นี่คือตอนพิเศษขำๆของสารานุกรมปืนแรงบันดาลใจเกิดจากการที่ Marvel Studio มี Animation Series ที่จะมีการนำเสนอคำว่า What If เป็นการเล่าถึงเหตุการณ์คู่ขนานที่ต่างจากภาพยนตร์ในจักรวาลหลักยกตัวอย่างเช่น ถ้า Hawkeye เสียสละตัวเองแทน Black Widow ใน Endgame สำเร็จล่ะ? ผมเลยอยากทำบ้าง
ในจักรวาลคู่ขนานที่มีปืนกลมือทอมป์สันได้รับความนิยมในกองทัพสหรัฐมาตั้งแต่ช่วงต้นยุค 1920s แล้วยังมียอดขายจำนวนมากในอเมริกากลางและใต้ทำให้ทางบริษัทผู้ผลิตมีเงินทุนที่จะวิจัยและพัฒนาปืนไรเฟิลอัตโนมัติตามที่นายพลทอมป์สันตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกในการสร้างปืนกลของเขานำไปให้กองทัพสหรัฐทดสอบพวกเขาไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่เพราะมี BAR อยู่แล้วแต่นาวิกโยธินซื้อมันไปใช้ล็อตแรกเป็นจำนวนมากถึง 10,000 กระบอกนอกจากนี้ยังมียอดขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในเอเชียซึ่งปลายทางก็คือจีนแผ่นดินใหญ่ (มันมีกฎหมายห้ามสหรัฐสาขาอาวุธให้กับจีนโดยตรงเพราะมันเป็นยุคขุนศึกมีสงครามกลางเมือง) จึงต้องใช้ตัวแทนจำหน่ายเป็นประเทศที่ 3 โดยรวมแล้วปืนไรเฟิลอัตโนมัติของทอมป์สันมีการผลิตออกมาทั้งหมด 250,000 กระบอกนับตั้งแต่ปี 1929 จนยุติการผลิตในปี 1945 โดยประเทศผู้ใช้งานหลักมีทั้งหมด 6 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา (ซื้อ 100,000 กระบอกในช่วง WW2) ออสเตรเลีย บราซิล เม็กซิโก สาธารณรัฐจีน (ทั้งก่อนและหลังจากย้ายไปตั้งบนเกาะไต้หวัน) และ ญี่ปุ่น (ประจำการใน JSDF ระหว่างปี 1954-1964)
ซองกระสุนบรรจุ 25 นัด
ระบบปฏิบัติการ Blowback , Blish Lock
โหมดการยิง กึ่งอัตโนมัติ อัตโนมัติแบบช้าอัตราการยิง 500 นัดต่อนาที และ อัตโนมัติแบบเร็วอัตราการยิง 800 นัดต่อนาที
สวัสดีครับ
สารานุกรมปืนตอนที่ 1503 " What if " ตอนที่ 11
ในจักรวาลคู่ขนานที่มีปืนกลมือทอมป์สันได้รับความนิยมในกองทัพสหรัฐมาตั้งแต่ช่วงต้นยุค 1920s แล้วยังมียอดขายจำนวนมากในอเมริกากลางและใต้ทำให้ทางบริษัทผู้ผลิตมีเงินทุนที่จะวิจัยและพัฒนาปืนไรเฟิลอัตโนมัติตามที่นายพลทอมป์สันตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรกในการสร้างปืนกลของเขานำไปให้กองทัพสหรัฐทดสอบพวกเขาไม่ค่อยชอบมันสักเท่าไหร่เพราะมี BAR อยู่แล้วแต่นาวิกโยธินซื้อมันไปใช้ล็อตแรกเป็นจำนวนมากถึง 10,000 กระบอกนอกจากนี้ยังมียอดขายผ่านตัวแทนจำหน่ายในเอเชียซึ่งปลายทางก็คือจีนแผ่นดินใหญ่ (มันมีกฎหมายห้ามสหรัฐสาขาอาวุธให้กับจีนโดยตรงเพราะมันเป็นยุคขุนศึกมีสงครามกลางเมือง) จึงต้องใช้ตัวแทนจำหน่ายเป็นประเทศที่ 3 โดยรวมแล้วปืนไรเฟิลอัตโนมัติของทอมป์สันมีการผลิตออกมาทั้งหมด 250,000 กระบอกนับตั้งแต่ปี 1929 จนยุติการผลิตในปี 1945 โดยประเทศผู้ใช้งานหลักมีทั้งหมด 6 ประเทศได้แก่ สหรัฐอเมริกา (ซื้อ 100,000 กระบอกในช่วง WW2) ออสเตรเลีย บราซิล เม็กซิโก สาธารณรัฐจีน (ทั้งก่อนและหลังจากย้ายไปตั้งบนเกาะไต้หวัน) และ ญี่ปุ่น (ประจำการใน JSDF ระหว่างปี 1954-1964)
ซองกระสุนบรรจุ 25 นัด
ระบบปฏิบัติการ Blowback , Blish Lock
โหมดการยิง กึ่งอัตโนมัติ อัตโนมัติแบบช้าอัตราการยิง 500 นัดต่อนาที และ อัตโนมัติแบบเร็วอัตราการยิง 800 นัดต่อนาที