โค้ช "โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" วัย 51 ปี กุนซือฝีมือดีนักปั้นผู้เล่นท้องถิ่น ที่ปัจจุบันพึ่งโดนปลดจากทีมกัมบะ โอซาก้า ในศึกเจลีก1 เป็นโค้ชที่มีแนวทางการทำงานชัดเจน เน้นพัฒนานักเตะท้องถิ่นเป็นหลัก ปั้นนักเตะจนโด่งดังแล้วขาย
อดีตโค้ช
"โออิตะ ตรินิตะ" เป็นสโมสรที่ "นิว ฐิติพันธ์"เคยมีโอกาสค้าแข้งในเจลีก 1 รูปแบบการทำทีมเน้นฟุตบอลระบบชัดเจน ประสบความสำเร็จในการทำทีม ทั้งที่ทีมไม่มีสตาร์ดัง และมีงบการทำทีมจำกัด สามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากเจลีก 3 ขึ้นสู่ เจลีก 1 ภายใน 3 ปี
"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" เดินหน้าในการเป็นโค้ชเบอร์ 1 สั่งการลูกทีมข้างสนาม โดยเริ่มต้นที่ทีมเก่าอย่าง โออิตะ ตรินิตะ ในปี 2016 เวลานั้นคลับลูกหนังแห่งคิวชู หล่นไปอยู่ในระดับเจ3 และเงินก็มีไม่มากพอที่จะไปวิ่งหาสปอนเซอร์ชื่อดัง ทำให้แบรนด์เสื้อเป็นสินค้าท้องถิ่น ส่วนสิทธิ์การทำทีมเป็นของสภาเมืองและหอการค้าในเมือง
แม้สโมสรจะเคยไปใช้ฝีเท้าในเจลีกมาแล้ว 8 ครั้ง รอยต่อในช่วงปี 2003-2009 และปี 2013 แต่ทีมกลับประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก แถมไม่มีองค์กรเป็นแบ็คอัพที่เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่หนุนหลังเรื่องเม็ดเงิน "คาตาโนะซัง”มารับงานในปี 2016 เขาประกาศว่าทีมจะกลับสู่เจ2 ให้ได้แค่ปีเดียว มีแต่คนบอกว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่เขากลับทำมันได้จริงๆ ฟุตบอลญี่ปุ่นเน้นการเพรสซิ่งความฟิต บอลเฟิร์สทัช เขาไม่ได้เล่นแบบนั้นใช้แท็คติก 3-4-3 ในห้วงเวลาที่ระบบหลัง 4 เป็นที่นิยม เขาใช้วิงแบ็คเน้นการเข้าทำจากริมเส้นโจมตีใส่เข้าคู่แข่งเพื่อให้บอลมาถึงศูนย์หน้าจบสกอร์ เมื่อเงินมีไม่เยอะ นักเตะที่จะเล่นจึงเป็นประเภทเด็กท้องถิ่น หรือพวกเดินทางไม่ไกลจากเมืองโออิตะ ในภูมิภาคคิวชู ใส่ระบบแท็คติกเข้าไปให้ผู้เล่นเข้าใจฟอร์เมชั่น 3-4-3 ทีมประสบความสำเร็จซิวแชมป์เจ 3 อย่างที่ตั้งใจไว้
เมื่อขยับมาอยู่อีกระดับ เจ 2 เป็นบอลที่เน้นการแข่งขันด้วยพละกำลังเป็นหลัก ผลงานในปี 2017 ทีมรักษาสถานะอยู่กลางตารางจบในลำดับ 9 เมื่อเข้าสู่ปี 2018 คาตาโนซากะ รู้ถึงระดับบอลลีกรอง เขาจึงปรับเรื่องความฟิตผสมผสานกับแท็คติกและหานักเตะเกรดบีและซี ที่ไม่เคยสัมผัสเจลีกมาก่อน เข้าสู่ทีมรวมกับเด็กท้องถิ่นที่มีอยู่มาเข้าแคมป์ปรีซีซั่น ปรากฏว่าทีมไต่ระดับเบียดแข่งแชมป์ลีกกับมัตซูโมโตะ ยามางะ จนถึงนัดสุดท้าย ก่อนจะคัมแบ็คกลับสู่ลีกสูงสุดปลาดิบอีกครั้งใน5 ปี
เป็นกราฟชีวิตที่พุ่งเร็วสุดขีด จากมือขวาผู้เงียบขรึมถนัดวางแผนอยู่เบื้องหลัง สร้างทีมที่ไม่มีใครถูกพูดถึงมากมาย เงินก็ไม่มี โออิตะ ตรินิตะ ไม่มีสตาร์ดัง อยู่ได้ด้วยระบบ แต่เน้นปล่อยนักเตะออกจากทีม หากว่ามีทีมที่ดีกว่าพร้อมทุ่มพร้อมจ่าย ในปี2019 พวกเขาคือทีมที่มีสถานะการเงินอยู่ในลำดับ 31 จากทั้งหมด 47 ทีมอาชีพจาก 3 ดิวิชั่นในญี่ปุ่น สิ่งที่น่าทึ่งเกิดขึ้นกับพลพรรคทริต้าในรอบ 4 ปีจากทีมที่ดูเหมือนจะล้มละลาย ไร้แสงสว่าง แต่กลับมายืนหยัดได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งมันก็มาจาก โทโมฮิโระ คาตาโนซากะ ที่ใช้มันสมองและวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
ด้วยฝีไม้ลายมือการทำทีมสโมสรขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จ"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ"ได้ถูกทาบทามให้คุมสโมสร"กัมบะ โอซาก้า"ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกเจลีก1 แต่ด้วยผลงานย่ำแย่จมอยู่โซนตกชั้นรั้งอันดับที่ 17 จาก 24 นัดเก็บแต้มเพียง 22 คะแนน ประกอบด้วยแนวการทำทีมขัดกับแนวทางของสโมสร จึงต้องแยกทางกับสโมสรกัมบะ โอซาก้าในที่สุด
การทำทีมชาติญี่ปุ่น โค้ชฟุตบอลที่ได้เปรียบคือคนที่ผ่านงานทำบอลเยาวชนมาก่อน ยิ่งเข้าใจธรรมชาติบอลเด็ก ย่อมรู้จิตวิทยาที่จะปกครองคน เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เริ่มต้นจากการทำงานในระดับเยาวชน และผันตัวไปทำทีมชาติทำให้เห็นภาพมุมกว้างได้เห็นโครงสร้างฟุตบอลระดับเด็ก ผู้ใหญ่ ทำหน้าที่เป็นแมวมอง เสาะแสว่งหานักเตะ และเป็นเพื่อนคู่คิดในการวางแผนให้กับเฮดโค้ชใหญ่ กำหนดแท็คติกทิศทางทีมตั้งแต่ในสนามซ้อมจนถึงวันแข่งขัน เป็นทีมงานคนสำคัญเสมือนกระดูกสันหลังให้ นิชิโนะ และโมริยาสุ ต่อมาภายหลังจึงผันตัวไปทำงานเป็นเฮดโค้ชใหญ่ทีม"โออิตะ ตรินิตะ" ในศึกเจลีก3 และใช้เวลาเพียง 3 ปี สามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากเจลีก 3 ขึ้นสู่ เจลีก 1 ได้สำเร็จ
โค้ช"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" แนวทางการทำทีมชัดเจน เน้นปั้นนักเตะ ใช้ฟุตบอลระบบญี่ปุ่นแท้ๆ เหมาะมากๆกับ ทีมชาติไทยชุด U-23 หรือ สโมสรในไทยลีกที่เน้นปั้นนักเตะขาย หากโค้ชคาตาโนะซากะ ได้เข้ามาทำทีมในไทยลีก คาดว่าจะยกระดับฟุตบอลไทยได้เป็นอย่างดี
ผลงาน
แชมป์เจลีก 3 ปี 2016
รองแชมป์เจลีก 2 ปี 2018
โค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีเจลีก ปี 2019
กุนซือนักปั้นมือทอง"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" อดีตนายเก่านิว ฐิติพันธ์ /// ทีมชาติU-23 ทีมไทยลีก สนใจหรือไม่
อดีตโค้ช "โออิตะ ตรินิตะ" เป็นสโมสรที่ "นิว ฐิติพันธ์"เคยมีโอกาสค้าแข้งในเจลีก 1 รูปแบบการทำทีมเน้นฟุตบอลระบบชัดเจน ประสบความสำเร็จในการทำทีม ทั้งที่ทีมไม่มีสตาร์ดัง และมีงบการทำทีมจำกัด สามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากเจลีก 3 ขึ้นสู่ เจลีก 1 ภายใน 3 ปี
"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" เดินหน้าในการเป็นโค้ชเบอร์ 1 สั่งการลูกทีมข้างสนาม โดยเริ่มต้นที่ทีมเก่าอย่าง โออิตะ ตรินิตะ ในปี 2016 เวลานั้นคลับลูกหนังแห่งคิวชู หล่นไปอยู่ในระดับเจ3 และเงินก็มีไม่มากพอที่จะไปวิ่งหาสปอนเซอร์ชื่อดัง ทำให้แบรนด์เสื้อเป็นสินค้าท้องถิ่น ส่วนสิทธิ์การทำทีมเป็นของสภาเมืองและหอการค้าในเมือง
แม้สโมสรจะเคยไปใช้ฝีเท้าในเจลีกมาแล้ว 8 ครั้ง รอยต่อในช่วงปี 2003-2009 และปี 2013 แต่ทีมกลับประสบปัญหาเรื่องการเงินอย่างหนัก แถมไม่มีองค์กรเป็นแบ็คอัพที่เป็นองค์กรยักษ์ใหญ่หนุนหลังเรื่องเม็ดเงิน "คาตาโนะซัง”มารับงานในปี 2016 เขาประกาศว่าทีมจะกลับสู่เจ2 ให้ได้แค่ปีเดียว มีแต่คนบอกว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่เขากลับทำมันได้จริงๆ ฟุตบอลญี่ปุ่นเน้นการเพรสซิ่งความฟิต บอลเฟิร์สทัช เขาไม่ได้เล่นแบบนั้นใช้แท็คติก 3-4-3 ในห้วงเวลาที่ระบบหลัง 4 เป็นที่นิยม เขาใช้วิงแบ็คเน้นการเข้าทำจากริมเส้นโจมตีใส่เข้าคู่แข่งเพื่อให้บอลมาถึงศูนย์หน้าจบสกอร์ เมื่อเงินมีไม่เยอะ นักเตะที่จะเล่นจึงเป็นประเภทเด็กท้องถิ่น หรือพวกเดินทางไม่ไกลจากเมืองโออิตะ ในภูมิภาคคิวชู ใส่ระบบแท็คติกเข้าไปให้ผู้เล่นเข้าใจฟอร์เมชั่น 3-4-3 ทีมประสบความสำเร็จซิวแชมป์เจ 3 อย่างที่ตั้งใจไว้
เมื่อขยับมาอยู่อีกระดับ เจ 2 เป็นบอลที่เน้นการแข่งขันด้วยพละกำลังเป็นหลัก ผลงานในปี 2017 ทีมรักษาสถานะอยู่กลางตารางจบในลำดับ 9 เมื่อเข้าสู่ปี 2018 คาตาโนซากะ รู้ถึงระดับบอลลีกรอง เขาจึงปรับเรื่องความฟิตผสมผสานกับแท็คติกและหานักเตะเกรดบีและซี ที่ไม่เคยสัมผัสเจลีกมาก่อน เข้าสู่ทีมรวมกับเด็กท้องถิ่นที่มีอยู่มาเข้าแคมป์ปรีซีซั่น ปรากฏว่าทีมไต่ระดับเบียดแข่งแชมป์ลีกกับมัตซูโมโตะ ยามางะ จนถึงนัดสุดท้าย ก่อนจะคัมแบ็คกลับสู่ลีกสูงสุดปลาดิบอีกครั้งใน5 ปี
เป็นกราฟชีวิตที่พุ่งเร็วสุดขีด จากมือขวาผู้เงียบขรึมถนัดวางแผนอยู่เบื้องหลัง สร้างทีมที่ไม่มีใครถูกพูดถึงมากมาย เงินก็ไม่มี โออิตะ ตรินิตะ ไม่มีสตาร์ดัง อยู่ได้ด้วยระบบ แต่เน้นปล่อยนักเตะออกจากทีม หากว่ามีทีมที่ดีกว่าพร้อมทุ่มพร้อมจ่าย ในปี2019 พวกเขาคือทีมที่มีสถานะการเงินอยู่ในลำดับ 31 จากทั้งหมด 47 ทีมอาชีพจาก 3 ดิวิชั่นในญี่ปุ่น สิ่งที่น่าทึ่งเกิดขึ้นกับพลพรรคทริต้าในรอบ 4 ปีจากทีมที่ดูเหมือนจะล้มละลาย ไร้แสงสว่าง แต่กลับมายืนหยัดได้อย่างเหลือเชื่อ ซึ่งมันก็มาจาก โทโมฮิโระ คาตาโนซากะ ที่ใช้มันสมองและวิสัยทัศน์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้
ด้วยฝีไม้ลายมือการทำทีมสโมสรขนาดเล็กให้ประสบความสำเร็จ"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ"ได้ถูกทาบทามให้คุมสโมสร"กัมบะ โอซาก้า"ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกเจลีก1 แต่ด้วยผลงานย่ำแย่จมอยู่โซนตกชั้นรั้งอันดับที่ 17 จาก 24 นัดเก็บแต้มเพียง 22 คะแนน ประกอบด้วยแนวการทำทีมขัดกับแนวทางของสโมสร จึงต้องแยกทางกับสโมสรกัมบะ โอซาก้าในที่สุด
การทำทีมชาติญี่ปุ่น โค้ชฟุตบอลที่ได้เปรียบคือคนที่ผ่านงานทำบอลเยาวชนมาก่อน ยิ่งเข้าใจธรรมชาติบอลเด็ก ย่อมรู้จิตวิทยาที่จะปกครองคน เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า เริ่มต้นจากการทำงานในระดับเยาวชน และผันตัวไปทำทีมชาติทำให้เห็นภาพมุมกว้างได้เห็นโครงสร้างฟุตบอลระดับเด็ก ผู้ใหญ่ ทำหน้าที่เป็นแมวมอง เสาะแสว่งหานักเตะ และเป็นเพื่อนคู่คิดในการวางแผนให้กับเฮดโค้ชใหญ่ กำหนดแท็คติกทิศทางทีมตั้งแต่ในสนามซ้อมจนถึงวันแข่งขัน เป็นทีมงานคนสำคัญเสมือนกระดูกสันหลังให้ นิชิโนะ และโมริยาสุ ต่อมาภายหลังจึงผันตัวไปทำงานเป็นเฮดโค้ชใหญ่ทีม"โออิตะ ตรินิตะ" ในศึกเจลีก3 และใช้เวลาเพียง 3 ปี สามารถพาทีมเลื่อนชั้นจากเจลีก 3 ขึ้นสู่ เจลีก 1 ได้สำเร็จ
โค้ช"โทโมฮิโระ คาตาโนะซากะ" แนวทางการทำทีมชัดเจน เน้นปั้นนักเตะ ใช้ฟุตบอลระบบญี่ปุ่นแท้ๆ เหมาะมากๆกับ ทีมชาติไทยชุด U-23 หรือ สโมสรในไทยลีกที่เน้นปั้นนักเตะขาย หากโค้ชคาตาโนะซากะ ได้เข้ามาทำทีมในไทยลีก คาดว่าจะยกระดับฟุตบอลไทยได้เป็นอย่างดี
ผลงาน
แชมป์เจลีก 3 ปี 2016
รองแชมป์เจลีก 2 ปี 2018
โค้ชยอดเยี่ยมแห่งปีเจลีก ปี 2019