมพันธ์ รักๆเลิกๆมาโดยตลอด เราโดนเค้าบอกว่าอยากเลิกมาร่วมเกือบ50ครั้งแล้ว ในระยะเวลา แค่ 5 เดือน
ทุกๆครั้งที่เค้าบอกว่าเค้าเจ็บ เหมือนเค้าจะคาดหวังและตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมาให้เราทำโดยที่เค้าไม่รู้ตัว และเราเองก็ไม่เถียงว่าเค้าไม่ผิด และเราเองที่โง่ ทนให้เค้าควบคุมเราจนถึงตอนนี้
หลังๆมา มันรุนแรงถึงขั้น แม้แต่พูดไม่มีหางเสียงก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการขอเลิกได้เลยแต่เวลาเจอกันได้อยูาด้วยกัน มันจะดีมาก ดีมากจนทุกคนอิจฉา เค้าดูแลเราดีมาก เอาใจใส่เราดีมาก เค้าบอกว่าในชีวิตเค้าคิดถึงเราตลอดเวลาเลย คิดอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอะไรให้เรารู้สึกประทับใจ เซอร์ไพรส์เก่งมาก เวลาอยู่ด้วยกันตัวติดกันเลยค่ะ แล้วเค้าจะจำทุกอย่างที่เราชอบได้ทั้งหมด ทุกอย่างจะดีค่ะ ไม่มีทะเลาะกันเลย แต่พอห่างกัน อาการจะมาอีกแล้ว อะไรที่เป็นการกระทำสะกิดใจคือเราจะตั้งรับไว้ก่อนเลย เพราะการขอเลิกมาแน่นอน
เราจะหยุดการเล่าทุกอย่างไว้แค่นี้ เพราะเราพิมพ์ต่อไปไม่ไหวแล้ว ร้องไห้จนปวดตามากค่ะ ที่ร้องไห้นี่เป็นเพราะว่า ทุกอย่างที่เค้าทำให้เรามันดีมากจริงๆ เลยไม่อยากจะเสียเค้าไป แต่สิ่งที่อยากจะถามคือ จากสิ่งที่เราเล่ามาทั้งหมด ทุกคนคิดว่าเราควรจะไปต่อกับความสัมพันธ์นี้ไหมคะ
เราควรจะยอมรับว่าเราผิดที่เราไปปิดบังเค้า และยอมรับผลของการกระทำของเรา หรือควรจะพอแค่ตรงนี้ ให้เวลามันรักษาใจเราซักวันเราก็คงจะดีขึ้น
แล้วเค้าก็จะได้ไม่เจ็บด้วย เราก็จะได้ไม่เจ็บด้วย
เราไม่ชอบเลยความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นแล้ว แล้วพอรักกันแต่ไปต่อไม่ได้ เราไม่ชอบเลยค่ะ