https://84000.org/tipitaka/read/?22/281/317
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๑๐. มหานามสูตร
[๒๘๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล เจ้าศากยะ พระนามว่ามหานามะ
ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวก
ผู้ได้บรรลุผล ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมชนิดไหนเป็นส่วน
มาก พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผลทราบชัดพระศาสนาแล้ว
ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก คือ อริยสาวกในพระศาสนานี้
ย่อมระลึกถึงพระตถาคตเนืองๆ ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ (อิติปิ โส)
พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
- เป็นพระอรหันต์ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-1..เป็นต้น
- ตรัสรู้เองโดยชอบ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-2..เป็นต้น
- ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-3..เป็นต้น
- เสด็จไปดีแล้ว <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-4..เป็นต้น
- ทรงรู้แจ้งโลก <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-5..เป็นต้น
- เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-6..เป็นต้น
- เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-7..เป็นต้น
- เป็นผู้เบิกบานแล้ว <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-8..เป็นต้น
- เป็นผู้จำแนกธรรม <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-9..เป็นต้น
ดูกรมหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระตถาคตเนืองๆ
สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม
ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไป
ตรงเพราะปรารภพระตถาคต ย่อมได้ความทราบซึ้งอรรถ ย่อมได้ความทราบซึ้งธรรม
ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม เมื่อปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ
เมื่อมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้วย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข
จิตย่อมตั้งมั่น
ดูกรมหานามะ นี้อาตมภาพกล่าวว่า อริยสาวกเป็นผู้ถึงความสงบเรียบร้อยอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังไม่สงบเรียบร้อย
เป็นผู้ไม่มีความพยาบาทอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังมีความพยาบาท เป็นผู้ถึงพร้อมกระแสธรรม ย่อมเจริญพุทธานุสสติ ฯ
เห็นด้วยกับท่านอาจารย์..ในส่วนนี้ => " นักแปล..ก็คือนักแปล.. ต่างจากนักธรรม "...(นอกนั้นไม่เห็นด้วย..จริงๆ)
https://84000.org/tipitaka/read/?22/281/317
พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
๑๐. มหานามสูตร
[๒๘๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล เจ้าศากยะ พระนามว่ามหานามะ
ได้เสด็จเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อริยสาวก
ผู้ได้บรรลุผล ทราบชัดพระศาสนาแล้ว ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมชนิดไหนเป็นส่วน
มาก พระเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมหานามะ อริยสาวกผู้ได้บรรลุผลทราบชัดพระศาสนาแล้ว
ย่อมอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้เป็นส่วนมาก คือ อริยสาวกในพระศาสนานี้
ย่อมระลึกถึงพระตถาคตเนืองๆ ว่า
แม้เพราะเหตุนี้ๆ (อิติปิ โส)
พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น
- เป็นพระอรหันต์ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-1..เป็นต้น
- ตรัสรู้เองโดยชอบ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-2..เป็นต้น
- ทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-3..เป็นต้น
- เสด็จไปดีแล้ว <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-4..เป็นต้น
- ทรงรู้แจ้งโลก <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-5..เป็นต้น
- เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-6..เป็นต้น
- เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-7..เป็นต้น
- เป็นผู้เบิกบานแล้ว <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-8..เป็นต้น
- เป็นผู้จำแนกธรรม <===นี่หละ..แม้นเพราะเหตุนี้..เหตุที่-9..เป็นต้น
ดูกรมหานามะ สมัยใด อริยสาวกย่อมระลึกถึงพระตถาคตเนืองๆ
สมัยนั้น จิตของอริยสาวกนั้น ย่อมไม่ถูกราคะกลุ้มรุม ไม่ถูกโทสะกลุ้มรุม
ไม่ถูกโมหะกลุ้มรุม ย่อมเป็นจิตดำเนินไปตรงทีเดียว ก็อริยสาวกผู้มีจิตดำเนินไป
ตรงเพราะปรารภพระตถาคต ย่อมได้ความทราบซึ้งอรรถ ย่อมได้ความทราบซึ้งธรรม
ย่อมได้ความปราโมทย์อันประกอบด้วยธรรม เมื่อปราโมทย์แล้ว ย่อมเกิดปีติ
เมื่อมีใจประกอบด้วยปีติ กายย่อมสงบ ผู้มีกายสงบแล้วย่อมเสวยสุข เมื่อมีสุข
จิตย่อมตั้งมั่น
ดูกรมหานามะ นี้อาตมภาพกล่าวว่า อริยสาวกเป็นผู้ถึงความสงบเรียบร้อยอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังไม่สงบเรียบร้อย
เป็นผู้ไม่มีความพยาบาทอยู่ ในเมื่อหมู่สัตว์ยังมีความพยาบาท เป็นผู้ถึงพร้อมกระแสธรรม ย่อมเจริญพุทธานุสสติ ฯ