(ในการค้นพบครั้งล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้รายงานการระบุชนิดของพืชกินเนื้อที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
ซึ่งพบบนเกาะบอร์เนียวในจังหวัด North Kalimantan ของอินโดนีเซีย)
มนุษย์มองว่าพืชหลากหลายชนิดเป็นอาหารที่แตกต่างกันของแมลงผสมเกสร สัตว์กินหญ้าและคนที่ทานเจ นั่นเป็นความจริงสำหรับส่วนใหญ่ แต่ในสภาพแวดล้อมที่มีสารอาหารต่ำ พืชบางชนิดได้พบการปรับตัวที่แปลกประหลาดนั่นคือ พวกมันกลายเป็นผู้ล่าที่กินเนื้อเป็นอาหาร อย่างเช่น Venus flytrap ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจที่สุดในโลก และการศึกษาใหม่ก็ทำให้พวกมันน่าสนใจยิ่งขึ้น
ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PhytoKeys เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2022 ที่ผ่านมาโดย Dr.Martin Dančák นักพฤกษศาสตร์จากมหาวิทยาลัยPalacký ในเมือง Olomouc สาธารณรัฐเช็ก ระบุว่าค้นพบพืชเหยือกหรือหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่กินเนื้อเป็นอาหารชนิดใหม่ที่ชื่อว่า Nepenthes pudica (Nepenthaceae) ในป่าฝนบนภูเขาตอนล่างของ North Kalimantan บนเกาะบอร์เนียวที่จับเหยื่อในดิน โดยมีใบนำแมลงตัวเล็กๆและเหยื่อขนาดเล็กอื่นๆ ไปสู่โพรงลึกที่เรียกว่า "กับดักหลุมพราง" หรือเหยือก (pitfall trap or pitchers) เพื่อให้ตกลงไปก่อนจะถูกกิน ซึ่งต่างจากพืชเหยือกอื่นๆ รอบๆนั้นที่เติบโตในพื้นที่ชุ่มน้ำกลางแจ้งที่มีแดดจ้า
Dr.Dančák ผู้เขียนนำการศึกษากล่าวว่า เท่าที่วิทยาศาสตร์รู้จัก ไม่มีพืชเหยือกชนิดอื่นที่สามารถจับเหยื่อใต้ดินได้ และพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารที่รู้จักมีเพียงสามกลุ่มเท่านั้นที่อาศัยอยู่ใต้พื้นดิน แต่พวกมันทั้งหมดใช้กลไกการดักจับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และยังต่างจาก Nepenthes pudica ที่สามารถจับแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้เท่านั้น โดยพืชเหยือกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสร้างยอดใต้ดินพิเศษที่มีใบเล็กสีขาว และเหยือกสีแดงที่มีความยาวสูงสุด 11 ซม.(4.3 นิ้ว) ที่ขนาดใหญ่กว่าใบมากไว้ในโพรงหรือในดินโดยตรงเพื่อดักสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินเช่น มด ไร และแมลงปีกแข็งต่างๆ
หม้อข้าวหม้อแกงลิงชนิดใหม่ที่มีชื่อเรียกใหม่ว่า Nepenthes pudica เป็นพืชเหยือกชนิดหนึ่ง
แต่กินเหยื่อในลักษณะที่นักพฤกษศาสตร์ไม่เคยบันทึกมาก่อน ส่วนชื่อวิทยาศาสตร์ N.pudica ชี้ไปที่พฤติกรรมผิดปกติของพืช
โดยมาจากคำคุณศัพท์ภาษาละตินว่า pudicus หมายถึง เขินอายและสะท้อนถึงความจริงที่ว่าเหยือกซ่อนตัวจากการมองเห็น
Vaclav Cermak จากมหาวิทยาลัย Mendel ในเมือง Brno สาธารณรัฐเช็ก ที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยกล่าวเสริมว่า โชคมีบทบาทในการค้นพบ โดยเมื่อทีมกำลังสำรวจพืชเหยือกในบริเวณรอบๆ พวกเขาสังเกตเห็นพืชซึ่งมีต้นคล้ายกันแต่ไม่มีเหยือก จากการค้นหาอย่างใกล้ชิดเบื้องต้นพบว่ามีเหยือกผิดรูปยื่นออกมาจากดิน ขณะที่ Lubos Majesky นักวิจัยอีกคนจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับ Dr.Dančák เล่าว่า ในตอนแรก ทุกคนคิดว่าเหยือกของบางต้นอาจถูกฝังโดยไม่ได้ตั้งใจ และสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นอาจทำให้พืชลักษณะเดียวกันไม่มีเหยือก
อย่างไรก็ตาม ตลอดทางขึ้นสู่ยอดเขายังคงพบพืชไร้เหยือกต้นอื่นๆ พวกเขาเริ่มสงสัยว่าต้นเหยือกชนิดใดชนิดหนึ่งอาจมีวิวัฒนาการไปสู่การสูญเสีย pitchers อย่างที่เกิดขึ้นในพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารอื่นๆหรือไม่ ทีมจึงถ่ายภาพเอาไว้ขณะดึงกลุ่มตะไคร่น้ำออกจากฐานต้นไม้และเผยให้เห็นพวงเหยือกที่
มีสีน้ำตาลแดงเข้มอยู่ในดิน เมื่อพวกเขาผ่าเหยือกของตัวอย่างบางเหยือกยังพบว่ามีลูกยุง ไส้เดือนฝอย แม้แต่หนอนสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทางวิทยาศาสตร์อยู่ในนั้น
ทีมอธิบายว่า N. pudica เป็นต้นเหยือกที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารชนิดอื่นคือการที่มันวางกับดักรูปเหยือกสำหรับเหยื่อนี่เอง กล่าวคือ โดยปกติพืชเหยือกจะผลิตท่อกลวงที่มีโพรงอยู่เหนือพื้นดินทั้งที่ผิวดินหรือบนต้นไม้ โดยที่พื้นผิวด้านในจะลื่น ทำให้แมลงที่เดินเข้าไปจะปีนกลับออกมาได้ยาก เมื่อติดอยู่ที่ด้านล่างของโพรง แมลงจะจมน้ำตายและถูกละลายในน้ำย่อยอาหาร แต่สำหรับ N. pudica มันก็ไม่ได้คิดค้นอะไรใหม่ แค่ทำอย่างที่พืชเหยือกทั่วไปทำเพียงแต่เปลี่ยนทิวทัศน์เท่านั้น
ในขณะที่พืชกินเนื้อชนิดอื่นในสกุลต่างๆ เป็นที่รู้กันว่าวางกับดักไว้ใต้ดิน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่พบว่าสปีชีส์ที่มี pitchers ถูกพบว่าทำเช่นเดียวกัน
โดยรวมแล้ว ทีมวิจัยพบและตรวจสอบ N. pudica 17 ต้น ซึ่งหลายต้นแสดงสัญญาณของการย่อยเหยื่อภายในตัวพวกมัน
ไม่ชัดเจนว่าทำไมสายพันธุ์นี้จึงตัดสินใจลงไปใต้ดินขณะที่สายพันธุ์ใกล้เคียงชอบอาบแดด นักวิจัยสันนิษฐานว่าบางทีระดับความสูงอาจมีบทบาท เป็นไปได้ว่าเมื่อพืชเติบโตที่ระดับความสูงเกิน 1,100 เมตร (3,600 ฟุต) เหนือระดับน้ำทะเล มันอาจปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในโพรงใต้ดินเพราะเปียกกว่าเหนือพื้นดิน ซึ่งมีโอกาสมากขึ้นสำหรับการหาอาหารในช่วงเวลาที่แห้งแล้ง
Wewin Tjiasmanto ผู้ช่วยการค้นพบสายพันธุ์ใหม่จากกลุ่มอนุรักษ์ Yayasan Konservasi Biota Lahan Basah ในเมืองสุราบายากล่าวว่า เขาหวังว่า การค้นพบพืชกินเนื้อที่มีลักษณะเฉพาะนี้จะช่วยปกป้องป่าฝนในเกาะบอร์เนียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ชะลอการเปลี่ยนป่าที่เก่าแก่ให้กลายเป็นสวนปาล์มน้ำมัน ขณะที่การค้นพบ N.pudica ถือว่ามีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในเกาะบอร์เนียวของชาวอินโดนีเซีย เนื่องจากได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเป็นจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพของโลก และความสมบูรณ์ตามธรรมชาติของป่าฝนในเกาะบอร์เนียว ซึ่งความจำ เป็นในการรักษาระบบนิเวศที่สำคัญนี้ ก็เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพมหาศาลที่ยังไม่ถูกค้นพบ
สำหรับ Nepenthes (หม้อข้าวหม้อแกงลิ) เป็นพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารที่มีมากกว่า 160 ชนิดในวงศ์ Nepenthaceae พืชเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีศูนย์กลางความหลากหลายในเกาะบอร์เนียว สุมาตรา และฟิลิปปินส์ โดยในพื้นที่รอบนอกจะมีสปีชีส์จำนวนไม่มากนักเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงมาดากัสการ์ เซเชลส์ ศรีลังกา อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ ทางตอนใต้ของจีน ออสเตรเลียตะวันออกเฉียงเหนือ และเกาะต่างๆ ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
ต้นของ N.pudica ที่อยู่เหนือพื้นดินแต่ไม่มีเหยือก / Cr.Martin Dančák
ในขณะที่พืชที่กินเนื้อเป็นอาหารส่วนใหญ่ผลิตกับดักของมันอยู่เหนือพื้นดินหรือในน้ำ แต่สำหรับกับดักใต้ดิน จนถึงปัจจุบันมีบันทึกไว้ใน 3 สกุลคือ Genlisea, Philcoxia rhizomatosa (Plantaginaceae) และ Utricularia L. (Lentibulariaceae) เท่านั้น ซึ่งมีกลไกการดักจับที่แตกต่างกันสามแบบ
ภาพซ้ายคือ Genlisea แสดงกับดักใต้ดินที่สร้างจากใบรูปตัว "Y" มันไม่มีราก และโครงสร้างสีเขียวเป็นลำต้น
ภาพขวาคือ Utricularia แสดงลำต้นใต้ดินพร้อมกับดักดูดที่สร้างจากใบ มันไม่มีรากเช่นกัน และโครงสร้างสีเขียวเป็นลำต้น
Philcoxia minensis จากป่าในเมือง Minas Gerais ประเทศบราซิล มันใช้กับดักเหนียวเพื่อจับและกินไส้เดือนฝอยใต้ดิน
Cr.
http://www.sci-news.com/biology/nepenthes-pudica-10956.html
Cr.
https://edition.cnn.com/2022/07/01/world/carnivorous-plant-lives-underground-discovered-scn/index.html /Katie Hunt
Cr.
https://www.zmescience.com/science/news-science/biologists-find-new-carnivorous-plant-that-traps-prey-underground/ Tibi Puiu
Cr.
https://www.ctvnews.ca/sci-tech/carnivorous-plant-that-traps-prey-underground-is-the-1st-of-its-kind-to-be-discovered-1.5971243
Cr.
https://www.sciencealert.com/this-plant-lurks-underground-to-trap-prey-in-a-way-we-ve-never-seen-before /PETER DOCKRILL
Cr.
https://www.sciencedaily.com/releases/2022/06/220629121203.htm
Cr.
https://phytokeys.pensoft.net/article/82872/element/7/0/Nepenthes%20pudica/
Cr.
https://blog.pensoft.net/2022/06/29/underground-carnivore-the-first-species-of-pitcher-plant-to-dine-on-subterranean-prey/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
Nepenthes pudica : พืชเหยือกชนิดแรกที่กินเหยื่อใต้ดิน
ในงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร PhytoKeys เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2022 ที่ผ่านมาโดย Dr.Martin Dančák นักพฤกษศาสตร์จากมหาวิทยาลัยPalacký ในเมือง Olomouc สาธารณรัฐเช็ก ระบุว่าค้นพบพืชเหยือกหรือหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่กินเนื้อเป็นอาหารชนิดใหม่ที่ชื่อว่า Nepenthes pudica (Nepenthaceae) ในป่าฝนบนภูเขาตอนล่างของ North Kalimantan บนเกาะบอร์เนียวที่จับเหยื่อในดิน โดยมีใบนำแมลงตัวเล็กๆและเหยื่อขนาดเล็กอื่นๆ ไปสู่โพรงลึกที่เรียกว่า "กับดักหลุมพราง" หรือเหยือก (pitfall trap or pitchers) เพื่อให้ตกลงไปก่อนจะถูกกิน ซึ่งต่างจากพืชเหยือกอื่นๆ รอบๆนั้นที่เติบโตในพื้นที่ชุ่มน้ำกลางแจ้งที่มีแดดจ้า
Dr.Dančák ผู้เขียนนำการศึกษากล่าวว่า เท่าที่วิทยาศาสตร์รู้จัก ไม่มีพืชเหยือกชนิดอื่นที่สามารถจับเหยื่อใต้ดินได้ และพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารที่รู้จักมีเพียงสามกลุ่มเท่านั้นที่อาศัยอยู่ใต้พื้นดิน แต่พวกมันทั้งหมดใช้กลไกการดักจับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และยังต่างจาก Nepenthes pudica ที่สามารถจับแต่สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กได้เท่านั้น โดยพืชเหยือกสายพันธุ์ใหม่นี้จะสร้างยอดใต้ดินพิเศษที่มีใบเล็กสีขาว และเหยือกสีแดงที่มีความยาวสูงสุด 11 ซม.(4.3 นิ้ว) ที่ขนาดใหญ่กว่าใบมากไว้ในโพรงหรือในดินโดยตรงเพื่อดักสัตว์ที่อาศัยอยู่ใต้ดินเช่น มด ไร และแมลงปีกแข็งต่างๆ
Vaclav Cermak จากมหาวิทยาลัย Mendel ในเมือง Brno สาธารณรัฐเช็ก ที่เป็นส่วนหนึ่งของทีมวิจัยกล่าวเสริมว่า โชคมีบทบาทในการค้นพบ โดยเมื่อทีมกำลังสำรวจพืชเหยือกในบริเวณรอบๆ พวกเขาสังเกตเห็นพืชซึ่งมีต้นคล้ายกันแต่ไม่มีเหยือก จากการค้นหาอย่างใกล้ชิดเบื้องต้นพบว่ามีเหยือกผิดรูปยื่นออกมาจากดิน ขณะที่ Lubos Majesky นักวิจัยอีกคนจากมหาวิทยาลัยเดียวกันกับ Dr.Dančák เล่าว่า ในตอนแรก ทุกคนคิดว่าเหยือกของบางต้นอาจถูกฝังโดยไม่ได้ตั้งใจ และสภาพแวดล้อมในท้องถิ่นอาจทำให้พืชลักษณะเดียวกันไม่มีเหยือก
อย่างไรก็ตาม ตลอดทางขึ้นสู่ยอดเขายังคงพบพืชไร้เหยือกต้นอื่นๆ พวกเขาเริ่มสงสัยว่าต้นเหยือกชนิดใดชนิดหนึ่งอาจมีวิวัฒนาการไปสู่การสูญเสีย pitchers อย่างที่เกิดขึ้นในพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารอื่นๆหรือไม่ ทีมจึงถ่ายภาพเอาไว้ขณะดึงกลุ่มตะไคร่น้ำออกจากฐานต้นไม้และเผยให้เห็นพวงเหยือกที่
มีสีน้ำตาลแดงเข้มอยู่ในดิน เมื่อพวกเขาผ่าเหยือกของตัวอย่างบางเหยือกยังพบว่ามีลูกยุง ไส้เดือนฝอย แม้แต่หนอนสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนทางวิทยาศาสตร์อยู่ในนั้น
ทีมอธิบายว่า N. pudica เป็นต้นเหยือกที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด และสิ่งที่ทำให้มันแตกต่างจากพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารชนิดอื่นคือการที่มันวางกับดักรูปเหยือกสำหรับเหยื่อนี่เอง กล่าวคือ โดยปกติพืชเหยือกจะผลิตท่อกลวงที่มีโพรงอยู่เหนือพื้นดินทั้งที่ผิวดินหรือบนต้นไม้ โดยที่พื้นผิวด้านในจะลื่น ทำให้แมลงที่เดินเข้าไปจะปีนกลับออกมาได้ยาก เมื่อติดอยู่ที่ด้านล่างของโพรง แมลงจะจมน้ำตายและถูกละลายในน้ำย่อยอาหาร แต่สำหรับ N. pudica มันก็ไม่ได้คิดค้นอะไรใหม่ แค่ทำอย่างที่พืชเหยือกทั่วไปทำเพียงแต่เปลี่ยนทิวทัศน์เท่านั้น
Wewin Tjiasmanto ผู้ช่วยการค้นพบสายพันธุ์ใหม่จากกลุ่มอนุรักษ์ Yayasan Konservasi Biota Lahan Basah ในเมืองสุราบายากล่าวว่า เขาหวังว่า การค้นพบพืชกินเนื้อที่มีลักษณะเฉพาะนี้จะช่วยปกป้องป่าฝนในเกาะบอร์เนียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการป้องกันหรืออย่างน้อยก็ชะลอการเปลี่ยนป่าที่เก่าแก่ให้กลายเป็นสวนปาล์มน้ำมัน ขณะที่การค้นพบ N.pudica ถือว่ามีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ธรรมชาติในเกาะบอร์เนียวของชาวอินโดนีเซีย เนื่องจากได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเป็นจุดที่มีความหลากหลายทางชีวภาพของโลก และความสมบูรณ์ตามธรรมชาติของป่าฝนในเกาะบอร์เนียว ซึ่งความจำ เป็นในการรักษาระบบนิเวศที่สำคัญนี้ ก็เพื่อความหลากหลายทางชีวภาพมหาศาลที่ยังไม่ถูกค้นพบ
สำหรับ Nepenthes (หม้อข้าวหม้อแกงลิ) เป็นพืชที่กินเนื้อเป็นอาหารที่มีมากกว่า 160 ชนิดในวงศ์ Nepenthaceae พืชเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วไปในเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีศูนย์กลางความหลากหลายในเกาะบอร์เนียว สุมาตรา และฟิลิปปินส์ โดยในพื้นที่รอบนอกจะมีสปีชีส์จำนวนไม่มากนักเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงมาดากัสการ์ เซเชลส์ ศรีลังกา อินเดียตะวันออกเฉียงเหนือ ทางตอนใต้ของจีน ออสเตรเลียตะวันออกเฉียงเหนือ และเกาะต่างๆ ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก
Cr.http://www.sci-news.com/biology/nepenthes-pudica-10956.html
Cr.https://edition.cnn.com/2022/07/01/world/carnivorous-plant-lives-underground-discovered-scn/index.html /Katie Hunt
Cr.https://www.zmescience.com/science/news-science/biologists-find-new-carnivorous-plant-that-traps-prey-underground/ Tibi Puiu
Cr.https://www.ctvnews.ca/sci-tech/carnivorous-plant-that-traps-prey-underground-is-the-1st-of-its-kind-to-be-discovered-1.5971243
Cr.https://www.sciencealert.com/this-plant-lurks-underground-to-trap-prey-in-a-way-we-ve-never-seen-before /PETER DOCKRILL
Cr.https://www.sciencedaily.com/releases/2022/06/220629121203.htm
Cr.https://phytokeys.pensoft.net/article/82872/element/7/0/Nepenthes%20pudica/
Cr.https://blog.pensoft.net/2022/06/29/underground-carnivore-the-first-species-of-pitcher-plant-to-dine-on-subterranean-prey/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)