เล่าประสบการณ์ผ่าตัดริดสีดวงแบบผ่าตัดเย็บอัตโนมัติ 2565 (2วัน1คืน)

ขอเกริ่นก่อนว่า เหมาะสำหรับคนที่ใช้เงินแก้ปัญหา เพราะรพ.ที่เราไปทำเป็นรพ เอกชนนะคะ (จ่ายสดไม่มีประกัน) แต่รับรองว่าดีมากจริงๆค่ะ เราจะมาเล่าและแชร์ก่อนผ่าตัด ช่วงผ่าตัดและหลังผ่าตัดหนึ่งเดือนแบบละเอียดกัน ,วิธีผ่าแบบไหน,พร้อมทั้งค่าใช้จ่ายทั้งหมดและข้อระวังหลังผ่าด้วย!
 
 
*เล่ายาวมาก*
 
            สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาแชร์ประสบการณ์การผ่าตัดครั้งแรกในชีวิตมาให้เพื่อนๆได้ตัดสินใจกัน เราเป็นริดสีดวงมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่มหาลัยจนกระทั่งทำงาน มาเป็นหนักเมื่อสามปีก่อนเพราะเปลี่ยนงานมานั่งทำหน้าคอม ไม่ลุกไปไหน น้ำดื่มน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ชอบกินหมูกะทะปิ้งย่าง หมักดอกเป็นพิเศษ กินชานมบ่อย ไม่ออกกำลังกาย เวลาถ่ายชอบเบ่งและนั่งนานพฤติกรรมเหล่านี้คือสาเหตุที่เป็นเลยค่ะ
 
            ช่วงแรกจะมีติ่งเนื้อเล็กๆยื่นออกมาสองหัว ดันไม่เข้า ขับถ่ายปกติ ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่เราก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิม จนติ่งเนื้อเริ่มยื่นออกมาหลายหัว กระทั่งเมื่อต้นปีก่อน64เราถ่ายเป็นเลือด อารมณ์ตกใจแต่ก็ คงไม่เป็นไรหรอก(คิดแบบนี้มาตลอด อาจเป็นเพราะเรียนสายสุขภาพมาด้วยจึงชะล่าใจ)ทั้งยังเป็นช่วงโควิดระบาดด้วย เราไม่ได้ไปหาหมอ ไม่ใช้ยาเหน็บ(เพราะอาย)จึงปล่อยให้มันหายเอง (ไม่แนะนำนะคะ)
 
            แต่พอถ่ายเป็นเลือด มันก็เริ่มถ่ายแบบนี้มาตลอด ยิ่งท้องเสียยิ่งแล้วใหญ่ จากที่ขับถ่ายแล้วนอนพักไม่กี่นาทีจะยุบหายบวม แต่เป็นหนักถึงขั้นมันไม่หายบวมและนั่งทำงานไม่ได้(โชคดีที่เราทำงานที่ห้อง) มันหงุดหงิดและรำคาญมาก สุขภาพจิตแย่สุดๆ จึงค้นหาข้อมูลและรีวิวทุกอย่าง จนในที่สุดตัดสินใจไปหาหมอตอน กค ปี64 หมอก็บอกเราแล้วว่าเป็นระยะสี่แล้ว ซึ่งเป็นหนัก ต้องผ่าตัดเท่านั้น เราก็สอบถามวิธีผ่าตัดมีอะไรบ้าง ตอนนั้นอยากทำเลเซอร์เพราะเจ็บน้อยสุด ราคาไม่เกี่ยงคือความรู้สึกไม่ไหวแล้ว อยากเอาออก!
 
ในตอนนั้นรพ มีแพคเกตผ่าตัดริดสีดวงพอดี ซึ่งการผ่าตัดจะมี3แบบ (เราทำที่YH)
1.     ผ่าตัดแบบปกติ  ราคา 49k นอนพัก2คืน
2.     ผ่าตัดแบบเลเซอร์ ราคา 61k นอนพัก 1คืน
3.     ผ่าตัดแบบตัดเย็บอัติโนมัติ 61k นอนพัก1คืน
 
              หมอบอกพร้อมเมื่อไรมาผ่าได้เลย แต่ต้องตรวจโควิดก่อนนะ ซึ่งช่วงนั้นโควิดระบาดหนักรอบสอง เราหาที่ตรวจไม่ได้เลย ไปไหนก็บอกให้จองคิวก่อน ตอนนั้นเราก็หรือค่อยทำดี? ถ้าเราเปลี่ยนพฤติกรรมมันอาจจะดีขึ้นมั้ง จนเวลาผ่านไปปีกว่า เป็นหนักกว่าเดิมถ่ายเป็นเลือดต้องใส่ผ้าอนามัยขนาดเล็กทุกครั้งหลังถ่ายเสร็จ เราก็ทนไม่ไหวแล้ว ทำก็ทำ! แต่ตอนนั้นคือกลัวด้วยเพราะผ่าตัดครั้งแรกและไม่มีใครมาเฝ้า จิตตกและรู้สึกแย่จริงๆ
 
             เราไปหาหมอตอน มิย 65 ตรวจภายในอีกครั้ง ตอนแรกเราตั้งใจจะทำเลเซอร์เพราะมันเจ็บน้อยสุด ลุกทำงานได้ปกติ แต่หมอบอกว่าตัดเย็บอัตโนมติดีกว่านะ โอกาสเป็นซ้ำน้อยกว่าทำเลเซอร์ เจ็บไม่ต่างกันมากด้วย ราคาก็พอกัน  เราก็เชื่อหมอเพราะเสียอย่างไรเขาน่าจะเลือกอันดีที่สุดให้เรา ส่วนการผ่าจะใช้แบบดมยาสลบนะคะ เพราะเรากลัว
 
            เราเลือกแบบผ่าตัดเย็บอัตโนมัติ นอนพัก1คืน ราคา61kบาท(ห้องพักเดี่ยว) เป็นการผ่าภายในและนอก(อันที่จริงหมอบอกติ่งเนื้อด้านนอกไม่ใช่ปัญหาทำให้เลือดออก ปัญหาคือภายใน แต่เราเอาออกเพราะอย่างน้อยก็ได้ผ่าแล้ว เอามันออกให้หมดนี่แหละ!55)
 
             ดังนั้นเราจึงนัดผ่าวันที่6 มิย ก่อนหน้านั้น3วันต้องตรวจpcr ก่อน ซึ่งโคตรดวงซวยที่เรามีประจำเดือนพอดี เพราะเครียดเรื่องผ่าตัด ตอนนั้นคืออารมณ์เสียไปเลย แต่หมอบอกไม่เป็นไรเรามีผ้าอนามัยสำหรับผ่าตัดให้
 
             วันที่ 6 ผ่าตัด เราไปแต่เช้าเพื่อเจาะเลือดและเอกซเรย์ปอด(รวมในแพคเกตแล้ว) จากนั้นให้จ่ายเงินมัดจำก่อน5หมื่น ตรวจอะไรเสร็จก็ขึ้นไปห้องแล้วใส่สายน้ำเกลือ (ตอนนั้นสั่นมาก เจาะที่หลังมือเป็นอะไรที่โคตรเจ็บT^T)ไปคนเดียวไม่มีญาติหรือเพื่อนมาเฝ้า ตอนแรกจะจ้างพยาบาลพิเศษแต่ไม่มี เราก็โอเคไม่เป็นไร
 
           ช่วง10.00  พยาบาลจะเข้ามาสวนก้นเราเพื่อระบายสิ่งตกค้างภายในออก ทั้งยังใส่ผ้าอนามัยพิเศษให้ด้วย (คล้ายจีสติง555)ตอนนั้นคือไม่อายแล้ว 
 
           ช่วง 10.30 หมอที่จะมาดมยาเราเข้ามาแนะนำและให้เซ็นยินยอม 
 
            ช่วง10.45 พยายาบาลมาฉีดยาฆ่าเชื้อให้ เตรียมผ่าตัด ซึ่งตอนที่กำลังเข็นเข้าไปรอห้องผ่าตัด เรารู้สึกปวดตรงหลังมือมาก จนต้องเรียกให้พยายาบาลมาดู พยาบาลจึงลดระดับยาฆ่าเชื้อให้ 
 
           ช่วง11.00 รอผ่าตัด ใช้เวลาผ่าตัดหนึ่งชั่วโมง พยาบาลเข็นรถไปรอหน้าห้องผ่าตัดและซักถามชื่อและแพ้ยา ตอนนั้นตื่นเต้นมาก บอกตัวเองว่าแป็บเดียวเอง ไม่ต้องกลัว 
 
           เมื่อได้เวลาผ่าตัด คนในห้องผ่าเยอะมากและดูจะเร่งรีบไปเสียทุกอย่าง พอเข็นเราเข้าไปพยาบาลก็จับเราเปลี่ยนเตียง เครื่องวัดต่างๆติดเต็มตัว หมอดมยาบอกว่าจะดมยาสลบแล้วนะ แล้วก็มีที่ครอบมาครอบปากจมูกเรา กลิ่นฉุนมาก แต่แป็บเดียวไม่รู้สึกตัวเลย สลบตอนไหนก็ไม่รู้555
 
           ช่วง 12.00 ผ่าตัดเสร็จ เขาก็เข็นเรามารอหน้าห้องผ่าตัดอีกครั้งเพื่อสังเกตอาการและปลุกเรียกให้เราตื่น ซึ่งตอนตื่นขึ้นมาสลึมเล็กน้อยแต่ไม่มีอาการข้างเคียงอะไร ที่สำคัญผ่าแล้วไม่เจ็บเลย!
 
            พยาบาลจึงเข็นเรากลับห้อง และเอาชุดอาหารมาให้พร้อมกับยา เราพึ่งรู้ว่าหมอใส่ถุงฉี่ให้เราด้วย คงเป็นเพราะเราไม่สามารถลุกไปได้ ทั้งยังเป็นประจำเดือนอีก
 
            ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงหลังผ่าไม่มีอาการวิงเวียนหรือเมายาสลบ แต่ไม่อยากอาหารกินนิดเดียว แต่รู้สึกง่วงมาก อยากแต่นอน แผลคือไม่เจ็บเลย แค่ปวดหนึบๆเท่านั้น ตอนถ่ายเป็นเลือดเจ็บกว่าเยอะ55 หมอมาดูแผลก็ไม่มีปัญหา ให้เรากินยาหากปวด ซึ่งหมอกับพยาบาลดูแลเราดีมาก ไม่รู้ว่าเพราะเราไปคนเดียวหรือเปล่า เข้าออกห้องเกือบจะทั้งคืน ที่จริงเราความดันตกด้วยจึงเข้ามาเช็กเรื่อยๆ แบบไม่ต้องมีญาติไปก็ได้แบบนี้
 
         อาการคืนแรกไม่มีอะไร ไม่เจ็บไม่ปวด จนสงสัยว่าได้ผ่าจริงไหม นอกจากง่วงนอน55
 
          เช้าวันที่ 7 หมอก็มาดูอาการอีกครั้งและบอกว่ากลับบ้านได้ ซึ่งก่อนไปเราต้องฉี่ให้ออกเสียก่อน เพราะจะมีปัญาหาได้ ซึ่งเรากังวลมาก เพราะตั้งแต่ผ่าตัดจนถึงวันกลับบ้านฉี่ใส่สายตลอด เมื่อถอดออกแต่งตัวเสร็จเราก็รอให้ฉี่ออก และมันก็ผ่านไปด้วยดีเมื่อเราฉี่ออกมาปกติ 
เราจึงจ่ายเงินส่วนที่เหลือคือ 11k ถ้ายอดจ่ายจริงคือ 82k ตอนเห็นบิลแล้วแอบตกใจเลย555
 
           หมอให้ยาฆ่าเชื้อ ยาแก้ปวด ยาระบายกลับไปกินและนัดตามผล28มิย เพื่อนก็มารับเราตอนกลับก็เดินลงไปขึ้นรถแท็กซี่เลยไม่นั่งรถเข็น คือมันไม่เจ็บอะไร แค่ปวดหนึบๆแต่เดินช้าเท่านั้น หมอแนะนำให้กินอาหารอ่อนๆและยาระบายไปก่อน 
 
           ช่วงอาทิตย์แรกไม่มีปัญหา จะมีน้ำเหลืองออกมาจากแผล ให้ใส่ผ้าอนามัยขนาดเล็กตลอดเวลา คอยสังเกตอาการไปด้วย ซึ่งขับถ่ายปกติไม่เจ็บเลย อันนี้คือไม่โกหกนะคะ คือไม่เจ็บจริงๆ เพราะถ่ายเหลวและน้ำ คือไม่มีปัญหาขับถ่ายเลย ชีวิตดีขึ้นมาก แต่ห้ามขยับยกของหนัก นั่งนาน ดังนั้นตลอดหนึ่งเดือนที่จะพักคือ นอนและเดินเล่นวนในห้องเท่านั้น 

           เราซื้อที่แช่ก้นมาแช่นน้ำอุ่นผสมกับด่างทับทิม แช่ทุกวัน

           อาทิตย์ที่สองแผลเริ่มหายดี บวมแดงเล็กน้อย ไม่เจ็บ
 
           อาทิตย์ที่สามแผลเริ่มหายและรอยผ่าเริ่มเข้าที่  เริ่มไม่กินยาระบาย แต่ก็ถ่ายเหลวดี ไม่เจ็บ
 
           จนเมื่อใกล้เวลานัดตามหมอ เราดันติดโควิดเสียก่อน และดันมีปัญหาเรื่องขับถ่าย เพราะเราเพิ่งท้องผูกครั้งแรก! เป็นอะไรที่ทรมานมากทุกคน อันนี้คือเรากลัวมากจริงๆ เมื่อถึงเวลาขับถ่าย แต่มันถ่ายไม่ออก นึกสภาพตอนที่มันมาจ่อตรงทางออกแต่มันออกไม่ได้ คือทรมานสุดๆ เบ่งเท่าไรก็ไม่ออก จนต้องใช้นิ้วล้วงแต่มันก็ไม่ออกอยู่ดี จึงตัดสินใจกินยาระบาย ตอนถ่ายจึงมีแต่น้ำอย่างน้อยก็ไม่ทนมานอีก  พอหายจากโควิดเราก็ไปหาหมอทันที
 
 
*ข้อระวัง
หลังจากผ่าตัด ให้กินอาหารที่มีกากใยและน้ำเยอะๆ แต่พยายามให้ถ่ายให้เป็นก้อนด้วย ถ้าเราถ่ายเหลวตลอด ตรงที่เราผ่าตัดมันจะไม่ยืดขยาย และพยายามอย่าให้ท้องผูกบ่อย เพราะอาจจะเกิดภาวะ *รูตีบ*ได้
 
ซึ่งตอนนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว เราขับถ่ายปกติ ชีวิตดีขึ้นมากกกก แผลเนียนกริบเหมือนไม่เคยเป็นมาก่อน ใครที่มีเงินบอกเลยไปทำเถอะค่ะ ดีมาก อย่าปล่อยไว้นานแบบเราเพราะเสียเวลาชีวิตและสุขภาพจิตมาก 
ค่าใช้จ่ายทั้งหมดคือ61k ไม่รวมค่าเดินทาง 
แต่ราคาสุขภาพที่เสียไป บอกเลยคุ้มมากค่ะ!
ใครอยากถามอะไรทิ้งคำถามไว้ได้เลยนะคะ เราอยากมาแชร์เรื่องราวให้รู้ว่าการผ่าตัดออกแล้วชีวิตมันดีแค่ไหน ยังไงทุกคนสู้ๆนะคะ!
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่