จากประสบการณ์ คิดว่าการว่าจ้างทำซอฟแวร์ เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่น น่าจะยากเย็นที่สุดหรือไม่
เพราะค่าจ้างทำนั้นไม่ได้ถูกๆ เป็นหลักแสน หลักล้าน หรือหลักสิบล้าน
แต่หากไปว่าจ้าง Software House ที่ไม่มืออาชีพพอ คือตอนที่เขามาพรีเซนต์ เขาก็พูดแต่ส่วนดี ยกตัวอย่างผลงานที่สวยๆมาให้ดู
แต่คนทั่วๆไป หรือแม้แต่โปรแกรมเมอร์ด้วยกันเอง ยังดูไม่ออกเลยว่า โค้ดเบื้องหลังนั้นเขียนขึ้นมายังไง
ทีนี้ผมลองยกตัวอย่างปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ
1. งานทำไม่เสร็จตาม Timeline เนื่องจากเจอปัญหา (bugs) ที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ทำให้ระยะเวลาที่คาดว่าจะสำเร็จ ถูกยืดออกไป
2. กดดันพนักงาน เนื่องจากเลย Timeline ไปมากแล้ว ลูกค้า(คนว่าจ้าง) เริ่มไม่พอใจ เกิดการต่อว่ามาที่ Software House ทางหัวหน้างาน (หรือเจ้าของบริษัท Software House) จึงขอร้องกึ่งบังคับให้ลูกน้องทำงานส่วนนี้ให้เสร็จ ซึ่งวงการนี้บางทีมีเวลาอย่างเดียวใช่ว่าจะเสร็จ บางทีผ่านไปหลายวันยังหาทางแก้ไม่ได้ก็มี ลูกน้องต้องทำงานดึกๆ ยันเที่ยงคืน หรือโต้รุ่ง สุดท้ายเจ้าตัวทนไม่ไหว ลาออก หรือมีแอบไปสมัครงานใหม่ไว้แล้ว
3. จากข้อเมื่อกี้ งานเข้าเลยสิ ต้องหาคนมาทำแทน แล้วไม่ใช่ว่า คนใหม่ที่มา จะมาสวมทำแทนได้ทันทีนะ ถ้าโค้ดที่คนเก่าเขียนไว้ ไม่รู้ดีหรือไม่ดี หรืออาจจะคนละสไตล์ บางครั้งคนใหม่มาเห็นถึงกับบอกว่า “แบบนี้ ผมขอเขียนใหม่ดีกว่า” (แต่คนเก่ามันเขียนมา 4 เดือนแล้วนะเฮ้ย)
4. จากข้อ 3 สรุปคนใหม่อาจจะยอมเขียนต่อจากโค้ดคนเดิม แต่หลังจากที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีในการทำความเข้าใจโค้ดเก่า และลองเขียนต่อไปได้ 1 เดือน ปรากฎว่า ตูยอมแพ้ดีกว่า ลาออกหรือหางานใหม่โลด ทำไมชั้นต้องมานั่งเขียนต่ออะไรแบบนี้ ไปหาอนาคตใหม่โลด
5. จากข้อ 4 สรุปผ่านไป 5 เดือน ต้องมานั่งลุ้นกันต่อว่าจะหาคนใหม่มาทำแทนได้หรือไม่ ขณะที่ผู้ว่าจ้างกำลังเดือดปุดๆ เพราะเสียค่าจ้างไปหลาย แต่ยังไม่เห็นสัญญาณว่างานจะเสร็จทันเวลา อยากจะด่าผู้รับจ้าง แต่ก็ต้องอดกลั้น เดี๋ยวมันเทตูทั้งบริษัทจะยิ่งแย่นัก งานทุกอย่างอยู่ในกำมือมัน ต้องคอยพูดจาดีๆ (สรุปใครเป็นลูกค้าฟะ)
6. ถึงบางครั้งงานจะส่งมอบงานเรียบร้อย แต่พอให้ประชาชนทั่วไปใช้งานจริง ซึ่งมีหลักพันถึงหลักแสน มี Characters ต่างๆกัน Profile ต่างกัน พฤติกรรมการใช้งานต่างกัน รุ่นมือถือแตกต่างกัน ฯลฯ ก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด หรืออาจสร้างความเสียหายให้บริษัท ก็ต้องมานั่งแก้ไขกันต่อไป หากแก้ได้รวดเร็ว และอุดรูรั่วได้ทั้งหมดก็ดีไป แต่ถ้าไม่...
ครับ อันนี้แค่ลองยกตัวอย่าง แต่ในความเป็นจริงยังอาจติดขัดเรื่องอื่นได้อีก
เลยสงสัยว่า การว่าจ้างวงการอื่นๆเขาซีเรียสกันขนาดนี้ไหมครับ อย่างเช่นการรับเหมาก่อสร้าง ถึงผู้รับเหมาเทงาน แต่อย่างน้อยก็น่าจะเหลือโครงหรืออาจจะสร้างไปแค่ 1 ชั้น จาก 2 เอาเจ้าใหม่มาสวมต่อ ก็น่าจะต่อได้ไหมครับ
หรือพวกทำกราฟิก วาดรูป อันนี้ถึงจะทำไม่เสร็จ แต่ก็สามารถหาคนใหม่มาทำต่อได้อย่างไม่ยากเย็นหรือไม่ (อันนี้พูดแบบคนนอกที่ไม่มีประสบการณ์รับงานพวกนี้นะครับ หากผิดพลาดหรือมองง่ายไปต้องขออภัย)
ขอบคุณครับ
มีการว่าจ้างอะไรบ้าง ที่ผู้ว่าจ้างต้องมีบุญมากพอ งานถึงจะส่งมอบสำเร็จ
เพราะค่าจ้างทำนั้นไม่ได้ถูกๆ เป็นหลักแสน หลักล้าน หรือหลักสิบล้าน
แต่หากไปว่าจ้าง Software House ที่ไม่มืออาชีพพอ คือตอนที่เขามาพรีเซนต์ เขาก็พูดแต่ส่วนดี ยกตัวอย่างผลงานที่สวยๆมาให้ดู
แต่คนทั่วๆไป หรือแม้แต่โปรแกรมเมอร์ด้วยกันเอง ยังดูไม่ออกเลยว่า โค้ดเบื้องหลังนั้นเขียนขึ้นมายังไง
ทีนี้ผมลองยกตัวอย่างปัญหาที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงๆ
1. งานทำไม่เสร็จตาม Timeline เนื่องจากเจอปัญหา (bugs) ที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ ทำให้ระยะเวลาที่คาดว่าจะสำเร็จ ถูกยืดออกไป
2. กดดันพนักงาน เนื่องจากเลย Timeline ไปมากแล้ว ลูกค้า(คนว่าจ้าง) เริ่มไม่พอใจ เกิดการต่อว่ามาที่ Software House ทางหัวหน้างาน (หรือเจ้าของบริษัท Software House) จึงขอร้องกึ่งบังคับให้ลูกน้องทำงานส่วนนี้ให้เสร็จ ซึ่งวงการนี้บางทีมีเวลาอย่างเดียวใช่ว่าจะเสร็จ บางทีผ่านไปหลายวันยังหาทางแก้ไม่ได้ก็มี ลูกน้องต้องทำงานดึกๆ ยันเที่ยงคืน หรือโต้รุ่ง สุดท้ายเจ้าตัวทนไม่ไหว ลาออก หรือมีแอบไปสมัครงานใหม่ไว้แล้ว
3. จากข้อเมื่อกี้ งานเข้าเลยสิ ต้องหาคนมาทำแทน แล้วไม่ใช่ว่า คนใหม่ที่มา จะมาสวมทำแทนได้ทันทีนะ ถ้าโค้ดที่คนเก่าเขียนไว้ ไม่รู้ดีหรือไม่ดี หรืออาจจะคนละสไตล์ บางครั้งคนใหม่มาเห็นถึงกับบอกว่า “แบบนี้ ผมขอเขียนใหม่ดีกว่า” (แต่คนเก่ามันเขียนมา 4 เดือนแล้วนะเฮ้ย)
4. จากข้อ 3 สรุปคนใหม่อาจจะยอมเขียนต่อจากโค้ดคนเดิม แต่หลังจากที่ทุ่มเทพลังทั้งหมดที่มีในการทำความเข้าใจโค้ดเก่า และลองเขียนต่อไปได้ 1 เดือน ปรากฎว่า ตูยอมแพ้ดีกว่า ลาออกหรือหางานใหม่โลด ทำไมชั้นต้องมานั่งเขียนต่ออะไรแบบนี้ ไปหาอนาคตใหม่โลด
5. จากข้อ 4 สรุปผ่านไป 5 เดือน ต้องมานั่งลุ้นกันต่อว่าจะหาคนใหม่มาทำแทนได้หรือไม่ ขณะที่ผู้ว่าจ้างกำลังเดือดปุดๆ เพราะเสียค่าจ้างไปหลาย แต่ยังไม่เห็นสัญญาณว่างานจะเสร็จทันเวลา อยากจะด่าผู้รับจ้าง แต่ก็ต้องอดกลั้น เดี๋ยวมันเทตูทั้งบริษัทจะยิ่งแย่นัก งานทุกอย่างอยู่ในกำมือมัน ต้องคอยพูดจาดีๆ (สรุปใครเป็นลูกค้าฟะ)
6. ถึงบางครั้งงานจะส่งมอบงานเรียบร้อย แต่พอให้ประชาชนทั่วไปใช้งานจริง ซึ่งมีหลักพันถึงหลักแสน มี Characters ต่างๆกัน Profile ต่างกัน พฤติกรรมการใช้งานต่างกัน รุ่นมือถือแตกต่างกัน ฯลฯ ก่อให้เกิดปัญหาที่ไม่คาดคิด หรืออาจสร้างความเสียหายให้บริษัท ก็ต้องมานั่งแก้ไขกันต่อไป หากแก้ได้รวดเร็ว และอุดรูรั่วได้ทั้งหมดก็ดีไป แต่ถ้าไม่...
ครับ อันนี้แค่ลองยกตัวอย่าง แต่ในความเป็นจริงยังอาจติดขัดเรื่องอื่นได้อีก
เลยสงสัยว่า การว่าจ้างวงการอื่นๆเขาซีเรียสกันขนาดนี้ไหมครับ อย่างเช่นการรับเหมาก่อสร้าง ถึงผู้รับเหมาเทงาน แต่อย่างน้อยก็น่าจะเหลือโครงหรืออาจจะสร้างไปแค่ 1 ชั้น จาก 2 เอาเจ้าใหม่มาสวมต่อ ก็น่าจะต่อได้ไหมครับ
หรือพวกทำกราฟิก วาดรูป อันนี้ถึงจะทำไม่เสร็จ แต่ก็สามารถหาคนใหม่มาทำต่อได้อย่างไม่ยากเย็นหรือไม่ (อันนี้พูดแบบคนนอกที่ไม่มีประสบการณ์รับงานพวกนี้นะครับ หากผิดพลาดหรือมองง่ายไปต้องขออภัย)
ขอบคุณครับ