ความรู้ภาษาอังกฤษ "สำหรับคนไทย" (Pt. 6)

Hello, there!

มาต่อกับตอนที่ 6 เลย!!! Let's go!!

1) "Keep" เป็นหนึ่งในกริยาที่สำคัญมากสำหรับผู้เริ่มต้น มันทำให้เราเข้าใจคอนเซปต์ของ verb + "gerund" (กริยา + v-ing) เพราะปกติเรามักจะชินกับการใช้ to เช่น I want to do it. แต่สำหรับกริยา keep นี้ เราต้องตามหลังด้วย gerund หรือ v-ing นั่นเอง เช่น I wanna keep doing it. ในขณะเดียวกันความหมายมันก็แตกต่างกันด้วยนะ I want to do it = ฉันอยากทำมัน แต่ I wanna keep doing it แปลว่า ฉันอยากทำมันต่อไปเรื่อย ๆ

2) วิธีการฝึกภาษาอังกฤษจากการดูซีรีส์มี 2 แบบหลัก ๆ คือ ฝึกฟังอย่างเดียว และฝึกฟังเพื่อเข้าใจ สำหรับการฝึกฟังอย่างเดียว ให้ดูเป็นซีรีส์ที่มีเนื้อเรื่องแต่ละตอนไม่ต่อกัน (ประมาณว่า ตอนใหม่ก็เริ่มประเด็นใหม่ ส่วนมากจะเป็นพวกซิทคอมเช่นพวก Modern Family / Friends / Black Mirror งี้) และสำหรับการฝึกฟังเพื่อเข้าใจก็ให้เรื่องดูเป็นซีรีส์ที่เนื้อหาต่อกัน และมีเนื้อหาที่ค่อนข้างจริงจัง (เช่น Stranger Things / Westworld / Game of Thrones)

3) "Once" แปลว่า หนึ่งครั้ง (one single time) เช่น I talked to her once = ฉันเคยคุยกับเธอแค่ครั้งเดียว แต่จุดที่นักเรียนผิดบ่อย ๆ คือเวลาที่มันถูกใช้เป็น conjunction ในความหมาย ทันทีที่ (as soon as) ซึ่งมักใช้คู่กับ present perfect เช่น Once you've found it, I'll tell you what's next. (ทันทีที่คุณหาเจอผมจะบอกว่าต้องทำไงต่อ)

4) จบเอกอังกฤษทำงานอะไร? คำถามคลาสสิคของคนที่อยากเรียนสายภาษา ต้องบอกความจริงว่าทุกคนที่จบเอกอังกฤษต้องมีสกิลอื่นเสริมเสมอ ถึงจะเอาตัวรอดได้ เก่งแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียวก็ไม่ได้ (แต่เก่งอย่างอื่นแล้วไม่เก่งภาษาอังกฤษเลยก็อาจจะพอรอดได้อยู่ในสังคมไทย) ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษอย่างเดียวแล้วมีงานทำ ก็ต้องมาสาย content creator นี่แหละ แต่สุดท้ายก็ต้องศึกษาสกิล marketing อยู่ดี (แต่บางคนก็มีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่แล้ว!)

5) ทำไมชื่อ Joaqin (คนเล่น the Joker) ถึงอ่านว่า 'วาคีน' (wa-KEEN) หรือให้ตรงจริง ๆ คือ 'ฮวา-คีน' ก็เพราะชื่อเขาเป็นภาษาสเปน และตัว J ในภาษาสเปนมันเป็นเสียง ฮ นกฮูก (h) เลยต้องอ่านชื่อเขาแบบนี้

6) "Oftentimes" ศัพท์สวย ๆ ที่ไม่ค่อยมีชาวต่างชาติใช้ มันแปลว่า on many occasions (หลาย ๆ ครั้ง) เช่น I would oftentimes prefer to work on myself. (ผมมักจะพัฒนาตัวเองอยู่บ่อย ๆ) หรือ The end result is oftentimes not what we expect. (ผลลัพธ์ของมันมักจะไม่เป็นแบบที่เราคาดหวังไว้) คิดง่าย ๆ คือ oftentimes = usually นี่แหละ

7) Palindrome (พาลินโดรม) คือกลุ่มคำศัพท์ที่ไม่ว่าจะเขียนจากข้างหน้าไปข้างหลัง หรือจากหลังไปหน้า ก็จะเป็นคำเดียวกันเสมอ คำนี้ดังขึ้นมาช่วงนั้นเรื่อง "Tenet" เข้าโรง เพราะชื่อเรื่องนี้ก็เป็น palindrome (Tenet = teneT) คำอื่น ๆ ที่เป็น palindrome ที่เราเจอบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวันก็เช่น radar, madam, level, kayak ไรงี้ แบบเป็นประโยคก็มีนะ เช่นประโยค I did, did I? (ฉันทำ ใช่ไหม) ไรงี้ ส่วนมากเราก็ใช้มันเพื่อความสนุกสนาน ความคูล หรือเป็นเกมฝึกสมองไรงี้

8) Because ย่อได้สามแบบ ตามสำเนียงของเรา! สำเนียงอังกฤษมักย่อเป็น 'cos (อ่าน คอซ) ส่วนอเมริกันมักย่อเป็น 'cuz (อ่าน คัส หรือ เขิ่ส) ส่วนแบบสุดท้ายคือแบบที่ standard ที่สุดคือ 'cause นี่เอง สังเกตว่าเวลาเราย่อคำต้องมีสัญลักษณ์ ' อยู่เพื่อบอกว่ามีพยางค์ที่หายไปด้วย

9) "Error" คำนี้จริง ๆ ไม่ได้อ่านว่า แอ-เหรอะ ซะทีเดียวนะ มันอ่านว่า เอะ-เหรอะ แต่พอสระเอะมาเจอตัว R เนี่ย หูของชาวต่างชาติมักจะฟังเป็นสระแอ แต่จริง ๆ แล้วเราออกเป็นสระเอะครับ อีกคำที่ลูกศิษย์อ่านผิดกันทุกคนเลยคือ "Terrible" มันไม่ได้อ่าน เทอรีเบิล หรือแทริเบิล แต่ต้องอ่านว่า "เทะ-หริ-เบิล" โดยใช้สระเอะ อีกคำที่ผิดบ่อยกว่านี้อีกคือ "Many"!!! คำนี้อ่าน เมน-หนิ ไม่ใช่ เม-นี่ หรือ แม-นี่

10) สุดท้ายพูดถึงการละ verb to be ของคนผิวสี (African-American) อาจทำให้หลายคนสับสนได้ เช่นประโยค "She beautiful." หรือ "He a good man." เหล่านี้ถามว่าผิดแกรมมาร์ไหม ก็ผิดอยู่ (จริง ๆ ควรพูดว่า She's beautiful. และ He is a good man.) แต่มันคือวิธีการพูดของเขา ถามว่าเราทำตามได้ไหม? บางคนก็มองว่าหยาบคายนะ (หลายคนเลยแหละ) แต่ถ้าจะทำตามก็ต้องทำให้มัน consistent (สม่ำเสมอ) ไม่ใช่เปลี่ยนสำเนียงแค่ตอนคุยกับคนผิวสี

"ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดในวันนี้ แค่รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
Stay tuned
JGC.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่