สวัสดีค่ะ เรามีเรื่องกลุ้มใจอยากขอคำแนะนำจากเพื่อนๆค่ะ เราอายุ22 ค่ะ ตอนนี้เรามาอยู่ ตปท กับแฟนค่ะ ด้วยความที่บ้านเราค่อนข้างยากจน แต่แฟนเราไม่ได้มีกำลังมากพอที่จะดูแลช่วยเหลือทุกคนในครอบครัวเราได้ เลยได้ขอดูแลเราค่ะ
เราตัดสินใจมาอยู่กับแฟนหลังจากจบม.ปลาย และหางานทำค่ะ พอเรามีเงินเดือน เราเริ่มเก็บออมเงิน เพื่อสร้างบ้านให้พ่อแม่น้องๆ เราซื้อที่ดินไว้ด้วยเงินเก็บก้อนแรก และยังคงออมเงินต่อไปเรื่อยๆค่ะ
พ่อของเรา หลังจากกลับมาจากเกาหลี ก็ขอให้เราดาวน์รถให้ค่ะ บอกว่า ถ้าไม่มีรถก็ทำมาหากินยาก (คือพ่อเราไปเกาหลี2-3ปี แต่ไม่ค่อยมีงานทำ จะกลับก็เสียดาย จึงอดทนอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร และได้กลับมาอยู่บ้านค่ะ ) เราจึงได้พูดกับพ่อแม่ว่า เรื่องสร้างบ้านเราต้องช่วยกันนะ เพราะเราไม่ได้มีรายได้สูงมากขนาดที่จะรับคนเดียวได้ค่ะ และเรามองว่าพ่อแม่อายุยังไม่มาก (41-42ปีค่ะ) อย่างไรก็ต้องทำงานสู้ชีวิตกันต่อไป หลังจากเราดาวน์รถให้ รถมือ1 เราต้องผ่อนให้ด้วยค่ะ และก็มีขอมาเรื่อยๆ ค่าเครื่องสูบน้ำ ค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดพันธุ์ต่างๆ พ่อแม่เราลงทุนทำไร่ทำสวนค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนตอนนี้จะ2ปีแล้วค่ะ
ไม่นานมานี้เราติดโควิด ทำงานไม่ได้เกือบเดือน ทำให้เราส่งเงินให้ไม่ได้ และหลังจากเราติดโควิด งานเราก็น้อยลงไปด้วยค่ะ ด้วยความที่เราเป็นพนักงานชั่วคราว ช่วงที่เราหยุดงาน ที่ทำงานรับคนใหม่ๆเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งสมัครเข้ามาเป็นพนักงานประจำ เรามีปัญหาตรงวีซ่า เลยสมัครไม่ได้ค่ะ เลยทำให้หัวหน้าเรียกเราน้อยลง รายได้เราเลยหายไปค่ะ เราอธิบายให้พ่อแม่ฟัง แต่พวกท่านก็ยังขอให้เราส่งเงินให้ ซึ่งเราขอบอกตรงนี้ ว่าเราจะไม่รบกวนขอเงินจากแฟนมาช่วยที่บ้านนะคะ เพราะแค่เขาดูแลเรา ก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วค่ะ เงินที่เราหาได้เขาก็ไม่เคยยุ่งค่ะ
คือตอนนี้พ่อแม่เราก็หาเงินมาผ่อนรถไม่ได้ค่ะ ติดมาจะเดือนที่3 รถก็จะโดนยึดแล้ว เราเองก็ไม่รู้จะหาที่ไหนมาให้ มาถึงตอนนี้มันทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆแล้วพ่อกับแม่ไม่ได้มีกำลังที่จะผ่อนรถเลย แล้วต้องผ่อนรถอีกประมาณ5ปี ถ้าวันหนึ่งที่เราเจอปัญหาติดขัดแบบนี้อีก จะทำอย่างไร เราควรจะปล่อยให้พ่อแม่แก้ไขสถานการณ์เองดีไหม จะได้ตัดสินใจเลย ว่ากำลังตัวเองมีมากน้อยเพียงไหน จะรับมือมันไปได้อีกนานแค่ไหน หลายๆคนอาจ
มองว่า อายุเรายังน้อย เรายังมีเวลาช่วยพ่อแม่ได้อีกมาก มันเรื่องจริงค่ะ แต่เรามองว่าการช่วยเหลือพ่อแม่ควรเป็นการช่วยเหลือ ที่ไม่ใช่เรื่องบังคับ
ช่วยบ้างเป็นครั้งคราว เพราะเราก็ต้องรีบสร้างอนาคตของตัวเอง พอเราได้เริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย มันทำให้เรารู้สึกว่า การเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลามาก หากเริ่มเร็วเราจะแข็งแรงเร็วกว่า แต่ถ้าหากมัวแต่จ่ายเงินออกสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้เรามองคนหลายๆคนที่เจอปัญหาเดียวกัน บางคนเป็นแบบเราจนอายุ30-40 พ่อแม่ก็ยังขอเรื่อยๆ ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถสร้างอนาคตของตัวเองได้ เราจึงคิดว่า มันจะดีกว่าไหม ถ้าตอนนี้เรารีบสร้างตัวเองให้แข็งแรง หลังจากนั้นเราถึงจะยื่นมือไปช่วยเหลือคนอื่นได้ โดยไม่ล้มแบบนี้อีก ถึงตอนนั้นน่าจะยังไม่สาย คงดีซะยิ่งกว่าถ้าเราประสบความสำเร็จ แล้วช่วยคนอื่นๆได้อย่างเต็มที่กว่านี้
ผิดไหมที่ส่งเงินให้พ่อแม่ไม่ได้
เราตัดสินใจมาอยู่กับแฟนหลังจากจบม.ปลาย และหางานทำค่ะ พอเรามีเงินเดือน เราเริ่มเก็บออมเงิน เพื่อสร้างบ้านให้พ่อแม่น้องๆ เราซื้อที่ดินไว้ด้วยเงินเก็บก้อนแรก และยังคงออมเงินต่อไปเรื่อยๆค่ะ
พ่อของเรา หลังจากกลับมาจากเกาหลี ก็ขอให้เราดาวน์รถให้ค่ะ บอกว่า ถ้าไม่มีรถก็ทำมาหากินยาก (คือพ่อเราไปเกาหลี2-3ปี แต่ไม่ค่อยมีงานทำ จะกลับก็เสียดาย จึงอดทนอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร และได้กลับมาอยู่บ้านค่ะ ) เราจึงได้พูดกับพ่อแม่ว่า เรื่องสร้างบ้านเราต้องช่วยกันนะ เพราะเราไม่ได้มีรายได้สูงมากขนาดที่จะรับคนเดียวได้ค่ะ และเรามองว่าพ่อแม่อายุยังไม่มาก (41-42ปีค่ะ) อย่างไรก็ต้องทำงานสู้ชีวิตกันต่อไป หลังจากเราดาวน์รถให้ รถมือ1 เราต้องผ่อนให้ด้วยค่ะ และก็มีขอมาเรื่อยๆ ค่าเครื่องสูบน้ำ ค่าปุ๋ย ค่าเมล็ดพันธุ์ต่างๆ พ่อแม่เราลงทุนทำไร่ทำสวนค่ะ ซึ่งค่าใช้จ่ายเยอะมากๆ
เป็นแบบนี้มาเรื่อยๆ จนตอนนี้จะ2ปีแล้วค่ะ
ไม่นานมานี้เราติดโควิด ทำงานไม่ได้เกือบเดือน ทำให้เราส่งเงินให้ไม่ได้ และหลังจากเราติดโควิด งานเราก็น้อยลงไปด้วยค่ะ ด้วยความที่เราเป็นพนักงานชั่วคราว ช่วงที่เราหยุดงาน ที่ทำงานรับคนใหม่ๆเข้ามาจำนวนมาก ซึ่งสมัครเข้ามาเป็นพนักงานประจำ เรามีปัญหาตรงวีซ่า เลยสมัครไม่ได้ค่ะ เลยทำให้หัวหน้าเรียกเราน้อยลง รายได้เราเลยหายไปค่ะ เราอธิบายให้พ่อแม่ฟัง แต่พวกท่านก็ยังขอให้เราส่งเงินให้ ซึ่งเราขอบอกตรงนี้ ว่าเราจะไม่รบกวนขอเงินจากแฟนมาช่วยที่บ้านนะคะ เพราะแค่เขาดูแลเรา ก็ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรแล้วค่ะ เงินที่เราหาได้เขาก็ไม่เคยยุ่งค่ะ
คือตอนนี้พ่อแม่เราก็หาเงินมาผ่อนรถไม่ได้ค่ะ ติดมาจะเดือนที่3 รถก็จะโดนยึดแล้ว เราเองก็ไม่รู้จะหาที่ไหนมาให้ มาถึงตอนนี้มันทำให้เราได้รู้ว่า จริงๆแล้วพ่อกับแม่ไม่ได้มีกำลังที่จะผ่อนรถเลย แล้วต้องผ่อนรถอีกประมาณ5ปี ถ้าวันหนึ่งที่เราเจอปัญหาติดขัดแบบนี้อีก จะทำอย่างไร เราควรจะปล่อยให้พ่อแม่แก้ไขสถานการณ์เองดีไหม จะได้ตัดสินใจเลย ว่ากำลังตัวเองมีมากน้อยเพียงไหน จะรับมือมันไปได้อีกนานแค่ไหน หลายๆคนอาจ
มองว่า อายุเรายังน้อย เรายังมีเวลาช่วยพ่อแม่ได้อีกมาก มันเรื่องจริงค่ะ แต่เรามองว่าการช่วยเหลือพ่อแม่ควรเป็นการช่วยเหลือ ที่ไม่ใช่เรื่องบังคับ
ช่วยบ้างเป็นครั้งคราว เพราะเราก็ต้องรีบสร้างอนาคตของตัวเอง พอเราได้เริ่มทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย มันทำให้เรารู้สึกว่า การเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นอะไรที่ต้องใช้เวลามาก หากเริ่มเร็วเราจะแข็งแรงเร็วกว่า แต่ถ้าหากมัวแต่จ่ายเงินออกสุดท้ายก็ไม่เหลืออะไรเลย ตอนนี้เรามองคนหลายๆคนที่เจอปัญหาเดียวกัน บางคนเป็นแบบเราจนอายุ30-40 พ่อแม่ก็ยังขอเรื่อยๆ ทำให้เจ้าตัวไม่สามารถสร้างอนาคตของตัวเองได้ เราจึงคิดว่า มันจะดีกว่าไหม ถ้าตอนนี้เรารีบสร้างตัวเองให้แข็งแรง หลังจากนั้นเราถึงจะยื่นมือไปช่วยเหลือคนอื่นได้ โดยไม่ล้มแบบนี้อีก ถึงตอนนั้นน่าจะยังไม่สาย คงดีซะยิ่งกว่าถ้าเราประสบความสำเร็จ แล้วช่วยคนอื่นๆได้อย่างเต็มที่กว่านี้