🇹🇭🧡มาลาริน🧡🇹🇭4ส.ค.ไทยไม่ติดTop10 อยู่อันดับ28ไต้หวันแซง/ป่วย2,166คน หาย2,700คน ตาย29คน/จับกุมยาเถื่อน/เตือนอ.เจษฎา


https://www.bangkokbiznews.com/social/public_health/1018973


https://www.hfocus.org/content/2022/08/25691

เพี้ยนแคปเจอร์หมอรุ่งเรือง”ขอ“อ.เจษฎา”ใช้สติและปัญญา
แทนอคติปมปลุกปชช.ซื้อยาโควิดกินเอง


“หมอรุ่งเรือง” ขอ “อ.เจษฎา” ใช้สติและปัญญา แทนอคติ ต้องพูดบนข้อเท็จจริง “วิชาการ” มิใช้ “อารมณ์ความรู้สึก” หรือ “หิวแสง อยากดัง” สงสารประชาชน ครับ  เป็นห่วงมากๆ ปมปลุกกระแสประชาชนซื้อยาโควิด-19 กินเอง หวั่น กระทบสุขภาพประชาชน แถมเป็นเหยื่อแก๊งยาปลอม 

วันที่ 4 สิงหาคม 2565  นพ.รุ่งเรือง กิจผาติ หัวหน้าที่ปรึกษาระดับกระทรวง (นพ.ทรงคุณวุฒิระดับ 11) กล่าวถึงกรณีที่ รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ออกมาวิพากษ์ วิจารณ์ระบบการบริหารจัดการยาโควิด-19 ของประเทศไทย ระบุว่า การสื่อสารของท่านที่ผ่านมา ท่านสนับสนุนประชาชนที่ซื้อยากินเอง แล้วยานั้น ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน แต่เป็นยาโมลนูพิราเวียร์ ซึ่งเป็นยาควบคุมพิเศษ ที่จะใช้ได้ ก็ต่อเมื่อแพทย์จ่ายเท่านั้น เนื่องจาก เป็นยาที่ผลิตออกมาอย่างรวดเร็ว และยังอยู่ระหว่างเงื่อนไขในสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงเป็นยาที่มาพร้อมกับเงื่อนไขมากมาย แล้วถามว่า มันเหมาะกับการให้ประชาชนซื้อหามากินเองหรือไม่

ซึ่งเรื่องนี้ ตนไม่ได้เป็นห่วงคนเดียว แต่แพทย์หลายๆ ท่านก็ยังออกมาแสดงความห่วงใยต่อการสื่อสารของ อ.เจษฎา เช่น รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ผอ.รพ.) จุฬาลงกรณ์ ออกมาให้ความเห็นว่า การใช้ยาโดยเฉพาะยาต้านไวรัสควรอยู่ในความดูแลของแพทย์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาหรือผลกระทบจากยาภายหลัง เพราะการใช้ยาเกินจำเป็น นอกจากเกิดผลกระทบต่อร่างกายแล้ว ยังเท่ากับเป็นการเบียดเบียนผู้อื่นที่มีความจำเป็นต้องใช้ยาด้วย 

ในกระทรวงสาธารณสุข มีความพยายามชี้แจงในเรื่องนี้เช่นกัน เพราะเรามีเกณฑ์การให้ยาอยู่แล้ว เช่นยาโมลนูพิราเวียร์ เราจะให้กับผู้ที่มีอาการ เป็นผู้ป่วยกลุ่ม 608 และได้วัคซีนไม่ครบ ซึ่งเอาเข้าจริง เมื่อหมอตรวจร่างกายแล้ว ก็อาจจะพิจารณา ให้ยาตัวอื่น เรื่องการรักษาผู้ป่วย เราต้องปรับตามร่างกายของผู้ป่วย และไม่ใช่ว่ายาตัวเดียวกันจะเหมาะสมกับทุกคน นี่คือเรื่องทางการแพทย์ ที่ลงความเห็นมาโดยผู้เชี่ยวชาญ ส่วนการจะมาบอกว่า ที่ไม่จ่ายยาตัวนั้น ตัวนี้ เพราะยาขาด บริหารไม่ดี ขอย้ำว่าคนละเรื่อง กระทรวงสาธารณสุขสต็อกยาไว้อยู่แล้ว แต่การที่ผู้ป่วยจะได้ยาอะไรนั้น ให้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์พิจารณา เพราะถ้าประชาชนใช้กันเองโดยไม่สนใจข้อบ่งชี้ มีแนวโน้มจะเป็นการรักษาโรคหนึ่ง แต่แลกกับการเกิดปัญหาที่ไม่ควรเกิด ซึ่งไม่มีทางคุ้มค่า ที่สำคัญ การซื้อยาทานเองนั้น เกรงว่าจะกลายเป็นเหยื่อของแก๊งมิจฉาชีพเข้าไปอีก 

กับ อ.เจษฎา  ที่ผ่านมาก็ชัดเจนว่า มีความเห็นทางการเมืองอย่างไร แล้วจะเชื่อได้อย่างไร ว่าในทางวิชาการ จะไม่เอาอคติทางการเมืองมาปน  ขอ “อ.เจษฎา” ใช้สติและปัญญา แทนอคติ ต้องพูดบนข้อเท็จจริง “วิชาการ” มิใช้ “อารมณ์ความรู้สึก” หรือ “หิวแสง มีวาระแฝง อยากดัง” สงสารประชาชน ครับ  เป็นห่วงมากๆ 

ด้วยความเคารพ  ท่านอาจจะเตลิดไปบ้าง ก็ขอให้เอาอคติออกไป แล้วกลับมาใช้สติและปัญญาคิดวิเคราะห์ แล้วช่วยกันสื่อสารในเรื่องที่ถูกต้องดีกว่ามาปลุกปั่นสังคมไปในทางที่ผิด เรื่องนี้ มีหมอหลายท่านออกมาดึงท่านแล้ว ผมก็ขอเป็นอีกแรงหนึ่ง ที่สะกิดท่าน ก็หวังว่าท่านจะตื่นเสียที” เห็นแก่ชาวบ้าน และอย่าทำอะไรเสื่อมเสียเกียรติและศักดิ์ศรี “นักวิชาการ และครูบาอาจารย์” เลยครับ

https://siamrath.co.th/n/370953

เพี้ยนแคปเจอร์หมออุดม" เผยไม่กี่สัปดาห์อาจปลดล็อกซื้อยาโควิดใน "ร้านยา" ย้ำสั่งจ่ายโดยแพทย์ อย่าซื้อเอง


หมออุดม" เตือนอย่าซื้อยาต้านไวรัสรักษาโควิดกินเอง แย้มไม่กี่สัปดาห์อาจปลดล็อกซื้อในร้านขายยาได้ โดยมีใบสั่งแพทย์ เพื่อเพิ่มการเข้าถึง ห่วงคนไม่จำเป็นต้องได้ยา แต่อยากซื้อมาตุนไว้ ยิ่งทำราคาในตลาดมืดพุ่ง แถมเสี่ยงอันตราย

เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นพ.อุดม คชินทร ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโควิด 19 ไม่ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์ และมีการไปหาซื้อยามารับประทานเอง ว่า ขอยืนยันว่ายารักษาโควิดเรามีอย่างเพียงพอทุกตัว ไม่มีขาด การดูแลเราปรับไปตามสถานการณ์ ซึ่งไม่ใช่ว่าคนไข้ทุกคนต้องได้รับยาต้านไวรัส ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจ่ายยาตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น มีความเสี่ยงแบบนี้ใช้ยาตัวนี้ มีความเสี่ยงอีกแบบก็ใช้ยาอีกตัวหนึ่ง ขอให้ผู้ติดเชื้อไปรับการรักษาโดยแพทย์ ซึ่งจะใช้ดุลยพินิจในการจ่ายยา เพราะการใช้ยาต่างๆ ย่อมมีผลข้างเคียง จึงควรให้แพทย์สั่งจ่ายเพื่อความปลอดภัย

ส่วนเรื่องของราคายาไม่เป็นปัญหา เพราะค่าใช้จ่ายรัฐรับผิดชอบ แต่ในอนาคตเราจะขยายให้ซื้อยาผ่านร้านขายยาได้ โดยต้องมีใบสั่งแพทย์ เพิ่มเพิ่มการเข้าถึงที่ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าอีกไม่กี่สัปดาห์น่าจะสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ได้ การดำเนินการต่างๆ เรายึดความปลอดภัยของผู้ป่วยและคนไข้เป็นหลัก ดังนั้น อย่าไปซื้อยากินเอง ซึ่งตอนนี้คนไม่จำเป็นต้องได้ยา แต่อยากได้ยา ก็เลยไปหาซื้อตุนไว้ ทำให้ในตลาดมืดราคาก็ยิ่งแพง แถมเป็นการซื้อที่ไม่ผ่านการตรวจและจ่ายยาจากแพทย์ก็ยิ่งอันตราย

https://mgronline.com/qol/detail/9650000074259

  ติดตามข่าวโควิดวันนี้ค่ะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 14
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ประจำวันที่ 4 สิงหาคม 2565 เวลา 12.30 น.
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
https://www.facebook.com/informationcovid19/videos/746874163311098/ (มีคลิป)
แถลงความคืบหน้าสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19
ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ประจำวันที่ 4 สิงหาคม 2565


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รวมสไลด์แถลงสถานการณ์โควิด-19 จาก ศบค.
วันพฤหัสบดีที่ 4 สิงหาคม 2565
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02TuPHTRUaHfkNvcKX3MUoXHuooaduww54RZaRAYLSoFrUMgcczCwWs1ir9fCGXLhEl


จำนวนการได้รับวัคซีนสะสม (28 ก.พ. 2564 - 3 ส.ค. 2565)
รวม 141,722,388 โดส ใน 77 จังหวัด

ภาพรวมยอดฉีดวัคซีน วันที่ 3 สิงหาคม 2565
ยอดฉีดทั่วประเทศ 42,088 โดส

เข็มที่ 1 : 4,060 ราย
เข็มที่ 2 : 8,290 ราย
เข็มที่ 3 : 29,738 ราย

จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 1 สะสม : 57,147,522 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 2 สะสม : 53,516,671 ราย
จำนวนผู้ได้รับวัคซีน เข็มที่ 3 สะสม : 31,058,195 ราย

แหล่งข้อมูล : MOPH-IC
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0HXJyXLXDcpKYq3M4mWg4Vsa8rJevAveZwyvKUKj62WtgqBqiRFomihbYX9Fbs2jQl


ภาวะ MIS-C ในเด็ก สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน จากการระบาดโควิด 19 ส่งผลให้มีเด็กอายุ 0 - 18 ปี ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น ทำให้มีการพบผู้ป่วย MIS-C (มิสซี) เพิ่มขึ้นเช่นกัน เนื่องจากเป็นอาการที่พบในเด็กหลังติดเชื้อโควิด 19 สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ได้มีบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดให้เด็ก ซึ่งคาดว่าจำนวนผู้ป่วยเด็กที่เป็นโควิดลดลง ส่งผลให้อัตราการเกิด MIS-C ลดลงด้วย

ที่มา : กรมการแพทย์
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid02wTtk8dtgzapNQWBZ5khwjCMDRGLKKZQVTotuqQVhNnVRA8zbAtcdXPLXiBWNCNKEl


รพ.กลาง แนะ ผู้ป่วย COVID ที่จองรับยา ผ่าน QR code
วันราชการ
- จองก่อน 12.00 น. l รับยาเวลา 13.00-16.00 น. l ที่ลานเจอ แจก จบ
- จองหลัง 12.00 น. l รับยาวันรุ่งขึ้นเวลา 13.00-16.00 น. l ที่ลานเจอ แจก จบ
วันหยุดราชการ
รับยาเวลา 13.00-16.00 น. l ที่พยาบาลคัดกรอง หน้าหน่วยแพทย์กู้ชีวิต

***หากคนไข้ลงทะเบียนรับยาที่อื่นมาแล้ว ไม่สามารถมารับยาได้อีก
กรณีต้องการใบรับรองแพทย์ สามารถติดต่อพยาบาลคัดกรอง ในวันราชการ เวลา 08.00-12.00 น. เมื่อกักตัวครบ 10 วัน

ที่มา : โรงพยาบาลกลาง สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0mFKWWBbj6MmxTKbwMZugkMCyrD5BapskutXBXjoGz2BRSMNj71M4uWBkqiDb4GA4l


สธ. แถลงจับกุมขายยา "โมลนูพิราเวียร์" ผิดกฎหมาย
“ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
“ขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ย้ำ! ผู้ป่วยโควิดไม่จำเป็นต้องได้รับยาต้านไวรัสทุกคน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า จากการประสานทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงสาธารณสุข โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ในการสืบหาแหล่งขายยาโมลนูพิราเวียร์ที่ผิดกฎหมายทางสื่อออนไลน์ พบมีการลักลอบนำเข้ายาที่ใช้รักษาโควิด-19 เช่น Molnupiravir , Favipiravir , Remdesivir สเปรย์พ่นจมูกที่มีส่วนประกอบของ Nitric Oxide ฯลฯ โดยยาดังกล่าวลักลอบนำเข้าโดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ผ่านการตรวจสอบจากด่านอาหารและยา และเป็นยาที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ไม่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณภาพ ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยา ซึ่งเป็นการกระทำผิดมีโทษ ดังนี้
1. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 12 ฐาน “ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต” ต้องระวางโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
2. พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 72(4) “ขายยาที่ไม่ขึ้นทะเบียนตำรับยา” ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกินห้าพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ประชาชนไม่ควรซื้อยาออนไลน์กินเอง ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นยาควบคุมพิเศษ ต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยและสั่งจ่ายยาโดยแพทย์ถึงจะมีความปลอดภัย ต้องเลิกคิดซื้อมาตุนสำรองไว้ที่บ้าน โรคโควิดต้องให้แพทย์รักษา กินยาตามแพทย์สั่ง หากประชาชนซื้อยาดังกล่าวไปรับประทานเอง อาจได้ยาปลอมที่ไม่มีตัวยาสำคัญหรือยาที่ไม่มีคุณภาพและประสิทธิภาพในการรักษาโควิด-19 ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและอาจก่อให้เกิดเชื้อดื้อยาได้ ผู้ป่วยโควิดตอนนี้หากติดเชื้อควรไปพบแพทย์ ขอย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ยาต้านไวรัสโมลนูพิราเวียร์หรือฟาวิพิราเวียร์ ขึ้นกับดุลยพินิจของแพทย์

ที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0rNGBnUN3AjdQVvgBGVFHoCDJBaH8wJebcqQnfwjLUTb5W1iwcpYzJkP8egk5gmN4l


Q&A คลายข้อข้องใจ
Q : แม่ติดเชื้อโควิดให้นมลูกได้หรือไม่ ?
A : ได้ เพราะน้ำนมแม่มีสารภูมิคุ้มกัน หลังคลอดควรฉีดวัคซีนครบตามเกณฑ์ หรือวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นในแม่ สามารถส่งผ่านจากน้ำนมไปยังลูก

นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า วันที่ 1 - 7 ส.ค. ของทุกปี เป็นสัปดาห์นมแม่โลก แต่ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แม่หลังคลอดที่เป็นผู้เข้าข่ายสงสัยติดเชื้อ หรือได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 ยังคงให้ลูกกินนมแม่ได้ ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ในกรณีที่แม่ติดเชื้อแต่มีอาการไม่มาก สามารถให้นมจากเต้าได้ปกติ แต่ต้องมีการป้องกัน และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ โดยลูกควรอยู่ห่างจากแม่อย่างน้อย 2 เมตร หรือมีม่านกั้น สวมหน้ากากอนามัยตลอดระยะเวลาที่อยู่กับลูก ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ หรือเจลแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 % ขึ้นไปก่อนการสัมผัสตัวลูก และทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณพื้นผิวต่าง ๆ ที่คุณแม่สัมผัส รวมทั้งควรล้างทำความสะอาดหน้าอก เมื่อมีการไอหรือจามรดหน้าอก และห้ามใช้มือสัมผัสบริเวณใบหน้า จมูกหรือปาก รวมถึงการหอมแก้มลูกขณะให้นม ทั้งนี้ หากแม่ไม่สะดวกที่จะให้นมจากเต้า ยังคงสามารถบีบเก็บน้ำนมได้ ควรให้พ่อหรือผู้ช่วยเป็นผู้ป้อนนมให้ลูกแทน

ที่มา : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0Hjm3jCvRcYxwLuYLQcqCUitBFfUg9Zh7cyYVB2JjwJR3UT94sYVdip3whoPbuUidl


หลีกเลี่ยงการซื้อยาเถื่อนรักษาโควิด อาจเกิดการดื้อยา เสี่ยงแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น หากพบเห็นการกระทำความผิด แจ้งได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135 หรือสายด่วน อย. 1556

พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ฝากความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนว่า ควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ยาเพื่อรักษาโรคโควิด-19 และยาอื่น ๆ เนื่องจากยาเป็นปัจจัยพื้นฐานอย่างแรกที่ประชาชนจะเข้าถึงเพื่อใช้รักษาอาการเจ็บป่วย หากได้รับยาที่ไม่มีคุณภาพอาจเกิดการดื้อยา, ไม่หายจากการเจ็บป่วยและเสี่ยงแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นซึ่งส่งผลถึงชีวิตได้ และขอเตือนผู้ที่ลักลอบขายยารักษาโควิด-19 ที่ไม่ได้รับอนุญาต ให้หยุดการกระทำดังกล่าวทันที เนื่องจากการขายยาออนไลน์ยังเป็นความผิดอยู่ และต้องรับโทษทั้งปรับและจำคุก หากตรวจพบจะดำเนินคดีถึงที่สุด เพราะท่านกำลังทำให้ผู้ป่วยโควิดหรือผู้ที่ต้องการใช้ยาดังกล่าวได้รับความเสี่ยงจากการใช้ยาและเข้าสู่กระบวนการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นการกระทำความผิด สามารถแจ้งได้ที่สายด่วน ปคบ. 1135 หรือเพจ ปคบ. เตือนภัยผู้บริโภค หรือแจ้งสายด่วน อย. 1556 อีเมล์ 1556@fda.moph.go.th

ที่มา : กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CENTRAL INVESTIGATION BUREAU)
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/pfbid0qaq96vkh8KzMCjg2ZeBCWtRWvjBEe1hufJUgKhgab5rduFGrdaGB9qE6Dy7KHZdNl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่