คนในบ้านมองข้ามปัญหาซึมเศร้า

เรื่องเริ่มต้นตั้งเเต่ตอนที่นกเเก้วที่ผมเลี้ยงมันหลุดออกจากกรงไป ตอนนั้นผมกำลังทำความสะอาดกรงนกเเก้วในบ้าน เเต่พี่ชายดันออกไปข้างนอกโดยไม่ปิดประตู เปิดไว้กว้างมากซึ่งผมไม่รู้ตัวเลยว่านกเเก้วผมหลุดไปเมื่อไหร่ ตอนเเรกคิดว่ามันยังอยู่ในบ้านผมก็ตามหาจนทั่ว จนรู้ตัว ผมตื่นตกใจมาก จึงเริ่มออกหาข้างนอกทันที    ผมพยายามหานกเเก้วผมตั้งเเต่เย็นจนถึง2ทุ่ม ณเวลานั้นผมใจเสียมาก คนในครอบครัวไม่มาช่วยออกตามหามันเลยสักคน มีเเค่เพื่อนบ้าน4คนเท่านั้นที่คอยปลอบผมช่วยผมหา

ผมกลับบ้านมาผมถามพี่ชายเลยว่า ทำไมพี่ถึงเปิดประตูทิ้งไว้ เเล้วทำไมไม่มีใครในบ้านออกไปช่วยผมเลย? (ผมอยู่กับเเม่,ป้า,พี่ชาย)เเต่ก็ไม่มีใครพูดสักคน
 
ป้าของผมหัวเราะคิกคัก บอกว่าดวลาผมโกรธเเล้วเหมืนพวกตุ๊ดกระเทย พี่ชายก็โทษผมที่รู้ตัวช้าเอง
ส่วนเเม่ก็ปลอบผมนะ เเต่มันไม่ปลอบเเบบพูดดีๆ เหมือนเเม่ปลอบลูกทั่วไป 

ปัจจุบันผมยังไม่เจอนกเเก้วผม ทุกๆวันที่ผมกลับมาจากการตามหา มักจะมีเเต่ความคิดเชิงลบวนเวียนอยู่ในหัวจนนอนไม่หลับ ผมเลี้ยงเเละรักมันมากๆ จนผมนำเรื่องนี้ไปปรึกษาครู ยังดีที่ครูคอยดูเเล พาผมไปหาจิตเเพทย์ เมื่อผมรู้สึกดีขึ้นเเละเริ่มปล่อยวางความเศร้าได้ 
ปัจจุบันผมยังคงออกตามหานกเเก้วของผมอยู่ ถึงเเม้จะคนที่บ้านจะคอยเอาเเต่บอกว่า ป่านนี้มันคงตายไปเเล้ว เเต่ยังมีครูเเละเพื่อนยังเป็นกำลังให้ผมอยู่
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นความจริงที่ยากจะยอมรับ แต่เราเปลี่ยนใจและท่าทีของคนอื่นไม่ได้ จขกท จะไม่ทุกข์ หากไม่หวังว่าครอบครัวจะเข้าใจความเสียใจ มี empathy อย่างน้อยในเรื่องนี้ ปล่อยให้ทุกคนเป็นอย่างที่เป็น ไม่คาดหวัง ไม่สงสารตัวเอง

มีอีกหลาย ๆ เรื่องที่ดีที่ ครอบครัวทำและมอบให้ จขกท โฟกัสไปที่เรื่องและสิ่งเหล่านั้นค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่