JJNY : สิบล้อฮึ่มไล่ลุง│พท.อัดยกเลิกพ.ร.ก.รักษาหน้าจัดเอเปค │‘ก.ก.’รุมสับงบยธ. ‘จิรัฏฐ์’ชง‘สตง.’│'ร้านค้า'แห่ตุน'บะหมี่'

สิบล้อฮึ่มไล่ลุง นายกฯ 8 ปี
https://www.innnews.co.th/video/general-news-clips/news_394661/
 
 
การยื่นตีความนายก 8 ปีที่ฝ่ายค้านเดินเกมรุกยื่นประธานสภา “ชวน หลีกภัย” ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งหมดล้วนเกี่ยวโยงกับสมการทางการเมือง ที่สอดคล้องกับอนาคต “ลุงตู่” ที่จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้
 
แน่นอนว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กับประเด็น “นายก 8 ปี” เราคงจะได้ทราบกันก่อนวันที่ 23 สิงหาคม แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้น สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น. พามาฟังมุมมองของผู้ประกอบการภาคขนส่ง ซึ่งเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่ปัจจุบันกำลังเดือดร้อนหนักจากราคาน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงขึ้น พวกเขาคิดอย่างไรก็กับประเด็นร้อนดังกล่าว
 
โดยประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย “นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง” ซึ่งครั้งหนึ่งนั้น เขาคือผู้นำทัพรถสิบล้อ รถพ่วง วิ่งผ่าเมืองข้ามจังหวัดมากระทรวงพลังงาน เรียกร้องให้ภาครัฐตรึงราคาน้ำมันดีเซล โดยนายอภิชาติ กล่าวว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ควรหมดวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้แล้ว เพราะอยู่มานาน 8 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ผู้ประกอบการได้เรียกร้องในหลายๆเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูแลราคาน้ำมันดีเซล แต่ก็ไม่ได้รับการตอบรับจากภาครัฐเลย ซึ่งถ้าพล.อ.ประยุทธ์อยู่ต่อ ก็จะได้เห็นการเดินขบวนขับไล่อย่างแน่นอน แล้วตอนนั้นบ้านเมืองก็จะวุ่นวาย

และเมื่อถามต่อว่า ถ้าในอนาคตมีการเลือกตั้งขึ้นมา หน้าตา และบุคลิก นายกฯคนใหม่ ควรมีลักษณะอย่างไร คำตอบที่ได้ น่าสนใจ

ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีการพูดถึงว่า นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะหลุดครม. นั้น เรื่องนี้ นายอภิชาติ กล่าวว่า เห็นด้วย โดยมองว่านายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เหมาะสมมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เนื่องจากมองว่า นายสุริยะมีความเหมาะสม หรือถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐนตรี มานั่งในตำแหน่งนี้ เพราะเป็นบุคคลที่มีพลัง เห็นได้จากการผลักดันนโยบายกัญชาจนสามารถทำให้ถูกกฎหมายได้

และนี่ก็เป็นหนึ่งในเสียงสะท้อนของผู้ประกอบการกับประเด็นร้อนๆ “นายก 8 ปี” ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า “ลุงตู่” จะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะทั้งหมดนี้ล้วนยึดโยงกับความเชื่อมั่นที่สอดรับกับเศรษฐกิจไทยนั่นเอง

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เพื่อไทย อัดประยุทธ์ ยกเลิกพ.ร.ก. รักษาหน้าจัดเอเปค ทีประชาชนเรียกร้อง ไม่เคยแคร์

เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลเตรียมยกเลิกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ฉุกเฉินในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ว่า รัฐบาลพยายามหลบหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาโดยตลอด การประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นคงเป็นการเพื่อคุมคนมากกว่าคุมโรค เป็นการยึดความมั่นคงของรัฐบาลก่อนความปลอดภัยของประชาชนหรือไม่ การประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคจะจัดขึ้นในเดือนพฤศจิกายน เลยเตรียมยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากไม่มีการประชุมเอเปคจะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินหรือไม่ ประชาชนเรียกร้องให้มีการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ผ่อนคลาย แต่รัฐบาลไม่ยกเลิก มีการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในทางการเมืองเพื่อจํากัดสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน เพื่อปราบม็อบนักศึกษา ม็อบเกษตรกร ม็อบชาวบ้านที่เดือดร้อนจากโครงการต่างๆ ของรัฐ แต่พอจะจัดประชุมเอเปคอาจถูกกดดันจากประเทศต่างๆ ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการประชุม
 
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า เพราะการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉิน คือการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน เป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ไม่สบายใจ ทั้งนี้ ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเลื่อนการยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินไปเป็นวันที่ 1 ตุลาคม รัฐบาลควรยกเลิกทันที แทนที่รัฐบาลจะเห็นประชาชนเป็นศูนย์กลาง กลับยึดหน้าตาและภาพลักษณ์ของรัฐบาลเป็นสำคัญ ซึ่งการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้นานๆ ทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างสับสน การจัดโครงสร้างองค์กรที่ใช้อำนาจตามกฎหมายขาดความชัดเจน ขาดบูรณภาพและสร้างความสับสนต่อประชาชนเป็นอย่างมาก
 
“คุณภาพชีวิตของคนไทยภายใต้พ.ร.ก. ฉุกเฉิน รัฐบาลสะดวก ประชาชนสะดุด รัฐบาลมั่นคง แต่ประชาชนถูกลิดรอนสิทธิ รัฐบาลจึงควรต้องยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที” นายอนุสรณ์ กล่าว


 
‘ก้าวไกล’ รุมสับงบกระทรวงยุติธรรม ใช้ไม่เหมาะสม ด้าน ‘จิรัฏฐ์’ ชง ‘สตง.’ สอบดีเอสไอ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3517019

เมื่อเวลา 21.30 น. วันที่ 19 สิงหาคม ที่รัฐสภา เข้าสู่การพิจารณา มาตรา21 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงยุติธรรมและหน่วยงานในกำกับ  จำนวน 12,376,410,200 บาท โดยนายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า ตนขอตัดงบ 10% ด้วย 3 เหตุผล คือ 
 
1. งบประมาณสำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่มีการตั้งศูนย์ยุติธรรมชุมชนนั้นมีประสิทธิภาพ และอำนวยความยุติธรรมในชุมชนได้จริงหรือไม่
  
2. งบกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ที่นำไปใช้จัดอบรมนักสิทธิฯ นั้น กลุ่มเป้าหมายคือใคร และสัมฤทธิ์ผลหรือไม่
 
และ 3.กรณีกรมราชทัณฑ์ ที่ไม่เห็นรายละเอียดในการดูแลผู้ต้องขัง ส่วนบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำหน้าที่อยู่ในเรือนจำ ตกลงแล้วได้ใช้ความรู้ทางวิชาชีพมารักษาพยาบาลผู้ต้องขังตามสิทธิความเป็นมนุษย์หรือไม่
 
ส่วนนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรค ก.ก. อภิปรายว่า สำนักปลัดกระทรวงยุติธรรม มีโครงการที่ยังไม่เหมาะสม และไม่จำเป็น เช่น โครงการระบบรักษาความปลอดภัย และเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทดแทนระบบเดิม 91.8 ล้านบาท ส่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้รับงบมากถึง 1.2 พันล้านบาท นำไปทำโครงการ เช่น การซื้ออุปกรณ์แสดงภาพและเสียง เพื่อใช้อบรมสัมมนา 19 ล้านบาท
 
นอกจากนี้ ยังมีจัดตั้ง DSI Academy ศูนย์ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่การต่อสู้ระยะประชิด รวมอุปกรณ์ฟิตเนส 8 ล้านบาท ทั้งที่งานของดีเอสไอไม่จำเป็นต้องฝึกต่อสู้ระยะประชิด เพราะดีเอสไอไม่ใช่จอห์น วิค ถ้าจะเข้ามาทำงานเป็นดีเอสไอ ก็ต้องมีความสามารถด้านการต่อสู้อยู่แล้ว จึงอยากฝากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)​ เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณด้วย
  
จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 21 ด้วยคะแนน 230 ต่อ 72 เสียง งดออกเสียง 0 และไม่ลงคะแนน 3 เสียง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่