RECAP Extraordinary Attorney Woo : อูยองอู ทนายอัจฉริยะ EP.6 By Nottchakun


หากเราเปรียบคดีความแต่ละคดี คือ จิ๊กซอว์ชีวิตของ อูยองอู คดีสาธารณประโยชน์ที่เธอได้รับหน้าที่ให้มาทำคู่กับ ชเวซูยอน ในครั้งนี้ ก็คือ จิ๊กซอว์ชีวิตที่ว่าด้วยเรื่องราวของ "แม่" ผู้หญิงที่ ยองอู ไม่เคยเห็นหน้าเลยนับตั้งแต่ที่เธอจำความได้ 

เรื่องราวของซีรีส์ในตอนนี้ เริ่มต้นด้วยชีวิตของ "กเยฮยังซิม" ผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ ที่ลี้ภัยมาใช้ชีวิตเป็นพลเมืองในประเทศเกาหลีใต้ เธอพา ฮายุน ลูกสาวของเธอมาฝากไว้กับสถานสงเคราะห์ หลังจากหลบหนีคดีทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์มาเป็นเวลานานกว่า่ 5 ปี

"ฉันไม่ได้ทิ้งลูกนะคะ" เธอย้ำกับเจ้าหน้าที่ ที่สอบถามประวัติของเธอในตอนนั้น พร้อมกับมองลูกที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยความเศร้า เพราะวันนี้ จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่เธอกับลูกจะได้อยู่ด้วยกัน เสียงเรียกแม่จาก ฮายุน ตะโกนมาจากด้านหลัง วินาทีนั้น เธอทำได้เพียงหันหน้าไปมองลูกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเดินจากไปเพื่อเข้ามอบตัวกับตำรวจ


6 พฤศจิกายน 2017 ย้อนกลับไปยังวันเกิดเหตุเมื่อ 5 ปีก่อน เธอกับ คิมจองฮี บุกเข้าไปที่บ้านของ อีซุนยอง เพื่อทวงหนี้สิบล้านวอนกับผู้หญิงที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต โชคร้ายที่การกระทำในครั้งนั้น ส่งผลให้เธอและเพื่อนถูกตำรวจจับในข้อหาทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์ แต่มีเพียง คิมจองฮี เท่านั้นที่รับโทษจำคุก 4 ปี เพราะเธอเลือกจะหนีการขึ้นศาลไปพร้อมกับ ฮายุน ลูกสาวของเธอในวัย 3 ขวบ เหตุผลของการหนีนั้น เรียบง่าย และเต็มไปด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ เธอบอกว่า ฉันรอให้ ฮายุน จำหน้าของแม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นเวลากลับมาหาลูก ลูกจะได้จำแม่ของตัวเองได้


เหตุผลสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของคนเป็นแม่นั้น ทำให้ ยองอู และซูยอน สัญญากับตัวเองว่า จะช่วยให้นักโทษคนนี้ ได้รับโทษที่เบาที่สุดเท่าที่กฎหมายจะให้ได้ แต่ปัญหาคือเรื่องราวที่ผ่านมา 5 ปี แถมมีคดีตัวอย่างที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดถูกตัดสินไปแล้ว จะมีความจริงอะไรเหลือให้ค้นหา และนำพยานมาให้การในชั้นศาลอีก นี่คือจุดที่ทั้ง 2 คน ต้องไปตามหาความจริงจาก ควอนจูโฮ ทนายที่เคยทำคดีนี้เมื่อ 5 ปีก่อน และในที่สุดสิ่งที่ ยองอู กับซูยอน ตามหาก็มาถึง นั่นคือเบาะแสที่ว่า แพทย์ที่ออกใบวินิจฉัยประกอบคำพิพากษา อาจจะมีอคติกับคนที่แปรพักตร์มาจากเกาหลีเหนือ

ประเด็นสำคัญที่ EP นี้ นำเสนอ คือการทำให้เราเห็นว่า ในมุมมองของกฎหมายแล้ว ทุกคนคือคนเท่ากัน ไม่มีใครสมควรได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน แม้ว่าคนๆนั้น จะมีต้นตระกูลมาจากส่วนไหนของประเทศ หรือเป็นผู้ลี้ภัยที่หลบหนีมาก็ตาม ฉากที่ผมชอบมาก และคิดว่าเป็นการสื่อสารถึงประเด็นนี้ได้ดีที่สุด คือ ฉากที่ยองอู ซักถามคุณหมอที่ขึ้นให้การในศาล และป้อนคำถามเกี่ยวกับทัศนคติที่คุณหมอมีต่อผู้ลี้ภัยชาวเกาหลีเหนือ ในฉากนั้น เขาบอกว่า การพิจารณาคดีนี้ดำเนินการด้วยภาษีของประชาชน ทำใมต้องปกป้องผู้แปรพักตร์ชาวเกาหลีเหนือ มากกว่าชาวเกาหลีด้วยกัน ผู้พิพากษาให้คำตอบนั้นในศาลว่า "ผมเคารพในความคิดเห็นของพยาน แต่ผู้แปรพักตร์ก็เป็นประชาชนเกาหลี ถึงได้มีการพิจารณาคดีนี้ไงครับ"

พูดตรงๆ ตอนแรกที่ดูการพิจารณาคดี และดูจากพฤติกรรมของผู้พิพากษา ที่เจาะจงถามเรื่องต้นตระกูลของทนาย ของอัยการว่ามาจากไหน ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าคดีจะพลิกคำตัดสินกันได้ขนาดนี้ แต่พอมาคิดดูอีกที นี่คือจุดที่ซีรีส์วางทางออกไว้แล้วตั้งแต่ต้น นั่นคือประเด็นเรื่องการมอบตัว ที่เป็นหลักสากล ให้ผู้ต้องหามีสิทธิได้รับการลดหย่อนโทษ การที่ยองอู กับซูยอน พยายามหาทางช่วย โดยอ้างเรื่องการวินิจฉัยที่มีอคติ อ้างเรื่องจำเลยไม่คุ้นเคยกับกฎหมายของเกาหลีใต้ และพยายามเข้าไปหาผู้พิพากษาเพื่อขอพิจารณาคดีใหม่ ทำให้หลงลืมประเด็นสำคัญตรงนี้ไป แต่โชคดีที่ผู้พิพากษามองเห็น หลังจากได้ฟังเรื่องราวความเป็นแม่จากยองอู สุดท้ายแล้วโทษของฮยังซิม ก็คือการจำคุกหนึ่งปีเก้าเดือน ที่ได้ให้รอลงอาญา พร้อมกับการคุมประพฤตืและทำงานสาธารณประโยชน์รวมเวลา 80 ชั่วโมง



สำหรับ ยองอู นี่คือชัยชนะที่น่าภูมิใจที่สุด เพราะเธอไม่ได้แค่ชนะในชั้นศาล แต่เธอสามารถคืนแม่ให้กับเด็กสาวตัวเล็กๆคนหนึ่งได้สำเร็จ เพราะ ยองอู รู้ดีว่า การไม่มีแม่ให้เรียกหามันเจ็บปวดมากแค่ไหน 



ในฉากที่ยองอู คุยกับ ซูยอน เธอเลยเล่าเรื่องปลาวาฬที่ถูกล่าด้วยการทำให้ลูกวาฬบาดเจ็บ จนแม่วาฬต้องมาหา แม้จะรู้ดีว่าารเข้าไปในวงล้อมนั้นคือความตายก็ตาม เธอพูดถึงเรื่องนั้น พร้อมกับเอ่ยประโยคที่ฟังแล้ว เจ็บปวดหัวใจมากที่สุดของ EP นี้ออกมา เธอพูดลอยๆขึ้นว่า



"ถ้าฉันเป็นวาฬ แม่คงจะไม่ทิ้งไป"

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่