เป็นคนที่ครอบครัวไม่ต้องการ

กระทู้คำถาม
ตามหัวข้อเลยค่ะ เราเป็นคนที่ครอบครัวไม่ต้องการ

เราเป็นพี่สาวคนโตของบ้าน เป็นคนดูแลยาย แม่พิการ น้องชาย ตอนเราเป็นเด็กเราเกเร เรียนไม่จบ ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยตอดเพื่อนจนอายุ 18 ปีค่อยมาเริ่มคิดได้เพราะเห็นยายแก่มากๆ เราเริ่มหางานทำ สมัยนั้นจำได้ดีออกบูทขายซิมทูรมูฟรายได้ดีมากๆ ทำงานมาได้เท่าไหร่ให้ยายหมดทุกบาท ขอยายไปทำงานวันละ 60 บาท จนอายุ 22 ได้เจอแฟนตำรวจนายสิบอายุเท่ากัน เราย้ายงานจากขายซิมมาขายบัตรเครดิต และเป็นร้านขายลอดช่องวัดเจษฯทำคู่กันไปกับงานโดยมีแฟนเราเป็นคนช่วย บ้านเราตอนนั้นเป็นบ้านไม้สองชั้นผุพังอยู่ได้แค่ชั้น 1 เพราะชั้น 2 ปลวกกินไม่สามารถขึ้นไปได้ เราออกมาเช่าคอนโดอยู่กับแฟนใกล้ๆโรงพักที่เขาทำงาน วันนึงเราเอากับข้าวไปส่งยายที่บ้าน วันนั้นเป็นวันที่อากาศร้อนมากกกกกกกกๆๆๆ ยายนั่งถอดเสื้อเอาผ้าชุบน้ำพาดคอไว้ให้เย็นขึ้น แม่เรานอนร้องเพราะร้อนมากๆ ใจเราตอนนั้นคิดสงสารมาก ตัวเรานอนห้องแอร์สบายคนที่บ้านนอนร้อนลำบาก เราเลยตัดสินใจกู้เงินมาก้อนนึงทำบ้านใหม่ให้ยาย ทุบหลังเก่าทิ้ง ทำใหม่อย่างดี หมดไปเกือบๆล้าน ติดแอร์ทุกห้อง ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ทุกชิ้น ซื้อทีวี 55 นิ้วจอใหญ่ๆให้ทุกห้องในบ้าน วันที่บ้านเสร็จเราภูมิใจมากดีใจจนน้ำตาไหลที่เห็นยายเห็นทุกคนในบ้านมีความสุข เหมือนทุกอย่างจะดี ผ่านไปได้ 2 ปี แฟนเราเกิดอุบัติเหตุขณะทำงานเสียชีวิตในหน้าที่ หลังจากเสร็จพิธีทางศาสนาทุกอย่างเราขนของออกจากคอนโดย้ายกลับบ้าน โดยมีเงินติดตัวมากพอจำนวนนึงที่ได้จากเงินสหกรณ์ตำรวจของแฟนช่วงครึ่งปีแรกหลังแฟนเสียเราจมอยู่กับความทุกข์ไม่ออกไปไหน วันๆร้องไห้อย่างเดียว หลังแฟนเราเสียชีวิตได้ครึ่งปีหลัง เราเริ่มทำใจได้เริ่มออกมาใช้ชีวิตออกมาหางานทำ ตอนนั้นญาติพี่น้องลุงป้าน้าอาทุกคนรู้ว่าเรามีเงิน แวะเวียนเข้ามาหาเรายืมเงินเราบ่อยๆครั้งจนเงินเริ่มหมด โดยที่ไม่มีใครยืมไปแล้วคืนเลยสักคน แต่ละคนยืมยอดหลักแสน จนเราแทบไม่เหลือแล้ว เริ่มมีการทเกทวงไปฟาญาติๆ แทบไม่มีใครตอบเรามาเลย ถึงตอบก็บอกไม่มี ญาติพี่น้องเริ่มมองหน้ากันไม่ติด  เราเลยตัดสินใจไม่ทวงไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ก็ไม่มีใครสนใจเราอีกเลย ขนาดไม่สบายหนักต้องผ่าหลัง ยังต้องไปคนเดียว นอนอยู่โรงพยาบาลคนเดียว วันออกจากโรงพยาบาลขอให้ใครช่วยไปรับไม่มีใครมาเลย เราต้องนั่งแท็กซี่กลับเองทั้งน้ำตา รู้สึกน้อยใจมากๆที่ไม่มีใครเห็นความสำคัญของเรานอกจากเงิน เวลาผ่านไปเราเริ่มรู้สึกขึ้นทุกวันเหมือนเราเป็นส่วนเกิน ลุงกับน้าที่เป็นลูกชายยาย มารับยายไปเที่ยวทะเล เที่ยวต่างจังหวัด โดยไม่เคยมีใครชวนเราเลยสักครั้ง เมื่อปี 2563เราได้ลงเล่นแชร์กับคนรู้จักคนนึง เราได้ดอกแชร์ที่มากทำให้เรากลับมามีเงินอีกครั้ง เราซื้อทองให้ยายแม่น้องชายทุกคนใส่ พากินข้าวนอกบ้านแทบทุกวัน ซื้อทุกอย่างที่จะทำให้ยายกับแม่สบาย ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราทำงานส่งน้องชายเรียนจนจบปริญญา และแล้วโชคก็ไม่เข้าข้างเราอีกต่อไป เราโดนโกงแชร์ยอดเป็นล้านๆ เราแทบหมดตัว ทองที่เรามีก็เอาออกมาขายจนหมดญาติพี่น้ องเริ่มถอยออกห่าง มีที่ดินที่เราซื้อให้ยายท่ต่างจังหวัดเราขอให้ยายขายมาช่วยเราใช้หนี้ ปัญหาเริ่มตามมา ลูกๆยายพากะนรุมด่าเราว่าเราขายสมบัติยายทั้งที่เงินเราเป็นคนไปซื้อคืนจากนายทุนมา ทุกคนด่าประจานเรา เอาเราไปเล่าให้รอบบ้านฟังเสียๆหายๆว่าเราล้างผลาญ เราเลวอย่างนั้นนี้ ผ่านมาเป็นปีๆเราอยู่กับความคิดกับคำด่าคำดูถูกมาตลอด จนถึงวันนี้ทุกคนก็ยังคงด่าประนามเราเช่นเดิม เราเป็นคน ยิ้มที่ทำบ้านให้ทุกคนอยู่สบาย เราเป็นคน ยิ้มที่ซื้อบ้านคืนจากธนาคารได้ เราเป็นคน ยิ้มท่ส่งน้องเรียนจนจบ เป็นคน ยิ้มที่หาเลี้ยงดูยายมาตลอด แต่คนอื่นด่าเราแต่ไม่มีใครทำได้แบบเราสักคน เราเลยรู้สึกเป็นส่วนเกินของครอบครัว อีกอย่าง ยายเราเองก็ชอบเอาเราไปเล่าให้ลูกเชาฟังเวลาเรากลับดึกๆหรือทำไรผิดพลาด แบบไม่เข้าข้างหรือพูดดีๆกับเราเลย ยิ่งทำให้คนอื่นๆเกียจเรา ตอนนี้เราแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว นอนร้องไห้ทุกวัน อยู่กับความทุกข์ อยู่กับคำด่า เหนื่อยมากๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่