ตามหัวกระทู้เลย ... ประเด็นคือ มีคนพูดว่า
"้ถ้าโค้ชทำดีก็ต้องชม ไม่ดีค่อยกลับมาต่อว่ากันก็ได้ จะได้มีใจที่เป็นธรรม"
(ธงชัย สุขโกกี)
มีความรู้สึกว่าโค้ชไทย อ่านเกมหน้าสนามแล้ววางแผนกันสดๆ
พอเก็บเซ็ทแรกได้ ด้วยการกล้าส่งตัวสำรองวุ้นกับโมเม ลงมาเก็บ 2 คะแนนสุดท้าย
แล้วกล้าปล่อยให้ทีมผสมตัวสำรอง โดยเฉพาะหัวเสาคนใหม่ลงเล่นต่อในเซ็ทที่ 2-3
ถึงแม้จะแพ้ก็ยอมปล่อยให้แต้มขาด เพราะอ่านแล้วว่ากองเชียร์โซเชี่ยลคงไม่ด่าแรงมาก
(เขาคงคิดกันแต่แรกอยู่แล้วว่า โอกาสชนะน้อยมาก)
ระหว่างนั้นก็ศึกษาเกมจีนไป แล้วเสี่ยงเอาน้องเพียวลงในเซ็ทที่ 4 แล้วทำได้
ผมว่ามันเป็นแผนที่ปรับกันหน้างานนะ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเซ็ท 5 เล่นแค่ 15 แต้ม มันมีโอกาสพลิกได้เสมอ
คนที่คิดแผนนี้และทำได้ ก็ต้องมีประสบการณ์ รู้จักนักกีฬาของเราดี รู้คู่แข่งด้วย
ดีไม่ดีว่ากันเป็นแมตช์ๆ ไป ดีก็ควรชม ไม่ดีค่อยกลับมาต่อว่ากัน
"้ถ้าโค้ชทำดีก็ต้องชม ไม่ดีค่อยกลับมาต่อว่ากันก็ได้ จะได้มีใจที่เป็นธรรม"
(ธงชัย สุขโกกี)
มีความรู้สึกว่าโค้ชไทย อ่านเกมหน้าสนามแล้ววางแผนกันสดๆ
พอเก็บเซ็ทแรกได้ ด้วยการกล้าส่งตัวสำรองวุ้นกับโมเม ลงมาเก็บ 2 คะแนนสุดท้าย
แล้วกล้าปล่อยให้ทีมผสมตัวสำรอง โดยเฉพาะหัวเสาคนใหม่ลงเล่นต่อในเซ็ทที่ 2-3
ถึงแม้จะแพ้ก็ยอมปล่อยให้แต้มขาด เพราะอ่านแล้วว่ากองเชียร์โซเชี่ยลคงไม่ด่าแรงมาก
(เขาคงคิดกันแต่แรกอยู่แล้วว่า โอกาสชนะน้อยมาก)
ระหว่างนั้นก็ศึกษาเกมจีนไป แล้วเสี่ยงเอาน้องเพียวลงในเซ็ทที่ 4 แล้วทำได้
ผมว่ามันเป็นแผนที่ปรับกันหน้างานนะ เพราะใครๆ ก็รู้ว่าเซ็ท 5 เล่นแค่ 15 แต้ม มันมีโอกาสพลิกได้เสมอ
คนที่คิดแผนนี้และทำได้ ก็ต้องมีประสบการณ์ รู้จักนักกีฬาของเราดี รู้คู่แข่งด้วย