หลังจากโดนกระเพราะเนื้อสับไข่ดาวทำเองของรุ่นน้องที่โรงเรียนส่งมาอวดรบกวนจิตใจในช่วงหัวค่ำ
ในหัวผมก็สลัดกระเพราเนื้อออกจากหัวไม่ได้ กอรปกับความหิวที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบ 8 ชั่วโมง
การไปยืนหน้าร้านขายเนื้อที่ตลาดอ้อนวอนขอให้เขาอย่าเพิ่งปิดเขียงจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร
ยังไม่รวมถึงข้าวที่ยังไม่ได้หุง และรถติดบรรลัยที่ถนนแถวบ้านในวันก่อนวันหยุดยาว
การเดินเข้าไปหาร้านข้าวต้ม / อาหารตามสั่ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำงานจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ผมเลือกได้
หลังจากน้ำมาเสริฟ และพี่ในร้านยกเมนูมาให้ ผมไม่ได้เปิดเมนูมาดูแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ต้องการจะสั่งมันอัดอั้นอยู่ในหัว
จึงเอ่ยปากถามถึงกระเพราเนื้อสับโดยตรงทันทีว่ามีไหม ?
มีครับ แต่เขียนลงไปในบิลด้วยนะว่าเป็นเนื้อสับ
โอเค เล็ทโก !! ผมเขียนสิ่งที่ผมต้องการลงไปในบิล
กระเพราเนื้อสับใส่หอมหัวใหญ่ และถั่วฝักยาว เผ็ดน้อยราดข้าว
โชคดีวันนี้ที่ร้านคนยังไม่เยอะ บิลของผมจึงถูกส่งให้แม่ครัวโดยทันที
โป๊ก ๆๆ ปั๊ก ๆๆๆ โป๊ก ๆๆ
เสียงอะไรว่ะ ? ผมนึกในใจ อย่าบอกนะว่าเสียงสับเนื้อ
ซักพักกระเพราจากนั้นก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
มันคงใช่จริง ๆ แหละ ผมสังเกตุจากเนื้อสับที่อยู่บนจาน
ความหยาบแบบนี้ กับจำนวนเสียงสับ มันสัมพันธ์กับความหยาบเนื้อโดยตรง
เอาจริงดิ ผมสบถ อยู่ในใจ
ไม่ใช่ว่าผมต่อต้านกระเพราจานนี้ แต่ผมปลาบปลื้มกับพี่แม่ครัวที่อุตสาห์สับเนื้อให้
บิลที่เขียนรายละเอียดยาวเหยียด กับอาหารจานละ 50-60 บาท
แม้วัตถุดิบจะขาดแต่ทางร้านก็พยายามทำให้
จนได้กระเพราที่อาจขัดใจหลายคน เพราะส่วนผสมที่รวมกันบนจานที่ผิดขนบ
จนบางคนอาจต่อต้านและไม่ยอมเรียกมันว่าผัดกระเพรา
แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า หากต้องกินกระเพราตามนิยามของบางคน แล้วตัวเองไม่รู้สึกเอ็นจอยกับสิ่งที่กินลงไป
ดังนั้นกระเพราหน้าตาประหลาดในสายตาของหลายคนที่เห็นในภาพนี้จึงเป็นกระเพราที่ทำให้ผมอิ่มท้องและอิ่มเอมในหัวใจเป็นที่สุด
กับความพยายามของทางร้านที่ทำให้ลูกค้าจนผมไม่อาจเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้กับตัวเองได้ จนต้องหยิบโทรศัพท์มาเขียนให้คุณได้อ่าน
ด้วยรักและผัดกระเพรา
# เหล็กไม่เอาถ่าน
ด้วยรักและผัดกระเพรา
ในหัวผมก็สลัดกระเพราเนื้อออกจากหัวไม่ได้ กอรปกับความหิวที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาเกือบ 8 ชั่วโมง
การไปยืนหน้าร้านขายเนื้อที่ตลาดอ้อนวอนขอให้เขาอย่าเพิ่งปิดเขียงจึงเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร
ยังไม่รวมถึงข้าวที่ยังไม่ได้หุง และรถติดบรรลัยที่ถนนแถวบ้านในวันก่อนวันหยุดยาว
การเดินเข้าไปหาร้านข้าวต้ม / อาหารตามสั่ง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการทำงานจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ผมเลือกได้
หลังจากน้ำมาเสริฟ และพี่ในร้านยกเมนูมาให้ ผมไม่ได้เปิดเมนูมาดูแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่ต้องการจะสั่งมันอัดอั้นอยู่ในหัว
จึงเอ่ยปากถามถึงกระเพราเนื้อสับโดยตรงทันทีว่ามีไหม ?
มีครับ แต่เขียนลงไปในบิลด้วยนะว่าเป็นเนื้อสับ
โอเค เล็ทโก !! ผมเขียนสิ่งที่ผมต้องการลงไปในบิล
กระเพราเนื้อสับใส่หอมหัวใหญ่ และถั่วฝักยาว เผ็ดน้อยราดข้าว
โชคดีวันนี้ที่ร้านคนยังไม่เยอะ บิลของผมจึงถูกส่งให้แม่ครัวโดยทันที
โป๊ก ๆๆ ปั๊ก ๆๆๆ โป๊ก ๆๆ
เสียงอะไรว่ะ ? ผมนึกในใจ อย่าบอกนะว่าเสียงสับเนื้อ
ซักพักกระเพราจากนั้นก็ถูกยกมาเสิร์ฟ
มันคงใช่จริง ๆ แหละ ผมสังเกตุจากเนื้อสับที่อยู่บนจาน
ความหยาบแบบนี้ กับจำนวนเสียงสับ มันสัมพันธ์กับความหยาบเนื้อโดยตรง
เอาจริงดิ ผมสบถ อยู่ในใจ
ไม่ใช่ว่าผมต่อต้านกระเพราจานนี้ แต่ผมปลาบปลื้มกับพี่แม่ครัวที่อุตสาห์สับเนื้อให้
บิลที่เขียนรายละเอียดยาวเหยียด กับอาหารจานละ 50-60 บาท
แม้วัตถุดิบจะขาดแต่ทางร้านก็พยายามทำให้
จนได้กระเพราที่อาจขัดใจหลายคน เพราะส่วนผสมที่รวมกันบนจานที่ผิดขนบ
จนบางคนอาจต่อต้านและไม่ยอมเรียกมันว่าผัดกระเพรา
แต่จะมีประโยชน์อันใดเล่า หากต้องกินกระเพราตามนิยามของบางคน แล้วตัวเองไม่รู้สึกเอ็นจอยกับสิ่งที่กินลงไป
ดังนั้นกระเพราหน้าตาประหลาดในสายตาของหลายคนที่เห็นในภาพนี้จึงเป็นกระเพราที่ทำให้ผมอิ่มท้องและอิ่มเอมในหัวใจเป็นที่สุด
กับความพยายามของทางร้านที่ทำให้ลูกค้าจนผมไม่อาจเก็บเรื่องราวเหล่านี้ไว้กับตัวเองได้ จนต้องหยิบโทรศัพท์มาเขียนให้คุณได้อ่าน
ด้วยรักและผัดกระเพรา
# เหล็กไม่เอาถ่าน