JJNY : ติดเชื้อ 2,508 เสียชีวิต17│รถทัวร์เส้นอุทัยฯ-กทม.หยุดวิ่ง│'จาตุรนต์'ติงวิษณุพูดเข้ารกเข้าพง│จีนบอกนาโตหยุดใส่ร้าย

โควิดวันนี้ติดเชื้อ 2,508 ราย เสียชีวิต 17 ราย หายป่วย 1,883 ราย
https://www.dailynews.co.th/news/1208419/
 
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 17 ราย ขณะที่มีจำนวนผู้ป่วยใหม่วันนี้เพิ่มอีก 2,508 ราย กำลังรักษา 24,723 ราย
 
 
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 2 ก.ค. 65 มีจำนวนผู้ป่วยใหม่ 2,508 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 2,508 ราย ผู้ป่วยจากต่างประเทศ 0 ราย ผู้ป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,304,342 ราย หายป่วยกลับบ้าน 1,883 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,303,879 ราย กำลังรักษา 24,723 ราย เสียชีวิต 17 ราย เสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 8,983 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 675 ราย
 


ไม่ไหวอยู่ดี! รถทัวร์เส้นอุทัยฯ-กทม.หยุดวิ่ง แม้ขนส่งไฟเขียวขึ้นค่าโดยสาร
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/298970

แม้ว่าขนส่งจะไฟเขียวให้ขึ้นค่าโดยสาร 5 สตางค์ต่อกิโลเมตร มีผล 4 กรกฎาคมนี้ แต่วันนี้ ก็ยังมีรถโดยสารหยุดวิ่ง เพราะสู้ราคาน้ำมันไม่ไหว
 
ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุทัยธานี รถโดยสารเส้นทางที่วิ่งเข้ากรุงเทพฯ ทั้ง รถทัวร์ และรถปรับอากาศ หยุดวิ่งทั้งหมด ส่วนรถตู้ ที่เดิมเคยมีวิ่ง 30 คัน วันนี้ลดเหลือเพียงวันละ 10 – 15 คัน เท่านั้น ส่วนรถโดยสารที่วิ่งระหว่างอำเภอ จากเดิมใช้รถบัสวิ่ง ก็เปลี่ยนเป็นรถสองแถววิ่งแทน และลดเที่ยววิ่งลงด้วย เนื่องจากในแต่ละวันผู้โดยสารเดินทางกันน้อย ไม่คุ้มค่าน้ำมัน ถึงขนส่งจะให้ขึ้นค่าโดยสาร 5 สตางค์ต่อกิโลเมตร ก็ยังไม่คุ้มทุน ส่งผลผู้โดยสารที่จะเดินทาง ต้องใชเวลารอรถนานมาก
 
ขณะที่วันนี้เป็นวันแรก การยกเลิกไทยแลนด์พาส ส่งผลนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศคึกคัก ขณะที่การท่าอากาศยาน นำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าบริหารจัดการสนามบินเต็มรูปแบบ โดยที่เห็นเป็นเครื่องเช็กอินอัตโนมัติ ที่ผู้โดยสารสามารถเช็คอินได้ด้วยตัวเอง แก้ปัญหาผู้โดยสารแออัดหน้าเคาเตอร์เช็คอิน พร้อมติดตั้งระบบ AOT DIGITAL AIRPORTS นำเทคโนโลยีมาช่วยวิเคราะห์ และแจ้งเตือนผู้โดยสาร ตั้งแต่การจองที่จอดรถ ตรวจสอบเที่ยวบิน การติดตามสถานะกระเป๋าเดินทาง รวมถึงจองรถ TAXI ครอบคุมสนามบิน 6 แห่ง เพื่อรองรับการเดินทางหลังเปิดประเทศเต็มรูปแบบ
 
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/nJzXOQBeH38

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


'จาตุรนต์' ติง 'วิษณุ' พูดเข้ารกเข้าพง ปม สมช.เข้าแก้ปัญหาของแพง-เงินเฟ้อ ชี้ยิ่งซ้ำเติมหนัก
https://www.matichon.co.th/politics/news_3430877
 
‘จาตุรนต์’ ส่ายหน้า ‘วิษณุ’ แจงปม สมช.แก้ปัญหาพลังงาน-เงินเฟ้อ เลอะเทอะ เข้ารกเข้าพง ห่วงยิ่งไม่ช่วยแถมซ้ำเติมหนักขึ้น
 
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำสัมภาษณ์ของ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ถึงการที่นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้สภาความมั่นคงแห่งชาติเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แม้ภายหลังเลขาฯสมช.จะออกมาชี้แจงเป็นเพียงผู้ประสานงานคอยอำนวยความสะดวกว่า
 
รองนายกฯวิษณุ มาแบบศรีธนญชัยอีกแล้ว ที่เฉไฉว่า “เขาไม่ได้ให้เลขาฯสมช.มาแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพียงแต่ให้มาวางโครงสร้างการทำงาน…” แต่ผมฟังการชี้แจงของเลขาฯสมช.เรื่องการแก้ปัญหาพลังงาน เงินเฟ้อ ของแพงแล้ว จะเห็นว่า สมช.กำลังวางตัวเองเป็นผู้ดูแลการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งหมด ไม่ใช่แค่จัดประชุม เพราะตอบปัญหาต่างๆ เป็นฉากๆ ไปหมด ทั้งๆ ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจและไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการแก้ปัญหาเศรษฐกิจเลย
 
ส่วนที่บอกว่า “เป็นเพราะเรื่องพลังงานไม่จำเป็นต้องใช้โครงสร้างอะไร มีกระทรวงพลังงานจัดการอยู่ แต่ปัจจุบันพบว่ามีการกระทบกับราคาสินค้าซึ่งเป็นเรื่องของกระทรวงพาณิชย์ กระทบกับผู้บริโภค และหลายภาคส่วน จึงต้องวางโครงสร้างเพื่อบูรณาการใหม่ ตรงนี้ต้องใช้อำนาจของ สมช.ดำเนินการ” ก็เป็นการชี้แจงที่ผิดอย่างแรง เพราะการวางโครงสร้างการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ใช่หน้าที่กงการอะไรของ สมช. รองวิษณุชี้แจงแบบนี้ยิ่งทำให้การแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้เข้ารกเข้าพงหนักเข้าไปอีก ไม่มีทางแก้ปัญหาได้
 
การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานนั้น หน่วยงานที่เป็นหลักควรจะเป็นกระทรวงการคลังกับสภาพัฒน์ จะให้ใครเป็นฝ่ายเลขาฯก็แล้วแต่ประเด็นปัญหา ไม่ใช่ สมช.แน่นอน การที่นายกฯมอบ สมช.แบบนี้เพราะคุ้นเคยกับการเป็นทหารที่ถนัดที่จะใช้งานหน่วยงานด้านความมั่นคง ซึ่งนอกจากแก้ปัญหาที่เผชิญหน้าอยู่ไม่ได้แล้ว ยังจะทำให้นักลงทุนทั้งในประเทศและจากต่างประเทศขาดความเชื่อถือกระทบต่อการลงทุนและจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาวด้วย เรื่องนี้ถึงที่สุดแล้วปัญหาอยู่ที่นายกฯ แต่แทนที่รองฯวิษณุซึ่งเข้าใจระบบราชการดีอยู่แล้วจะทักท้วง กลับยุส่งให้เลอะเทอะไปกันใหญ่
 
ส่วนการที่รองฯวิษณุอ้างถึงการให้ สมช.ทำเรื่องโควิดนั้น ความจริงเป็นการยกตัวอย่างถึงความผิดพลาดอย่างมากของรัฐบาล การที่ใช้ สมช.เป็นหลักในการรับมือกับสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ขาดการให้ความสำคัญกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้เศรษฐกิจเสียหายไปมากกว่าที่จำเป็น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่