อยากขออนุญาตสอบถามท่านที่พอจะทราบข้อมูลนะค้า
อาจจะยาวนิดนึง แต่สงสัยมากๆค่ะ พอดี จขกท ไม่อยู่ในเหตุการณ์ตอนชนค่ะ
ขออนุญาตเรียงลำดับนะคะ
แฟนกลับรถตรงจุดกลับรถ ช่วงจังหวะเลี้ยว ไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ ซึ่งขับมาทางตรง อยู่เลนซ้ายสุด ได้ยินเสียงแตรมอเตอร์ไซค์ จึงหยุด แต่มอเตอร์ไซค์เบรคไม่ทัน จึงแฉลบมาชนด้านหน้า ไม่รู้ชนกันยังงัยหน้ารถเราพัง ส่วนคนขับมอเตอร์ไซค์(เป็นชาวพม่า) กระเด็นไปกระแทกขอบฟุตบาธ ดูเหมือนไม่เจ็บมาก
ทางเพื่อนของมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามกันมา บอกแฟนเราว่า เพื่อนเค้าไม่เจ็บมาก ขอเงิน6000แล้วแยกย้าย แฟนเลยโทรถามเรา เราเลยบอกว่า เรียกประกันสิ รถมีประกันชั้น1 ให้ประกันมาเคลียร์
จากนั้นเราก็ตามออกมาที่จุดเกิดเหตุ น้องพม่าไม่มีใบขับขี่ รถไม่มี พรบ. เสียภาษีหรือป่าวไม่แน่ใจ แต่เราว่ารถเรากลับรถ ชนทางตรง ยังงัยเราก็ผิด จึงบอกให้กู้ภัยช่วยพาคนเจ็บส่งรพ.ก่อน เพราะไฟล่เค้าดูเอียงๆ กู้ภัยเช็คแล้ว ปรากฏว่า กระดูกไหปลาร้าหัก แล้วพอจนท.เคลมของรถเรามาถึงก็บอกว่า เนี่ยเราอะผิดเต็มๆ แล้วเนี่ยกระดูไหปลาร้าหักด้วยหนักเลย เสียเป็นแสนแน่ๆ
เราห่วงคนเจ็บ เลยบอกให้กู้ภัยพาคนเจ็บไปส่ง รพ.ก่อน ส่วนเรากับแฟนไปสน.กับจนท.เคลม ตร.บอกว่า เนี่ยรถเราผิด เพราะกลับรถในที่ห้ามกลับ ตรงนั้นเค้าไม่ให้กลับนะ เราก็งงๆ (มารู้ทีหลังว่ากลับได้ ป้ายกลับรถอันบะเร่อ) ก็คุยกับตร.วนไปวนมา ก็ยอมรับผิดไป เพราะประกัน กับ ตร.ลงว่าเราผิด ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
จากนั้นวันรุ่งขึ้นโทถามคนเจ็บว่า ได้รับการรักษาหรือยัง น้องบอกว่า ยัวไมได้รักษา เพราะ จนท.เคลมไม่เอาเอกสารมาให้ เราจึงโทตาม ทาง จนท.เคลมบอกหาข้อมูลพรบ.ไม่เจอ (ทั้งๆที่ทำกับบ.ประกันของเค้าเอง) เราจึงโทเข้าคอลเซ็นเตอร์ให้ช่วยเช็ค ก็พบข้อมูลปกติ จากนั้นจึงโทแจ้งจนท.เคลม ใหเเอาเอกสารไปติดต่อ รพ.ทันที เพื่อรักษาคนเจ็บ น้องพม่าจึงได้คิวผ่าตัดเช้าวันรุ่งขึ้น
หลายวันผ่านไป หลังจากรักษาแล้ว วันที่น้องพม่าออกรพ.น้องเค้านั่งรถไปดูรถตัวเองที่สน. แต่ปรากฏว่า ไม่เจอรถที่สน. แต่รถยังอยู่ในที่เกิดเหตุทีเดิมไม่มีใครจัดการประสานงานอะไรเลย
เราจึงติดต่อทางประกัน ให้ประสานงานเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ของน้องเค้า คืนนั้น ทางประกัน จึงมายกรถไปซ่อม
ช่วงรักษาตัว ทางรพ.ให้พัก2-3เดือน น้องบอกว่าไม่มีเงินกินข้าว ขอเงินเดือนละ3000ช่วงที่หยุดงาน เราจึงให้แฟนโอนไปให้ และจ่ายค่าเดินทางนิดหน่อย
น้องบอกว่า ดีใจที่เราไม่ทิ้งเค้า และรับผิดให้เค้าได้รักษาตัว น้องเค้าจะไม่เรียกร้องอะไรเลย ซึ่งเราก็ไปเยี่ยมบ้างตามสมควร และแฟนก็จะโทาอบถามอาการตลอด ทั้งช่วงที่รักษาตัวอยู่และช่วงที่หายแล้ว และก็มีช่วงอยู่ที่บ้าน น้องบอกว่า มีทนายโทมาหา ถามว่า จะเอาเรื่องคนขับมั้ย แต่ตัวน้องเค้าได้ปฏิเสธไป
จนวันที่เรานัดกับน้องเพื่อไปเคลียร์จบเรื่องกันที่ สน. จนท.เคลมมาถึงที่ สน. ถามเราว่า ใครเป็นคนนัดมา เราก็แจ้งว่า คุยตกลงกันทั้งคู่ จนท.ถามว่าเราคุยกับตร.ยัง ตร.บอกรัยมั่ง เราเลยบอกว่ายังไม่ได้คุย ทางจนท.เคลมเลยถาม น้องพม่าว่า ตกลงคนเจ็บจะเอาเรื่องแฟนเรามั้ย น้องบอกไม่ครับ ผมไม่เรียกร้องอะไรเลย เหลือแค่ผ่าตัดเอาเหล็กออก น้องจะจ่ายเอง อันนี้ก็แล้วแต่เราว่าจะช่วยเค้าเท่าไหร่ เราเลยถาม จนท.เคลมว่า น้องเค้าสามารถเรียกร้องสินไหมทดแทน เพื่อไปรักษาตัวในอนาคตได้มั้ย จนท.จึงเช็คกับทางบ.ประกันให้
ปรากฏว่า ก่อนหน้านี้ มีทนายไปหาน้องคนเจ็บ แล้วจัดการดำเนินเรื่องขอสินไหมทดแทนจากบ.ประกันไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยน้องได้เงินสินไหม150,000 แต่ยอมเสียให้ทนายคนนั้นไป60,000เหลือเงินในมือ90,000 และน้องบอกว่า ส่งเงินให้ที่บ้านสร้างบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือเลย ซึ่งเรื่องนี้ เราเพิ่งทราบที่ สน.วินาทีนั้นเลย ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบ ว่า ขั้นตอนมันเป็นยังงัย เลยถามน้องพม่าว่า ทำไมไม่บอกกันซักคำ ว่าได้เงินไปแล้ว ละถ้าเรายอมจ่ายเงินไปก่อนจะไปเบิกกับใคร
จนท.เคลม ก็หันมาบอกเราว่า เค้าได้ตังไปแล้ว เงินที่เคยจ่ายไป ก็ไปเรียกคืนกันเอาเองนะ ประกันไม่เกี่ยว แต่เราว่า เงินที่ให้น้องกินข้าว มันไมม่ได้เยอะแยะ แล้วอีกอย่างเค้าคงไม่มีเงินมาคืนเรา ถือว่าเป็นน้ำใจเลยไม่เอาคืน จากนั้น จนท.เคลมก็บ่นไปเรื่อยๆ จนน้องพม่าบอกว่า จริงๆทนายบอกให้ผมฟ้องร้อง เพราะถ้าชนะจะได้เงินมากกว่านี้ แต่มันช้าผมเลยไม่เอา (แอบช็อคนิดนึงที่ได้ยินแบบนี้)
จนสุดท้าย จนท.เคลมบอกว่า งั้นถ้าได้รับเงินชดเชยแล้วก็จบ เพราะเท่ากับคนเจ็บพอใจแล้ว ให้ไปเคีลยร์กันกับ ตร. จากนั้น จนท.เคลม ก็ออกไปคุยอะไรกันไม่รู้ กับ ตร.ด้านนอก สน. แล้ว จนท. เคลมก็เรียกเรากับแฟนออกไปหน้า สน. บอกเราว่ารู้หรือยัง ว่าต่อให้คู่กรณีไม่เอาเรื่อง ทางตร.ก็ต้องส่งฟ้องอยู่ดี เพราะเป็นคดีที่คนเจ็บบาดเจ็บสาหัส ยอมความกันไม่ได้ ตร.ต้องส่งฟ้องตามหน้าที่ และต้องเข้าคุก จ่ายเงินค่าประกันตัวกัน ซึงเรายอมรับเลยวาเราไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ เลยถามว่า ต้องทำยังงัย ทางจนท.เคลมบอกเราว่า ถ้าอยากจบเรื่อง ก็ต้องจ่ายตร.เค้า เราเลยถามว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ จนท.เคลมบอกก็หลักหมื่นขึ้นไปอะ เราเลยบอกว่า โหไม่มีหรอกค่ะ แค่นี้ก็ลำบากกันจะแย่แล้ว จะเอาที่ไหนมาจ่ายให้ เค้าเลยพูดว่า งั้นก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ ถ้าไม่มีก็
ไปคุยกับตร.เอาเองเค้าไม่รู้ด้วยนะ
เรากลับไปที่โต๊ะ ตร. จนท.บอกตร.ว่า เค้าไม่มีอะ ตร.พูดว่า อ้าวงี้ก็ไม่จบเรื่องสิจะจบได้งัย หลังจากนั้น ตร.เลยเรียกเราออกไปข้าง สน. ถามว่าจะเอางัยถ้าไม่มีเงินก็จบเรื่องไม่ได้นะวันนี้ แต่ถ้าวันนี้ยอมจ่ายหมื่นนึง ก็จะไม่ส่งเรื่องไปที่ศาล จะจบที่ สน.เลย เราบอกว่าไม่มี ตร.บอก งั้น5000มีมั้ย ให้ไปหายืมใครมา เรื่องจะได้จบๆ เราบอกว่าไม่มีใครมีให้ยืมหรอก เลยบอกไปว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่3000 ถ้าให้พี่ตร.ไปจะเอาอะไรกิน ตร.บอกเออๆสามพันก็ได้ เนี่ยนายด่าแน่ เราก็ไม่อยากเสียเวลาไปๆมาๆเลยสรุปยอมจ่ายไปให้ ตร.สามพัน รวมกับเงินค่าปรับอีก500รวมเป็น3500 พี่ตร.จับยัดใส่กระเป๋ากางเกงเลย จากนั้นกลับเข้ามาในสน.
ทาง จนท.เคลมก็ถามว่าเรียบร้อยมั้ย ตร.พยักหน้า หลังจากนั้น จนท.เคลม มานั่งร่าง ข้อความที่จะให้ตร.พิมพ์ลงในเอกสารเพื่อจบคดี
เรื่องทั้งหมด เราแค่ไม่เข้าใจ และมีคำถาม ดังนี้ค่ะ
1. ปกติ เราต้องประสานงานกับทางสน.เรื่องยกรถ หรือ ให้ประกันมาเอารถไปซ่อมหรือไม่
2. ทำไม จนท.เคลมไม่ได้มีความพยายาม จะสอบถามอะไรเราเลย พอเห็นที่เกิดเหตุสรุปอย่างเดียวว่าเราผิด
3. ทางทนายสามาถไปคุยกับคูกรณี เพื่อเรียกร้องสินไหมชดเชย โดยที่ประกันไม่ต้องแจ้งเราก็ได้หรือ (อันนี้ไม่ทราบจริงๆ)
4. ทำไมเจ้าหน้าที่เคลม จึงมาบอกให้เราจ่ายเงินตำรวจ มันต้องเป็นแบบนี้ปกติหรือป่าว
เราพยายาม ติดต่อบ.ประกัน เพื่อคุยกับทาง จนท.เคลม แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด จึงอยากขอสอบถามท่านที่พอทราบ เผื่อไว้เป็นความรู้ในอนาคตต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้า และขอโทษที่ยาวมากมายค่ะ และขออภัยหากแท็กผิดนะคะ
ขั้นตอนเรื่องเคลมสินไหม และ การทำงานของเจ้าหน้าที่เคลมเป็นแบบนี้โดยปกติหรือไม่
อาจจะยาวนิดนึง แต่สงสัยมากๆค่ะ พอดี จขกท ไม่อยู่ในเหตุการณ์ตอนชนค่ะ
ขออนุญาตเรียงลำดับนะคะ
แฟนกลับรถตรงจุดกลับรถ ช่วงจังหวะเลี้ยว ไม่เห็นมอเตอร์ไซค์ ซึ่งขับมาทางตรง อยู่เลนซ้ายสุด ได้ยินเสียงแตรมอเตอร์ไซค์ จึงหยุด แต่มอเตอร์ไซค์เบรคไม่ทัน จึงแฉลบมาชนด้านหน้า ไม่รู้ชนกันยังงัยหน้ารถเราพัง ส่วนคนขับมอเตอร์ไซค์(เป็นชาวพม่า) กระเด็นไปกระแทกขอบฟุตบาธ ดูเหมือนไม่เจ็บมาก
ทางเพื่อนของมอเตอร์ไซค์ที่ขับตามกันมา บอกแฟนเราว่า เพื่อนเค้าไม่เจ็บมาก ขอเงิน6000แล้วแยกย้าย แฟนเลยโทรถามเรา เราเลยบอกว่า เรียกประกันสิ รถมีประกันชั้น1 ให้ประกันมาเคลียร์
จากนั้นเราก็ตามออกมาที่จุดเกิดเหตุ น้องพม่าไม่มีใบขับขี่ รถไม่มี พรบ. เสียภาษีหรือป่าวไม่แน่ใจ แต่เราว่ารถเรากลับรถ ชนทางตรง ยังงัยเราก็ผิด จึงบอกให้กู้ภัยช่วยพาคนเจ็บส่งรพ.ก่อน เพราะไฟล่เค้าดูเอียงๆ กู้ภัยเช็คแล้ว ปรากฏว่า กระดูกไหปลาร้าหัก แล้วพอจนท.เคลมของรถเรามาถึงก็บอกว่า เนี่ยเราอะผิดเต็มๆ แล้วเนี่ยกระดูไหปลาร้าหักด้วยหนักเลย เสียเป็นแสนแน่ๆ
เราห่วงคนเจ็บ เลยบอกให้กู้ภัยพาคนเจ็บไปส่ง รพ.ก่อน ส่วนเรากับแฟนไปสน.กับจนท.เคลม ตร.บอกว่า เนี่ยรถเราผิด เพราะกลับรถในที่ห้ามกลับ ตรงนั้นเค้าไม่ให้กลับนะ เราก็งงๆ (มารู้ทีหลังว่ากลับได้ ป้ายกลับรถอันบะเร่อ) ก็คุยกับตร.วนไปวนมา ก็ยอมรับผิดไป เพราะประกัน กับ ตร.ลงว่าเราผิด ก็ไม่ได้ติดใจอะไร
จากนั้นวันรุ่งขึ้นโทถามคนเจ็บว่า ได้รับการรักษาหรือยัง น้องบอกว่า ยัวไมได้รักษา เพราะ จนท.เคลมไม่เอาเอกสารมาให้ เราจึงโทตาม ทาง จนท.เคลมบอกหาข้อมูลพรบ.ไม่เจอ (ทั้งๆที่ทำกับบ.ประกันของเค้าเอง) เราจึงโทเข้าคอลเซ็นเตอร์ให้ช่วยเช็ค ก็พบข้อมูลปกติ จากนั้นจึงโทแจ้งจนท.เคลม ใหเเอาเอกสารไปติดต่อ รพ.ทันที เพื่อรักษาคนเจ็บ น้องพม่าจึงได้คิวผ่าตัดเช้าวันรุ่งขึ้น
หลายวันผ่านไป หลังจากรักษาแล้ว วันที่น้องพม่าออกรพ.น้องเค้านั่งรถไปดูรถตัวเองที่สน. แต่ปรากฏว่า ไม่เจอรถที่สน. แต่รถยังอยู่ในที่เกิดเหตุทีเดิมไม่มีใครจัดการประสานงานอะไรเลย
เราจึงติดต่อทางประกัน ให้ประสานงานเรื่องรถมอเตอร์ไซค์ของน้องเค้า คืนนั้น ทางประกัน จึงมายกรถไปซ่อม
ช่วงรักษาตัว ทางรพ.ให้พัก2-3เดือน น้องบอกว่าไม่มีเงินกินข้าว ขอเงินเดือนละ3000ช่วงที่หยุดงาน เราจึงให้แฟนโอนไปให้ และจ่ายค่าเดินทางนิดหน่อย
น้องบอกว่า ดีใจที่เราไม่ทิ้งเค้า และรับผิดให้เค้าได้รักษาตัว น้องเค้าจะไม่เรียกร้องอะไรเลย ซึ่งเราก็ไปเยี่ยมบ้างตามสมควร และแฟนก็จะโทาอบถามอาการตลอด ทั้งช่วงที่รักษาตัวอยู่และช่วงที่หายแล้ว และก็มีช่วงอยู่ที่บ้าน น้องบอกว่า มีทนายโทมาหา ถามว่า จะเอาเรื่องคนขับมั้ย แต่ตัวน้องเค้าได้ปฏิเสธไป
จนวันที่เรานัดกับน้องเพื่อไปเคลียร์จบเรื่องกันที่ สน. จนท.เคลมมาถึงที่ สน. ถามเราว่า ใครเป็นคนนัดมา เราก็แจ้งว่า คุยตกลงกันทั้งคู่ จนท.ถามว่าเราคุยกับตร.ยัง ตร.บอกรัยมั่ง เราเลยบอกว่ายังไม่ได้คุย ทางจนท.เคลมเลยถาม น้องพม่าว่า ตกลงคนเจ็บจะเอาเรื่องแฟนเรามั้ย น้องบอกไม่ครับ ผมไม่เรียกร้องอะไรเลย เหลือแค่ผ่าตัดเอาเหล็กออก น้องจะจ่ายเอง อันนี้ก็แล้วแต่เราว่าจะช่วยเค้าเท่าไหร่ เราเลยถาม จนท.เคลมว่า น้องเค้าสามารถเรียกร้องสินไหมทดแทน เพื่อไปรักษาตัวในอนาคตได้มั้ย จนท.จึงเช็คกับทางบ.ประกันให้
ปรากฏว่า ก่อนหน้านี้ มีทนายไปหาน้องคนเจ็บ แล้วจัดการดำเนินเรื่องขอสินไหมทดแทนจากบ.ประกันไปเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยน้องได้เงินสินไหม150,000 แต่ยอมเสียให้ทนายคนนั้นไป60,000เหลือเงินในมือ90,000 และน้องบอกว่า ส่งเงินให้ที่บ้านสร้างบ้านหมดแล้ว ตอนนี้ไม่มีเงินเหลือเลย ซึ่งเรื่องนี้ เราเพิ่งทราบที่ สน.วินาทีนั้นเลย ซึ่งเราเองก็ไม่ทราบ ว่า ขั้นตอนมันเป็นยังงัย เลยถามน้องพม่าว่า ทำไมไม่บอกกันซักคำ ว่าได้เงินไปแล้ว ละถ้าเรายอมจ่ายเงินไปก่อนจะไปเบิกกับใคร
จนท.เคลม ก็หันมาบอกเราว่า เค้าได้ตังไปแล้ว เงินที่เคยจ่ายไป ก็ไปเรียกคืนกันเอาเองนะ ประกันไม่เกี่ยว แต่เราว่า เงินที่ให้น้องกินข้าว มันไมม่ได้เยอะแยะ แล้วอีกอย่างเค้าคงไม่มีเงินมาคืนเรา ถือว่าเป็นน้ำใจเลยไม่เอาคืน จากนั้น จนท.เคลมก็บ่นไปเรื่อยๆ จนน้องพม่าบอกว่า จริงๆทนายบอกให้ผมฟ้องร้อง เพราะถ้าชนะจะได้เงินมากกว่านี้ แต่มันช้าผมเลยไม่เอา (แอบช็อคนิดนึงที่ได้ยินแบบนี้)
จนสุดท้าย จนท.เคลมบอกว่า งั้นถ้าได้รับเงินชดเชยแล้วก็จบ เพราะเท่ากับคนเจ็บพอใจแล้ว ให้ไปเคีลยร์กันกับ ตร. จากนั้น จนท.เคลม ก็ออกไปคุยอะไรกันไม่รู้ กับ ตร.ด้านนอก สน. แล้ว จนท. เคลมก็เรียกเรากับแฟนออกไปหน้า สน. บอกเราว่ารู้หรือยัง ว่าต่อให้คู่กรณีไม่เอาเรื่อง ทางตร.ก็ต้องส่งฟ้องอยู่ดี เพราะเป็นคดีที่คนเจ็บบาดเจ็บสาหัส ยอมความกันไม่ได้ ตร.ต้องส่งฟ้องตามหน้าที่ และต้องเข้าคุก จ่ายเงินค่าประกันตัวกัน ซึงเรายอมรับเลยวาเราไม่รู้เรื่องนี้จริงๆ เลยถามว่า ต้องทำยังงัย ทางจนท.เคลมบอกเราว่า ถ้าอยากจบเรื่อง ก็ต้องจ่ายตร.เค้า เราเลยถามว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ จนท.เคลมบอกก็หลักหมื่นขึ้นไปอะ เราเลยบอกว่า โหไม่มีหรอกค่ะ แค่นี้ก็ลำบากกันจะแย่แล้ว จะเอาที่ไหนมาจ่ายให้ เค้าเลยพูดว่า งั้นก็ไม่รู้ด้วยแล้วนะ ถ้าไม่มีก็
ไปคุยกับตร.เอาเองเค้าไม่รู้ด้วยนะ
เรากลับไปที่โต๊ะ ตร. จนท.บอกตร.ว่า เค้าไม่มีอะ ตร.พูดว่า อ้าวงี้ก็ไม่จบเรื่องสิจะจบได้งัย หลังจากนั้น ตร.เลยเรียกเราออกไปข้าง สน. ถามว่าจะเอางัยถ้าไม่มีเงินก็จบเรื่องไม่ได้นะวันนี้ แต่ถ้าวันนี้ยอมจ่ายหมื่นนึง ก็จะไม่ส่งเรื่องไปที่ศาล จะจบที่ สน.เลย เราบอกว่าไม่มี ตร.บอก งั้น5000มีมั้ย ให้ไปหายืมใครมา เรื่องจะได้จบๆ เราบอกว่าไม่มีใครมีให้ยืมหรอก เลยบอกไปว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเงินแค่3000 ถ้าให้พี่ตร.ไปจะเอาอะไรกิน ตร.บอกเออๆสามพันก็ได้ เนี่ยนายด่าแน่ เราก็ไม่อยากเสียเวลาไปๆมาๆเลยสรุปยอมจ่ายไปให้ ตร.สามพัน รวมกับเงินค่าปรับอีก500รวมเป็น3500 พี่ตร.จับยัดใส่กระเป๋ากางเกงเลย จากนั้นกลับเข้ามาในสน.
ทาง จนท.เคลมก็ถามว่าเรียบร้อยมั้ย ตร.พยักหน้า หลังจากนั้น จนท.เคลม มานั่งร่าง ข้อความที่จะให้ตร.พิมพ์ลงในเอกสารเพื่อจบคดี
เรื่องทั้งหมด เราแค่ไม่เข้าใจ และมีคำถาม ดังนี้ค่ะ
1. ปกติ เราต้องประสานงานกับทางสน.เรื่องยกรถ หรือ ให้ประกันมาเอารถไปซ่อมหรือไม่
2. ทำไม จนท.เคลมไม่ได้มีความพยายาม จะสอบถามอะไรเราเลย พอเห็นที่เกิดเหตุสรุปอย่างเดียวว่าเราผิด
3. ทางทนายสามาถไปคุยกับคูกรณี เพื่อเรียกร้องสินไหมชดเชย โดยที่ประกันไม่ต้องแจ้งเราก็ได้หรือ (อันนี้ไม่ทราบจริงๆ)
4. ทำไมเจ้าหน้าที่เคลม จึงมาบอกให้เราจ่ายเงินตำรวจ มันต้องเป็นแบบนี้ปกติหรือป่าว
เราพยายาม ติดต่อบ.ประกัน เพื่อคุยกับทาง จนท.เคลม แต่ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับแต่อย่างใด จึงอยากขอสอบถามท่านที่พอทราบ เผื่อไว้เป็นความรู้ในอนาคตต่อไปค่ะ
ขอขอบคุณล่วงหน้า และขอโทษที่ยาวมากมายค่ะ และขออภัยหากแท็กผิดนะคะ