คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เส้นทางชีวิตคนเรากำหนดได้ด้วยตัวเอง 80% และดวงอีก 20% ค่ะ
โชคชะตาอาจจะไม่พาคุณไปเจองานตรงสาย แต่พาคุณไปเจองานคนละสายงาน ซึ่งถ้าปรับตัวทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มันอาจจะพาคุณไปอยู่ในจุดที่ดีกว่างานตรงสายก็ได้ค่ะ
ยอมรับในสิ่งที่เลือก ยอมรับในสิ่งตรงหน้า ทำให้ดีที่สุดแล้วหาช่องทางที่จะเติบโต หรือหันหัวกลับมาในทางที่ต้องการค่ะ
โชคชะตาอาจจะไม่พาคุณไปเจองานตรงสาย แต่พาคุณไปเจองานคนละสายงาน ซึ่งถ้าปรับตัวทำให้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นสิ่งที่ดีที่สุด มันอาจจะพาคุณไปอยู่ในจุดที่ดีกว่างานตรงสายก็ได้ค่ะ
ยอมรับในสิ่งที่เลือก ยอมรับในสิ่งตรงหน้า ทำให้ดีที่สุดแล้วหาช่องทางที่จะเติบโต หรือหันหัวกลับมาในทางที่ต้องการค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
เกียรตินิยมคือสิ่งดี นายจ้าง มากมายเห็นคุณค่าของมันค่ะ
จงภูมิใจที่ได้มา และตระหนักเสมอในการรักษาคุณภาพให้สมกับที่เป็นเด็กเกียรตินิยม ต่อให้เวลาจะผ่านพ้นไปกี่ปีก็ตาม
ชีวิตจริงในการทำงาน มันมีปัจจัยหลายอย่างมากๆที่จะพาคนนึงไปสู่จุดที่เขาต้องการ นอกจากถูกที่ ถูกเวลาแล้ว คุณต้องเจอคนถูกคน ในเวลาที่ถูกต้องด้วย
เราทำงานมาเกินสิบปี มองเห็นความเป็นไป การขึ้นจุดสูงสุดและลงต่ำสุดของคนมาพอสมควร เข้าใจเลยว่า ไม่ว่าใคร ไม่ควรโทษตัวเองว่าเราไม่ดีพอ หรือเหิมเกริม ยกยอตัวเองว่า เรานี่เจ๋งสุดๆไปเลย เพราะปัจจัยอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วคือ การกล้าเปลี่ยนงานอย่างมีสติ รอบคอบ อย่าจมปลักหรือทุกข์ กับ ตำแหน่งปัจจุบัน เงินเดือนปัจจุบันที่เราไม่ยอมรับมันนานเกินไป เมื่อไม่เห็นทางสู้ในสนามนี่ ให้ลองเปลี่ยนสนามดู คุณอาจไปได้ไกลอย่างไม่คาดคิด สำคัญคือ ทำอย่างรอบคอบ
สุดท้าย ขอให้ตระหนักว่า ชีวิตลูกจ้าง ไม่ว่าจะสูงส่งแค่ไหน สุดท้าย คุณแค่มาขายสติปัญญา ขายสุขภาพให้นายจ้างไปทุกวัน ทุกวัน เมื่อวันคุณหมดแรง หมดสภาพ ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีนายจ้างคนไหนจะเลี้ยงคุณต่อ ถึงควรเอาใจใส่กาย ใจ ให้ดีในทุกช่วงของชีวิต เพื่อเกษียณอย่างสุขใจและสุขกาย ไม่พกโรคทางใจ สารพัดโรคทางกายมาในยามเกษียณ ซึ่งถือว่า ขาดทุนมากที่สุด
จงภูมิใจที่ได้มา และตระหนักเสมอในการรักษาคุณภาพให้สมกับที่เป็นเด็กเกียรตินิยม ต่อให้เวลาจะผ่านพ้นไปกี่ปีก็ตาม
ชีวิตจริงในการทำงาน มันมีปัจจัยหลายอย่างมากๆที่จะพาคนนึงไปสู่จุดที่เขาต้องการ นอกจากถูกที่ ถูกเวลาแล้ว คุณต้องเจอคนถูกคน ในเวลาที่ถูกต้องด้วย
เราทำงานมาเกินสิบปี มองเห็นความเป็นไป การขึ้นจุดสูงสุดและลงต่ำสุดของคนมาพอสมควร เข้าใจเลยว่า ไม่ว่าใคร ไม่ควรโทษตัวเองว่าเราไม่ดีพอ หรือเหิมเกริม ยกยอตัวเองว่า เรานี่เจ๋งสุดๆไปเลย เพราะปัจจัยอย่างที่กล่าวมาข้างต้น
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วคือ การกล้าเปลี่ยนงานอย่างมีสติ รอบคอบ อย่าจมปลักหรือทุกข์ กับ ตำแหน่งปัจจุบัน เงินเดือนปัจจุบันที่เราไม่ยอมรับมันนานเกินไป เมื่อไม่เห็นทางสู้ในสนามนี่ ให้ลองเปลี่ยนสนามดู คุณอาจไปได้ไกลอย่างไม่คาดคิด สำคัญคือ ทำอย่างรอบคอบ
สุดท้าย ขอให้ตระหนักว่า ชีวิตลูกจ้าง ไม่ว่าจะสูงส่งแค่ไหน สุดท้าย คุณแค่มาขายสติปัญญา ขายสุขภาพให้นายจ้างไปทุกวัน ทุกวัน เมื่อวันคุณหมดแรง หมดสภาพ ต่อให้ดีแค่ไหน ก็ไม่มีนายจ้างคนไหนจะเลี้ยงคุณต่อ ถึงควรเอาใจใส่กาย ใจ ให้ดีในทุกช่วงของชีวิต เพื่อเกษียณอย่างสุขใจและสุขกาย ไม่พกโรคทางใจ สารพัดโรคทางกายมาในยามเกษียณ ซึ่งถือว่า ขาดทุนมากที่สุด
แสดงความคิดเห็น
จบใหม่ด้วยเกียรตินิยม แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่หวานหมูเลยครับ
แต่ไปๆมาๆไอ้เราดันเห็นเพื่อนได้ บ ดีๆ (บ ใหญ่เลยครับ) ทั้งที่เพื่อนที่ได้บางคนเกรดก็ต่ำกว่าเรา (ส่วนหนึ่งเพราะผมไม่อยากยื่นเองครับ แต่ตอนนี้ดันเสียดายแบบสุดๆ)
ต่อเลยครับ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่า รู้สึกเสียดายกับเวลาที่ผ่านไป ได้แต่พยายามปลอบตัวเอง(แต่มันก็อดเสียดายไม่ได้นั่นแหละครับ)
แต่พอลองอยู่บ้านมันก็ไม่ได้น่าอยู่ขนาดนั้น การเดินทางก็ไม่สะดวก คิดไปคิดมาไปหางานแถวกทม โอกาสในการเติบโตน่าจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ (จังหวัดที่ผมอยู่ค่าครองชีพแพงมากครับ ถ้าจะประหยัดเงินด้วยการทำงานใกล้บ้าน แบบไม่ต้องไปเช่าหออยู่ ไม่มีงานที่มีโอกาสเติบโตเลยนั่นสิครับ
แต่ความผิดหวังก็มีมาเรื่อยๆครับ ได้สัมภาษณ์ บ ใน กทม (ขาด budget บ้างไรบ้าง ก็เป็นอันต้องตัดใจไป ก็เลยต้องเก็บเงินกับงานที่ทำอยู่ตอนนี้ก่อน ไม่ใช่งานตรงสาย แต่มีที่พักกับอาหารให้ครับแม้จะไม่ถนัดแต่ได้ภาษาด้วยก็ถือว่าดีระดับที่พอจะถูไถได้) บางทีก็รู้สึกเสียใจ ผิดหวัง ท้อแท้ ตั้งคำถามว่าทำไม ถ้าเรา...เราจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ยิ่งคิดมันก็ยิ่งเจ็บครับ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวินต่อไป และเก็บเอาไว้เป็นบทเรียนในความผิดพลาดครั้งนี้ แต่ความรู้สึกเจ็บปวดนี่สิครับมันยังไม่จากผมไปไหนเลย พอบ่นออกมาก็รู้สึกเป็นการทำร้ายคนรอบข้างอีก ตอนนี้ภาวนาให้เวลาไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว กับอ้อนวอนโชคชะตาที่มันมักจะไม่น่ารักให้หยิบยื่นสิ่งดีๆเข้ามาบ้าง
อีกเรื่องครับ ผมเป็นเห็นอกเห็นใจคนอื่นอแบ่งปันและคิดว่าก็ดีกับเขา (หรือผมไม่เข้มแข็งกันแน่) แต่เหมือนผมยิ่งทำ ผมยิ่งเหมือนโดนเอาเปรียบ โดนควบคุม เป็นเหมือนนกในกรง (ใครบางคนบอกว่าแม้คนจบจากที่อื่นก็มาทำงานแถวบ้านกัน แต่ผมกับมองว่าตัวเองดีขึ้นกว่านี้ได้ ควรอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่นี่)
สุดท้ายกระทู้นี้ไม่มีอะไรครับ แค่อยากระบายความรู้สึกตอนนี้ ถ้าเข้ามาอ่านแล้วเกิดความทุกข์ก็ขอขมาลาโทษด้วยนะครับ