ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะ ว่าในที่แรกทริปที่กำลังจะเล่านี้ ตอนแรกไม่ได้จะไปหัวหินแต่อย่างใด เหตุมันเกิดมาจาก เพื่อนของจขกท.คนนึง โพสสตอรี่ไอจีว่าอยากไปเที่ยวที่ปิล็อก จ.กาญจนบุรี จัง แล้วก่อนหน้านี้มาปรึกษาเราเรื่องจะเที่ยวคนเดียว ทางนี้ก็หนุนเพื่อนเต็มที่ เอาเลยเพื่อนนน ไปเลย
สักพัก ไปๆมาๆ ก็เกิดบทสนทนาดังรูปด้านล่างนี้....

เดี๋ยวก่อนนะ.. ทำไมอยู่ๆชวน แล้วทำไมอยู่ๆเราก็ตอบตกลงแบบงงๆ เลยกลายเป็นปุบปับทริปที่นัดวันอาทิตย์ แต่ไปวันศุกร์กันเฉยยย
(แต่ถ้าใครเคยจองไปเที่ยวปิล็อกก็น่าจะทราบกันใช่ไหมคะ ว่ามันปุบปับไม่ได้ เพราะที่พักจะเต็ม ซึ่งแน่นอนค่ะ เพื่อนโทรไปเต็มหมด ไม่เหลืออะไรเลยยย) จนไปๆมาๆ ก็เลยอะ งั้นไปง่ายๆฉบับคนไม่มีรถจะไปได้ละกัน เพราะทั้งเราและเพื่อนต่างก็ขับรถไม่เป็น มอเตอร์ไซต์ก็ไม่ได้ เลยเหลือตัวเลือกไม่กี่ที่ และแล้ว...หัวหินก็เป็นจุดหมายปลายทางของเรา 2 คน นั่นเองงง
ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางของพวกเราค่ะ จะบอกว่าความโนแพลน ความกะทันหันใดๆ ทำให้เราเถียงว่าจะเดินทางยังไง จนถึงตีสองก่อนวันเดินทางเลยค่ะ
เพราะตอนแรกว่าจะไปด้วยรถไฟ แต่รถไฟไปถึงหัวหินก็เวลาสายค่อนข้างมาก เรามีเวลา แค่ 1 คืน จึงทำการค้นหาว่ามันยังมีวิธีการเดินทางอีกทาง คือโดยรถตู้ค่ะ เราทั้งคู่เลือกมารอรถตู้ที่ตรงข้ามฟิวเจอร์ เพื่อที่จะขึ้นรถรอบเช้าสุด 7.00 มาถึง 6.30 ปรากฎว่าา รถรอบแรกเสีย ทำให้ต้องรอรอบ 8 โมงแทน ก็เลยต้องนั่งรอรถตู้แบบใจเย็นนน จน 7.30น. เค้าเรียกขึ้นรถ และ 8 โมงเป๊ะะะ รถก็ได้ออกจากอู่รถตู้พอดีค่ะ เย่ๆๆ


รถตู้ที่เรานั่งไปเป็นรถตู้แบบมินิบัสค่ะ จากการสอบถามข้อมูลกับทางอู่รถตู้ ฝั่งตรงข้ามฟิวเจอร์ รถตู้ 2 รอบ เช้าสุด จะเป็นรถแบบมินิบัส และรอบถัดๆไปจะเป็นรถตู้เล็กค่ะ แต่แอบมีข้อพิจารณาสำหรับคนไม่เคยขึ้นรถมินิบัสแบบเราก็คือ กระเป๋าเดินทางที่เราพกมา จะวางได้ตรงใต้เบาะคนด้านหน้าเท่านั้นค่ะ ไม่มีที่เก็บด้านหลังรถ ถ้าใครพกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาอาจจะลำบากนิดนึงนะคะ (แบบเรา T T) สิริรวม กรุงเทพ-หัวหิน คนละ 200 บาท ค่ะ
...และแล้ว เราก็ได้ถึง หัวหินในเวลาประมาณ 10 โมงนิดๆ ก็ได้ลงรถตรงแถวธนาคารออมสิน และเดินไปเล็กน้อยเพื่อเช็คอินเข้าโรงแรม ทางโรงแรมให้เช็คอินได้ก่อนเวลาค่ะ โรงแรมที่เราพักคือโรงแรมอัสสาสะ คืนละ 700 บาท ถือว่าอยู่ทำเลดีเลยนะคะ อยู่ซอย 61 ใกล้ชายหาด สามารถเดินถึงได้เลย


หลังจากวางข้าวของเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเที่ยว ความไม่มีแพลนอะไรในหัวเลย เลยถามทางเจ้าของโรงแรมว่ามีร้านไหนเด็ดๆบ้าง
ทางเจ้าของโรงแรมก็ได้แนะนำร้านนี้มาค่ะ ร้าน 'ชาวเล' ซึ่งห่างจากโรงแรมของเราไปประมาณ 500 เมตร เราก็ใช้วิธีเดินไปค่ะ

ความมากันสองคน เลยสั่งอะไรมาได้ไม่เยอะ คือสั่งข้าวผัดปู เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ทอดมันกุ้ง และน้ำดื่ม แต่ถึงจะสั่งมาไม่มาก แต่ราคาก็แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย สิริรวม 1100 บาท ค่ะ (แต่ถึงปาดเหงื่อแต่ของเขาอร่อยมากกกกเลยนะ รู้เลยว่ามาแบบสดๆ ปรุงอร่อยด้วยค่ะ)

ร้านชาวเล อยู่ติดทะเลด้วยค่ะ แนะนำว่าให้มาตอนเย็นดีกว่า เพราะสามารถนั่งดูวิวทะเล กินอาหารตรงโต๊ะใกล้ทะเลได้
แต่เรามาตอนเที่ยงที่ร้อนมากกกก ถ้าไปนั่งกินอาจโดนเผาตายก่อนอิ่มค่ะ T T
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ต้องเดินย่อยกันสักหน่อย ลองหาที่เที่ยวแถวนั้น พบว่ามีจุดชมวิวอีกจุดคือสะพานปลา ที่ห่างไป 200 เมตร จากร้านชาวเลค่ะ


สะพานปลา ตามชื่อเลยค่ะ เป็นที่ที่ชาวประมงจะมานำปลาที่จับมา ขึ้นฝั่งที่นี่กัน ซึ่งเป็นอีกจุดฮิตจุดนึงที่เหมาะแก่การดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของหัวหินด้วยค่ะ (แต่แน่นอนเรามาผิดเวลา ใกล้จะโดนพระอาทิตย์เผาแล้วค่ะ)
ข้อดีของการที่เราไม่มีรถมา ก็ดีอย่างนะคะ เพราะระหว่างทางที่เราเดิน เราได้ชมบรรยากาศของบ้านเมืองไปด้วย ซึ่งระหว่างทางเดินกลับไปชายหาดหัวหิน ก็พบแหล่งถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยค่ะ และไม่มีใครเดินแบบเราด้วย มีเดินกันแค่ 2 หน่อ 5555 อยากแนะนำว่าถ้าใครมีเวลาเหลือ เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ เดินไปเรื่อยๆ ก็เพลินไปอีกแบบนะคะ


เดินกลับมาประมาณเกือบ 1 กิโล ก็เจอทางเข้าหาดค่ะ ตอนแรกเรางงมาก ที่เคยมารอบก่อนหัวหินมันต้องมีโขดๆหินสิ ทำไมมีแต่ทะเลลล
(แต่ก็ได้คำตอบในเช้าวันรุ่งขึ้นว่าน้ำมันขึ้นจนไม่เห็นหินค่ะ เพราะตอนเช้าน้ำลงมากกก ความรู้เรื่องน้ำขึ้นน้ำลงก็คือเป็น 0)


แต่อย่างน้อยก็เจอน้องม้า สัญลักษณ์ประจำหัวหินน้าาา
ถ่ายรูปกันไปมาสักพัก เริ่มเมื่อย ความไม่มีแพลนอะไรเลย ร่วมกับเวลาที่ยังเหลืออีกมาก จึงต้องยอมเช่าเสื่อ 40 บาท เพื่อนั่งเล่นมองเหม่อทะเล
การมองทะเลนี่มันก็ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง คลายความเครียดใดๆไปหมดเลย ถึงว่า เค้าว่าคนอกหักชอบมาทะเล เพราะแบบนี้นี่เองงงง
(แต่จขกท.ไม่เคยอกหักเลยค่ะ ไม่ใช่อะไร ยังไม่เคยมีแฟนเลย /ปาดน้ำตา

)
นั่งเล่นได้สัก 3 ชม.ก็เริ่มเบื่อๆแล้ว เลยกลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เพื่อรอเวลาไปเดินตลาดโต้รุ่งในตอนเย็น
ด้วยความที่เรากับเพื่อนเป็นเพื่อนมหาลัยกัน จบมาได้เกือบๆ 2 ปี ก็ได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงในวัยเรียนมาวัยทำงานพร้อมๆกัน
จากวัยเรียนที่สนุก เป็นอิสระ เครียดแค่เรื่องเกรดกับเรื่องส่งการบ้าน กลายมาเป็นวัยทำงานที่ความรับผิดชอบต่างๆในชีวิตเพิ่มขึ้นมากในเวลาไม่นาน
เลยเป็นเหมือนช่วงปรับทุกข์กันเลยค่ะ สาเหตุที่เพื่อนชวนมาเที่ยวแบบปุบปับ ก็เพราะเครียดจากเรื่องงานมาก
แล้วรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองออกจากเรื่องงาน เลยนึกถึงเรื่องเที่ยวขึ้นมา เลยเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาได้ค่ะ
คนเครียดทั้งสอง T T นานๆได้คุยระบายกับเพื่อนก็ทำให้โล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ

เดินจากโรงแรมไป 650 ม. ก็ถึงตลาดโต้รุ่งแล้วค่ะ ที่ตลาดโต้รุ่งมีของกินเยอะมากก ของใช้ก็เยอะ แต่ราคาแอบสูงนิดนึง
แล้วตอนช่วงที่ไปเป็นช่วงที่มีโครงการคนละครึ่งอยู่ แต่ร้านไม่ค่อยรับเลยค่ะ เลยต้องจ่ายราคาเต็มซะส่วนใหญ่
(แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงซื้อกลับมาเกินความจำเป็นอยู่ดี เค้าถึงได้บอก อย่าซื้อของกินตอนหิววว)
เดี๋ยวกลับมาต่อวันที่ 2 ค่ะ
[CR] 'หัวหิน' 2 วัน 1 คืน ฉบับคนไม่มีรถ ไม่มีแผนการเดินทาง ไม่มีอะไรเลยยยย
ขอเกริ่นก่อนเลยค่ะ ว่าในที่แรกทริปที่กำลังจะเล่านี้ ตอนแรกไม่ได้จะไปหัวหินแต่อย่างใด เหตุมันเกิดมาจาก เพื่อนของจขกท.คนนึง โพสสตอรี่ไอจีว่าอยากไปเที่ยวที่ปิล็อก จ.กาญจนบุรี จัง แล้วก่อนหน้านี้มาปรึกษาเราเรื่องจะเที่ยวคนเดียว ทางนี้ก็หนุนเพื่อนเต็มที่ เอาเลยเพื่อนนน ไปเลย
สักพัก ไปๆมาๆ ก็เกิดบทสนทนาดังรูปด้านล่างนี้....
เดี๋ยวก่อนนะ.. ทำไมอยู่ๆชวน แล้วทำไมอยู่ๆเราก็ตอบตกลงแบบงงๆ เลยกลายเป็นปุบปับทริปที่นัดวันอาทิตย์ แต่ไปวันศุกร์กันเฉยยย
(แต่ถ้าใครเคยจองไปเที่ยวปิล็อกก็น่าจะทราบกันใช่ไหมคะ ว่ามันปุบปับไม่ได้ เพราะที่พักจะเต็ม ซึ่งแน่นอนค่ะ เพื่อนโทรไปเต็มหมด ไม่เหลืออะไรเลยยย) จนไปๆมาๆ ก็เลยอะ งั้นไปง่ายๆฉบับคนไม่มีรถจะไปได้ละกัน เพราะทั้งเราและเพื่อนต่างก็ขับรถไม่เป็น มอเตอร์ไซต์ก็ไม่ได้ เลยเหลือตัวเลือกไม่กี่ที่ และแล้ว...หัวหินก็เป็นจุดหมายปลายทางของเรา 2 คน นั่นเองงง
ในที่สุดก็ถึงวันเดินทางของพวกเราค่ะ จะบอกว่าความโนแพลน ความกะทันหันใดๆ ทำให้เราเถียงว่าจะเดินทางยังไง จนถึงตีสองก่อนวันเดินทางเลยค่ะ
เพราะตอนแรกว่าจะไปด้วยรถไฟ แต่รถไฟไปถึงหัวหินก็เวลาสายค่อนข้างมาก เรามีเวลา แค่ 1 คืน จึงทำการค้นหาว่ามันยังมีวิธีการเดินทางอีกทาง คือโดยรถตู้ค่ะ เราทั้งคู่เลือกมารอรถตู้ที่ตรงข้ามฟิวเจอร์ เพื่อที่จะขึ้นรถรอบเช้าสุด 7.00 มาถึง 6.30 ปรากฎว่าา รถรอบแรกเสีย ทำให้ต้องรอรอบ 8 โมงแทน ก็เลยต้องนั่งรอรถตู้แบบใจเย็นนน จน 7.30น. เค้าเรียกขึ้นรถ และ 8 โมงเป๊ะะะ รถก็ได้ออกจากอู่รถตู้พอดีค่ะ เย่ๆๆ
รถตู้ที่เรานั่งไปเป็นรถตู้แบบมินิบัสค่ะ จากการสอบถามข้อมูลกับทางอู่รถตู้ ฝั่งตรงข้ามฟิวเจอร์ รถตู้ 2 รอบ เช้าสุด จะเป็นรถแบบมินิบัส และรอบถัดๆไปจะเป็นรถตู้เล็กค่ะ แต่แอบมีข้อพิจารณาสำหรับคนไม่เคยขึ้นรถมินิบัสแบบเราก็คือ กระเป๋าเดินทางที่เราพกมา จะวางได้ตรงใต้เบาะคนด้านหน้าเท่านั้นค่ะ ไม่มีที่เก็บด้านหลังรถ ถ้าใครพกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่มาอาจจะลำบากนิดนึงนะคะ (แบบเรา T T) สิริรวม กรุงเทพ-หัวหิน คนละ 200 บาท ค่ะ
...และแล้ว เราก็ได้ถึง หัวหินในเวลาประมาณ 10 โมงนิดๆ ก็ได้ลงรถตรงแถวธนาคารออมสิน และเดินไปเล็กน้อยเพื่อเช็คอินเข้าโรงแรม ทางโรงแรมให้เช็คอินได้ก่อนเวลาค่ะ โรงแรมที่เราพักคือโรงแรมอัสสาสะ คืนละ 700 บาท ถือว่าอยู่ทำเลดีเลยนะคะ อยู่ซอย 61 ใกล้ชายหาด สามารถเดินถึงได้เลย
หลังจากวางข้าวของเรียบร้อย ก็ได้เวลาออกเที่ยว ความไม่มีแพลนอะไรในหัวเลย เลยถามทางเจ้าของโรงแรมว่ามีร้านไหนเด็ดๆบ้าง
ทางเจ้าของโรงแรมก็ได้แนะนำร้านนี้มาค่ะ ร้าน 'ชาวเล' ซึ่งห่างจากโรงแรมของเราไปประมาณ 500 เมตร เราก็ใช้วิธีเดินไปค่ะ
ความมากันสองคน เลยสั่งอะไรมาได้ไม่เยอะ คือสั่งข้าวผัดปู เนื้อปูผัดผงกะหรี่ ทอดมันกุ้ง และน้ำดื่ม แต่ถึงจะสั่งมาไม่มาก แต่ราคาก็แอบปาดเหงื่อเล็กน้อย สิริรวม 1100 บาท ค่ะ (แต่ถึงปาดเหงื่อแต่ของเขาอร่อยมากกกกเลยนะ รู้เลยว่ามาแบบสดๆ ปรุงอร่อยด้วยค่ะ)
ร้านชาวเล อยู่ติดทะเลด้วยค่ะ แนะนำว่าให้มาตอนเย็นดีกว่า เพราะสามารถนั่งดูวิวทะเล กินอาหารตรงโต๊ะใกล้ทะเลได้
แต่เรามาตอนเที่ยงที่ร้อนมากกกก ถ้าไปนั่งกินอาจโดนเผาตายก่อนอิ่มค่ะ T T
หลังจากกินอิ่มแล้วก็ต้องเดินย่อยกันสักหน่อย ลองหาที่เที่ยวแถวนั้น พบว่ามีจุดชมวิวอีกจุดคือสะพานปลา ที่ห่างไป 200 เมตร จากร้านชาวเลค่ะ
สะพานปลา ตามชื่อเลยค่ะ เป็นที่ที่ชาวประมงจะมานำปลาที่จับมา ขึ้นฝั่งที่นี่กัน ซึ่งเป็นอีกจุดฮิตจุดนึงที่เหมาะแก่การดูวิวพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าของหัวหินด้วยค่ะ (แต่แน่นอนเรามาผิดเวลา ใกล้จะโดนพระอาทิตย์เผาแล้วค่ะ)
ข้อดีของการที่เราไม่มีรถมา ก็ดีอย่างนะคะ เพราะระหว่างทางที่เราเดิน เราได้ชมบรรยากาศของบ้านเมืองไปด้วย ซึ่งระหว่างทางเดินกลับไปชายหาดหัวหิน ก็พบแหล่งถ่ายรูปสวยๆเยอะเลยค่ะ และไม่มีใครเดินแบบเราด้วย มีเดินกันแค่ 2 หน่อ 5555 อยากแนะนำว่าถ้าใครมีเวลาเหลือ เที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ เดินไปเรื่อยๆ ก็เพลินไปอีกแบบนะคะ
เดินกลับมาประมาณเกือบ 1 กิโล ก็เจอทางเข้าหาดค่ะ ตอนแรกเรางงมาก ที่เคยมารอบก่อนหัวหินมันต้องมีโขดๆหินสิ ทำไมมีแต่ทะเลลล
(แต่ก็ได้คำตอบในเช้าวันรุ่งขึ้นว่าน้ำมันขึ้นจนไม่เห็นหินค่ะ เพราะตอนเช้าน้ำลงมากกก ความรู้เรื่องน้ำขึ้นน้ำลงก็คือเป็น 0)
แต่อย่างน้อยก็เจอน้องม้า สัญลักษณ์ประจำหัวหินน้าาา
ถ่ายรูปกันไปมาสักพัก เริ่มเมื่อย ความไม่มีแพลนอะไรเลย ร่วมกับเวลาที่ยังเหลืออีกมาก จึงต้องยอมเช่าเสื่อ 40 บาท เพื่อนั่งเล่นมองเหม่อทะเล
การมองทะเลนี่มันก็ทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง คลายความเครียดใดๆไปหมดเลย ถึงว่า เค้าว่าคนอกหักชอบมาทะเล เพราะแบบนี้นี่เองงงง
(แต่จขกท.ไม่เคยอกหักเลยค่ะ ไม่ใช่อะไร ยังไม่เคยมีแฟนเลย /ปาดน้ำตา
นั่งเล่นได้สัก 3 ชม.ก็เริ่มเบื่อๆแล้ว เลยกลับโรงแรมไปพักผ่อนก่อนดีกว่า เพื่อรอเวลาไปเดินตลาดโต้รุ่งในตอนเย็น
ด้วยความที่เรากับเพื่อนเป็นเพื่อนมหาลัยกัน จบมาได้เกือบๆ 2 ปี ก็ได้พบเจอกับการเปลี่ยนแปลงในวัยเรียนมาวัยทำงานพร้อมๆกัน
จากวัยเรียนที่สนุก เป็นอิสระ เครียดแค่เรื่องเกรดกับเรื่องส่งการบ้าน กลายมาเป็นวัยทำงานที่ความรับผิดชอบต่างๆในชีวิตเพิ่มขึ้นมากในเวลาไม่นาน
เลยเป็นเหมือนช่วงปรับทุกข์กันเลยค่ะ สาเหตุที่เพื่อนชวนมาเที่ยวแบบปุบปับ ก็เพราะเครียดจากเรื่องงานมาก
แล้วรู้สึกว่าต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองออกจากเรื่องงาน เลยนึกถึงเรื่องเที่ยวขึ้นมา เลยเกิดเป็นทริปนี้ขึ้นมาได้ค่ะ
คนเครียดทั้งสอง T T นานๆได้คุยระบายกับเพื่อนก็ทำให้โล่งใจขึ้นเยอะเลยค่ะ
เดินจากโรงแรมไป 650 ม. ก็ถึงตลาดโต้รุ่งแล้วค่ะ ที่ตลาดโต้รุ่งมีของกินเยอะมากก ของใช้ก็เยอะ แต่ราคาแอบสูงนิดนึง
แล้วตอนช่วงที่ไปเป็นช่วงที่มีโครงการคนละครึ่งอยู่ แต่ร้านไม่ค่อยรับเลยค่ะ เลยต้องจ่ายราคาเต็มซะส่วนใหญ่
(แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงซื้อกลับมาเกินความจำเป็นอยู่ดี เค้าถึงได้บอก อย่าซื้อของกินตอนหิววว)
เดี๋ยวกลับมาต่อวันที่ 2 ค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้