เสน่ห์อย่างนึงของการดูการ์ตูนที่เราชอบคือ การได้เสพเนื้อหาที่แตกต่างกันทั้งในเวอร์ชั่นมังงะและอนิเมะ
หลายเรื่องๆเลือกที่จะทำเนื้อหาใกล้เคียงแต่อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้างมากน้อยแล้วแต่ทีมสร้าง
แต่บางเรื่องก็ฉีกเนื้อหาจนแทบกลายเป็นภาคใหม่ไปเลย ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องไหนก็ต้องตามดูไปให้ครบ
และในส่วนของหัวข้อที่ตั้งมา สำหรับผมคือการ์ตูนเก่าเรื่อง Yu Yu Hakusho หรือในชื่อไทยสำหรับมังงะ
ที่รู้จักกันในชื่อ ผีไม่ใช่ผี / คนเก่งฟ้าประทาน / คนเก่งทะลุโลก ซึ่งเปลี่ยนไปตามสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์ในบ้านเรา
ความประทับใจในการ์ตูนเรื่องนี้ของผมอยู่ในเวอร์ชั่นอนิเมะ ช่วงเนื้อเรื่องการประลองที่โลกปีศาจ ระหว่าง ยูสึเกะกับโยมิ
ถ้าคนที่เคยอ่านมังงะคงพอจำได้ ว่าเนื้อเรื่องมันน้อยมาก แทบไม่มีรายละเอียดอะไรเลยทั้งๆที่มันคือการต่อสู้ที่เป็นไคล์แมกซ์
ของเนื้อเรื่องภาคนี้เลย แต่ในที่สุดความรู้สึกที่ขาดหายก็ได้รับการเติมเต็ม ด้วยเนื้อเรื่องที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเวอร์ชั่นอนิเมะ
ซึ่งทำมาโดนใจผมอย่างจัง เพราะอย่างที่รู้กันว่า ภาคสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนจะโดนตัดให้จบๆไปแบบเร่งรีบ
แต่ความดีงามคืออย่างน้อยทั้งสองเวอร์ชั่นก็มีเนื้อหาที่เติมเต็มกันและกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในส่วนของอนิเมะ
ซึ่งต้องยกเครดิตให้ทีมสร้างว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีมาก อารมณ์เหมือนรู้ว่าคนดูอยากเห็นอะไรแล้วก็ใส่มาแบบไม่มีกั๊กเลย
หลังจากนี้จะขอใส่สปอยล์นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความประทับใจของเนื้อหาในส่วนนี้คือ การเผางานที่เรียกว่ามาสเตอร์พีซแบบเซอร์วิสแฟนๆขั้นสุด
โดยการใส่เนื้อเรื่องมาในรูปแบบของพัฒนาการระหว่างที่กำลังต่อสู้ของยูสึเกะ ชนิดที่เกินคำว่าก้าวกระโดดไปไกลลิบทีเดียว
เพราะแค่การสู้กัน 2 ตอนในอนิเมะ แต่มันกลับมีโมเม้นที่น่าตื่นตาตื่นใจ เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แบบที่ต้องร้องว้าวกันรัวๆ
1. เรามีโอกาสได้เห็นยูสึเกะร่างมารอีกครั้ง (เพราะหลังจบภาคเซนซุย ในมังงะก็ไม่มีการแปลงร่างอีกเลย)
ซึ่งเกิดขึ้นในระหว่างที่โดนโยมิบุกกดดัน และยูสึเกะกลับมาได้สติอีกครั้งพร้อมกับลวดลายมาโซคุบนตัว
(ขอบ่นนิด รอยสักเผ่าปีศาจเวอร์ชั่นมังงะสวยกว่าเยอะเลย ในอนิเมะนี่รายละเอียดรอยสักน้อยมาก - -)
แม้รูปลักษณ์จะไม่ได้ดูอลังการเหมือนครั้งแรก (เพราะครั้งนั้นไรเซ็นมาสิงร่างจึงปล่อยจิตมารออกมาทั้งหมด)
แต่ครั้งนี้เป็นการแปลงร่างด้วยพลังของตัวเองล้วนๆแบบมีสติครบถ้วน ซึ่งจุดนี้ก็นับว่าสร้างความว้าวไปแล้วหนึ่ง
ด้วยความที่ยูสึเกะรู้ตัวตั้งแต่ก่อนสู้แล้วว่าตัวเองมีพลังแค่พอสูสีกับชูร่า(ลูกชายโยมิ) อีกทั้งยังได้เห็นการต่อสู้ของพ่อลูก
ในการประลองรอบคัดเลือกก่อนหน้านั้น ภาพที่โยมิตบชูร่าซะยับเยินแบบเทียบกันไม่ได้เลย ยิ่งทำให้ยูสึเกะแน่ใจว่า
ตัวเองคงยังไม่สามารถโค่นโยมิได้แน่ๆ แต่ด้วยนิสัยชอบการต่อสู้จึงขอวัดรอยเท้า 1 ใน 3 ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกปีศาจซะหน่อย
ยูสึเกะเซอร์ไพร์ซคนดูด้วยการชกหน้าโยมิเข้าอย่างจังไป 1 หมัด แต่โยมิก็ลุกขึ้นมาเอาคืนบ้าง ด้วยความต่างของพลัง
เพียงกระบวนท่าเดียวของโยมิ เล่นเอายูสึเกะแทบหมดสติไปเลย แต่สุดท้ายก็ดึงสติกลับมาได้พร้อมแปลงเป็นร่างมาร
เมื่อแปลงร่างก็เท่ากับมีพลังเพิ่มขึ้น มาถึงจุดนี้คงทำให้เหล่าแฟนๆเริ่มรู้สึกว่า เฮ้ย ยูสึเกะอาจจะมีลุ้นในศึกนี้มากขึ้น
เพราะความโหดของร่างมารในภาคเซนซุย มันยังติดอยู่ในความทรงจำ
2. จากร่างมารที่คิดถึงกลับมาแล้ว เรายังได้ว้าวกันต่ออีกขั้น เมื่อยูสึเกะโชว์ให้เห็นถึงพัฒนาการระหว่างการต่อสู้อีกรอบ
ด้วยการใช้พลังวิญญาน (ก็ตัวเองเป็นผู้สืบทอดคลื่นวิญญานจากเกนไคนี่นะ - -) ทั้งๆที่ยังอยู่ในร่างมาร เหตุการณ์ช็อตนี้
เริ่มขึ้นหลังจากแปลงร่างยูสึเกะหลอกว่าจะบุกเข้าใส่ตรงๆ แต่เปลี่ยนเป็นยิงไม้ตายกระสุนปีศาจเข้าใส่ในระยะประชิดแทน
ตรงจุดนี้เวอร์ชั่นอนิเมะตัวละครที่เป็นผู้บรรยายในงานประลอง ใช้คำว่ากระสุนปีศาจ(โยกัน) แทนกระสุนวิญญาน (เรกัน)
เพราะเมื่อแปลงเป็นร่างมาร พลังที่ยิงออกมาก็จะเป็นพลังไอปีศาจล้วนๆ ซึ่งก็ได้บัฟเพิ่มความรุนแรงขึ้นไปอย่างมหาศาล
แต่โยมิก็โชว์เทพ ด้วยการเปิดสกิลประจำตัวอย่าง เคล็ดอาคมโบราณกำแพงต้านกระแสปีศาจ (มาโคะอิริวเร็นปะฮันโชวเฮคิ)
ซึ่งเป็นบาเรียที่จะดูดซับทุกสิ่งที่เป็นพลังปีศาจ ถือเป็นการแก้ทางร่างมารของยูสึเกะแบบเต็มๆ เพราะโดยปกติเมื่ออยู่ในร่างนี้
พลังคลื่นวิญญานจะใช้ไม่ได้ ยูสึเกะพยายามยิงกระสุนปีศาจรัวๆ ช็อตนี้แสดงให้เห็นว่า ร่างมารนั้นมีพลังล้นเหลือมากๆ
เพราะที่ผ่านๆมา ถ้าเป็นยูสึเกะในร่างมนุษย์ปกติ กระสุนวิญญานจะยิงได้ไม่กี่ครั้งต่อวัน (ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 4-5 ครั้ง)
โยมิรวมทั้งคนดูในสนามต่างก็ประหลาดใจกับการกระทำนั้น และในที่สุดความพยายามที่ดูเหมือนจะไร้ค่าของยูสึเกะ ก็เริ่มได้ผล
เพราะอยู่ๆพี่แกก็โชว์เทพด้วยการใช้พลังคลื่นวิญญานผสานเข้ากับไอปีศาจ กลายเป็นกระสุนที่มีพลังทั้งสองขั้วจนทะลุบาเรียของโยมิ
และพอเจ้าตัวรู้ว่าพลังวิญญานได้ผล ก็กลับมาเป็นร่างมนุษย์ปกติและใช้กระสุนวิญญานแบบดั้งเดิมยิงใส่โยมิจนระเบิด
พอสู้กันถึงจุดนี้ โดยส่วนตัวแอบใจแป้วเล็กน้อยเพราะการกลับสู่ร่างมนุษย์ก็ย่อมมีพลังน้อยกว่าร่างมารอยู่แล้ว
ตั้งแต่เริ่มสู้มาจนถึงตอนนี้ ขอชมคนวางพล็อตที่ลำดับอารมณ์คนดูได้ต่อเนื่องดีมากๆ เพราะในที่สุดก็มาถึงจุดพีค
3.ความว้าวสุดท้ายที่เรียกว่าปล่อยของขั้นสุด เมื่อยูสึเกะตกอยู่ในห้วงความคิดคำนึงถึงเหตุผลที่ว่าตัวเองต่อสู้เพื่ออะไร
และเมื่อได้คำตอบ ก็เหมือนการปลดล็อคขั้นสุดท้ายโดยอัพเกรดพลังคลื่นวิญญาน ไปเป็นพลังคลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์ (เซย์โควคิ)
ตรงจุดนี้ก็ว่าสุดยอดแล้ว เพราะถ้าใครอ่านมังงะจะรู้ว่าพลังคลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์คือพลังขั้นสุดยอดที่แม้แต่เกนไคยังฝึกไม่ได้
รวมถึงตัวเซนซุยเองที่แม้จะมีพรสวรรค์เรื่องพลังวิญญานมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ต้องใช้เวลา 20 กว่าปี จึงจะได้รับพลังนี้มา
แต่บทก็ยังใส่ความสุดไปอีกด้วยการให้โคเอนมะอธิบายว่า นี่มันไม่ใช่แค่พลังคลื่นแสงศักด์สิทธิ์แบบพลังของเซนซุย
ซึ่งในช็อตสุดท้ายนี้ ทั้งงานภาพและเสียง จังหวะส่งอารมณ์ของเพลงประกอบ ทุกอย่างเข้ากันอย่างลงตัวสุดๆ
จากความเข้าใจส่วนตัว ด้วยความที่ยูสึเกะเป็นลูกครึ่ง มนุษย์ / ปีศาจ เขาจึงมีทั้งพลังปีศาจและพลังคลื่นแสงศักดิ์สิทธิ์ในตัว
อีกทั้งก่อนหน้าเขาได้เรียนรู้การผสานพลัง 2 ขั้วเข้าด้วยกันแล้ว พลังของเขาจึงอาจเรียกได้ว่า คลื่นแสงปีศาจศักดิ์สิทธิ์ (มาเซย์โควคิ)
และแม้ว่าในสปอยล์คือเนื้อหาที่ไม่ได้ปรากฎทั้งหมดในเวอร์ชั่นมังงะ แต่ก็ใช่ว่าเนื้อหาในมังงะจะแย่
เพราะในหนังสือก็มีการใส่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆที่ไม่มีในอนิเมะเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหา
ของ 2 เวอร์ชั่นเสริมกันและกันแบบที่ทำให้แฟนๆอิ่มเอมกันเลยทีเดียว แล้วฉากในความทรงจำของพวกคุณล่ะครับ
เชิญแชร์กันได้
ท้ายที่สุดขอขอบคุณทุกความเห็นที่เข้ามาสนทนากัน และขอมอบทุกความดีงามที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ เป็นดั่งคำอำลาและสดุดี
แด่เพื่อนร่วมรุ่นของผมที่เพิ่งจากไป เขาเป็นคนชอบการ์ตูนและของเล่นมากๆ ขอให้นายมีความสงบสุขในภพภูมิถัดๆไป ลาก่อน
ปล. สมัครมานานมากแล้ว แต่เพิ่งเคยตั้งกระทู้ครั้งแรก ถ้าผมโพสหรือแท็กตรงไหนผิดขออภัยมา ณ ที่นี้
หรือถ้ามีเนื้อหา / คำแปลตรงไหนผิดพลาดรบกวนช่วยแก้ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ขอบคุณครับ -/\-
จุดต่างของเนื้อหาในการ์ตูน ระหว่างเวอร์ชั่น มังงะ / อนิเมะ เรื่องไหนที่สร้างความประทับใจให้คุณ
หลายเรื่องๆเลือกที่จะทำเนื้อหาใกล้เคียงแต่อาจมีรายละเอียดแตกต่างกันไปบ้างมากน้อยแล้วแต่ทีมสร้าง
แต่บางเรื่องก็ฉีกเนื้อหาจนแทบกลายเป็นภาคใหม่ไปเลย ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องไหนก็ต้องตามดูไปให้ครบ
และในส่วนของหัวข้อที่ตั้งมา สำหรับผมคือการ์ตูนเก่าเรื่อง Yu Yu Hakusho หรือในชื่อไทยสำหรับมังงะ
ที่รู้จักกันในชื่อ ผีไม่ใช่ผี / คนเก่งฟ้าประทาน / คนเก่งทะลุโลก ซึ่งเปลี่ยนไปตามสำนักพิมพ์ที่ได้ลิขสิทธิ์ในบ้านเรา
ความประทับใจในการ์ตูนเรื่องนี้ของผมอยู่ในเวอร์ชั่นอนิเมะ ช่วงเนื้อเรื่องการประลองที่โลกปีศาจ ระหว่าง ยูสึเกะกับโยมิ
ถ้าคนที่เคยอ่านมังงะคงพอจำได้ ว่าเนื้อเรื่องมันน้อยมาก แทบไม่มีรายละเอียดอะไรเลยทั้งๆที่มันคือการต่อสู้ที่เป็นไคล์แมกซ์
ของเนื้อเรื่องภาคนี้เลย แต่ในที่สุดความรู้สึกที่ขาดหายก็ได้รับการเติมเต็ม ด้วยเนื้อเรื่องที่ถูกเพิ่มเข้าไปในเวอร์ชั่นอนิเมะ
ซึ่งทำมาโดนใจผมอย่างจัง เพราะอย่างที่รู้กันว่า ภาคสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนจะโดนตัดให้จบๆไปแบบเร่งรีบ
แต่ความดีงามคืออย่างน้อยทั้งสองเวอร์ชั่นก็มีเนื้อหาที่เติมเต็มกันและกันได้อย่างลงตัว โดยเฉพาะในส่วนของอนิเมะ
ซึ่งต้องยกเครดิตให้ทีมสร้างว่าทำการบ้านมาค่อนข้างดีมาก อารมณ์เหมือนรู้ว่าคนดูอยากเห็นอะไรแล้วก็ใส่มาแบบไม่มีกั๊กเลย
หลังจากนี้จะขอใส่สปอยล์นะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และแม้ว่าในสปอยล์คือเนื้อหาที่ไม่ได้ปรากฎทั้งหมดในเวอร์ชั่นมังงะ แต่ก็ใช่ว่าเนื้อหาในมังงะจะแย่
เพราะในหนังสือก็มีการใส่รายละเอียดปลีกย่อยอื่นๆที่ไม่มีในอนิเมะเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหา
ของ 2 เวอร์ชั่นเสริมกันและกันแบบที่ทำให้แฟนๆอิ่มเอมกันเลยทีเดียว แล้วฉากในความทรงจำของพวกคุณล่ะครับ
เชิญแชร์กันได้
ท้ายที่สุดขอขอบคุณทุกความเห็นที่เข้ามาสนทนากัน และขอมอบทุกความดีงามที่เกิดขึ้นในกระทู้นี้ เป็นดั่งคำอำลาและสดุดี
แด่เพื่อนร่วมรุ่นของผมที่เพิ่งจากไป เขาเป็นคนชอบการ์ตูนและของเล่นมากๆ ขอให้นายมีความสงบสุขในภพภูมิถัดๆไป ลาก่อน
ปล. สมัครมานานมากแล้ว แต่เพิ่งเคยตั้งกระทู้ครั้งแรก ถ้าผมโพสหรือแท็กตรงไหนผิดขออภัยมา ณ ที่นี้
หรือถ้ามีเนื้อหา / คำแปลตรงไหนผิดพลาดรบกวนช่วยแก้ จะเป็นพระคุณอย่างสูง ขอบคุณครับ -/\-