เย็นวันที่ 1 พ.ค. 2565 ช่วงเวลาราวๆ 18:00-18:30 บรรยากาศโพล้เพล้ ถนนในหมู่บ้าน กว้างแค่พอรถสวนทางกันได้ 2 คัน ไม่มากไปกว่านั้น เป็นเส้นทางที่คดเคี้ยวตามลักษณะหมู่บ้านที่ไม่ได้วางผังมาดีนัก และถนนตัดผ่านหลังจากที่ชุมชนมาตั้งอยู่แล้ว ถนนลาดยางอย่างดี ความเร็วทำไม่ได้มากจากสภาพถนน ผมเองก็คุ้นเคยเส้นนี้เป็นอย่างดี ขับมาด้วยความเร็วที่พอประมาณไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายใดๆ (เต็มที่ก็ไม่เกิน 60)
จากบ้านด้านขวามือ มีสุนัขสองตัววิ่งไล่กัดกันและโผล่ขึ้นถนนอย่างกระชั้นชิด มากจนแม้จะชนยังไม่ทัน เพราะทั้งสองตัวเลยจุดที่ผมขับไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่โล่งอกเปราะหนึ่งสั้นๆ เพราะไม่ชนในสถานการณ์ขั้นนี้ แต่... หนึ่งในสองตัววกตัวกลับและชนเข้าบริเวณล้อหน้าอย่างจัง ทำให้รถมอเตอร์ไซด์ล้มแบบแฉลบไม่เป็นท่า และไถลไปไกลร่วม 10 เมตร
ความรู้สึกไม่ได้ดับลง รู้ตัวอย่างดี แต่ความเจ็บน่าจะอยู่ในระดับที่เคยล้มทั่วไป คือเหมือนจุกๆ คิดว่าพักแป๊บเดียวก็หาย แต่... ลุกไม่ขึ้น มีคนที่เห็นเหตุการณ์ ออกมาช่วยประคองดูและดูอาการ เข็นมอเตอร์ไซด์ที่ล้มไปจอดริมทาง เอายาดมมาแกว่งข้างจมูก และคอยโบกรถให้ เขาคงเห็นอาการไม่ค่อยดีเลยเรียกกู้ภัย ซึ่งมาถึงในเวลาไม่นานนัก และพาตัวไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
เนื่องด้วยความมึน จนไม่รู้ว่าเจ็บตรงส่วนไหนบ้าง ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค(เพราะคิดว่าไปแค่ระยะสั้นๆ) เลยไม่รู้สึกเจ็บมาก (รู้ตัวภายหลังคือน่าจะกระแทกตรงขมับค่อนข้างแรง ผ่านมาเดือนหนึ่ง ยังมีอาการแต่ดีขึ้นเยอะ) แผลถลอกศอกและหัวเข่าทั้งสองข้าง และขยับตัวไม่ได้ คือถ้าฝืนก็จะเจ็บมาก จำได้ว่าเอาตัวขึ้นรถลงรถ ก็เจ็บแปล๊บ ต้องร้องบอก จนท. เพราะเขาไม่อาจจะไม่รู้ ดูอาการจากภายนอกปกติดีมาก
ผ่าน ER จนท.ทำประวัติ และทำแผลภายนอกให้ก่อนและฉีดยาระงับอาการปวด เวรเปลเข็นไปเอ็กซเรย์ ซึ่งขึ้นลงเปลก็ต้องรองอีกรอบ เพราะมีอาการเจ็บมาก (จน จนท. ทราบอาการ จึงใช้แผ่นไสลด์ภายหลัง ซึ่งทำให้การเคลื่อนย้ายกระเทือนน้อยลง) ผลออกมา พยาบาลแจ้ง ไหปลาร้า และซี่โครงจำนวน 4 ซี่หักจากการล้มครั้งนี้
ความรู้สึกแรกคือ กลัวครับ ไม่ต้องการผ่าตัด และอื่นๆ อีกสารพัดที่ต้องเจอหลังจากที่จะช่วยตัวเองไม่ได้เป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน ทางโรงพยาบาลให้นอนดูอาการ เพราะถ้าซี่โครงหัก อาจเกิดการไปทิ่มอภัยวะภายในจนเกิดการบาดเจ็บเพิ่ม ซึ่งในที่นี้คือปอด ถ้าไปทิ่มปอด และมีอาการรั่ว จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ก่อนนอน จนท.ให้เตียงนอนปรับไฟฟ้า และมีอุปกรณ์วัดชีพจร พร้อมปริมาณอ็อกซิเจนในเลือด (หนีบนิ้ว) และทำการฉีดยาแก้ปวดให้ และนอนดูอาการจนเช้า
เช้าวันที่ 1 หลังจากอุบัติเหตุ
ความรู้สึกคือระบมไปทั้งตัว ส่วนหัวเริ่มรับรู้ถึงอาการเจ็บได้มากกว่าเดิม อ้าปากคือเจ็บตรงขมับซ้าย (ลืมลงรายละเอียดครับ ไหปลาร้า และซี่โครงด้านซ้าย) ไม่สามาถขับถ่ายได้ ภรรยาได้เอาผ้าอ้อมผู้ใหญ่มาใส่ให้ เผื่อถ้ามีการขับถ่ายจะได้ไม่เลอะ เพราะตอนนี้ขยับตัวลุกไม่ได้เลย ไม่มีอาการอยากอาหาร ส่วนหนึ่งคือคิดเองว่าถ้าต้องมีการผ่าตัด กรณีปอดรั่วจากการทิ่มของซี่โครง จะได้ทำการผ่าได้ไวขึ้นเพราะงดอาหารมาแล้วเป็นเวลาหนึ่ง ช่วงสายๆ จึงมีพี่เวรเปลมารับตัวไปเอ็กซ์เรย์อีกรอบ พี่เขาขอโทษเรื่องเมื่อวาน เพราะไม่รู้ว่าอาการแย่ เลยทำให้เจ็บ แกเป็นคนอารมณ์ดีครับ ชวนคุยสนุก
บ่าย พยาบาลแจ้งว่าออกได้ครับเพราะไม่มีอาการข้างเคียง ส่วนตัวคือยังช่วยตัวเองไม่ได้แต่ไม่อยากเป็นภาระภรรยามากเกินไป การอยู่โรงพยาบาล เขาต้องดูแลลูก ต้องพ่วงไป-กลับ มาดูช่วงเช้า บ่าย เย็น ซึ่งค่อนข้างไม่สะดวก การอยู่บ้านยังช่วยให้ไม่ต้องเดินทาง และสะดวกในการดูแลด้วย
นัดมี 2 นัด คือ หมอกระดูก จะดูในส่วนไหปลาร้า และหมอศัลยกรรม ดูในส่วนของช่วงอก กระดูกซี่โครง
ยาที่ได้รับมาคือยาแก้ปวดแบบแรง ซึ่งสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เภสัชกร ร้านขายยาบอกว่าไม่สามารถจ่ายยาให้ได้ และแคลเซี่ยม 1000 mg.
การใช้ชีวิต 10 วันแรก
การนอน ถ้านอนแล้ว ไม่สามารถลุกขึ้นเองได้ ต้องใช้สองคนช่วย คนหนึ่งประคองแผ่นหลัง อีกคนออกแรงฉุดแขนขึ้น ส่วนการล้มตัวลงนอนยิ่งลำบากใหญ่ เพราะต้องประคองแผ่นหลังลงให้ได้จังหวะ ถ้าปล่อยช้าไป เร็วไป ก็เจ็บ(มาก) พร้อมกับอีกคนค่อยๆ ปล่อยตัวลง ตรงนี้ลูกชายวัย 8 ขวบทำไม่ได้ จึงอาศัยเครื่องปั่นจักรยานในบ้าน ค่อยๆโหนตัวลงโดยแขนข้างขวาซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแทน
จากการทดลองทำดังกล่าว พบว่าทุลักทุเลมาก และเจ็บมากกว่าเดิมจากการผิดจังหวะ และระหว่างคืน ต้องลุกหลายรอบ เพราะไม่สามารถนอนยาวจนถึงเช้าได้ เลยตัดสินใจไม่นอนในท่านอน แต่ใช้การนั่งบนโซฟาแทนและเอาหมอนมาประกบรอบตัว ซ้าย-ขวา และด้านหลัง ทำเอนเพื่อความสะบายเล็กๆ น้อยๆ เป็นเวลา 10-12 วันได้ ช่วงนี้ทรมานมากครับ เพราะช่วงก้นกบที่รับน้ำหนักตัวทั้งหมดเมื่อยล้า (ลืมบอก ผมค่อนข้างอ้วน สูง 169 หนัก 85) จนต้องตื่น และหลับ เป็นช่วงๆ สลับกันไปทุก 2-4 ชม.
ใครอยากทราบถึงความทรมาน ลองใช้ชีวิตแบบไม่นอน (หมายถึงทำได้แค่นั่ง กับยืน เดิน เท่านั้นนะครับ) ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้มาใช้ชีวิตแบบนี้
หลังจากเริ่มเอนหลังนอนได้บ้างแล้ว ลุกขั้นได้โดยการใช้แขนอีกข้างดึงตัวขึ้นได้ ก็เริ่มนอนพักผ่อนได้ดีขึ้น
ผ่านมา 19 วัน ถึงเวลาหมอกระดูกนัดเพื่อดูอาการไหปลาร้า อาการโดยรวมดีขึ้นมาก แต่แขนยังไม่สามารถยกได้ หมอดูจากฟิล์มเอ็กซเรย์ แล้วโดนดุไปยกใหญ่ เพราะหมอให้ใส่ตัวประคองแบบเลขแปด (figure of eight) ตลอดเวลาห้ามถอด แต่ผมถอดและใส่กลับ ค่อนข้างบ่อย 555+ แกบอกว่าจากกระดูกที่ตรงสวยตอนหัก กลายเป็นคดหลังจากผ่านไป 19 วัน พร้อมกำชับให้ใส่ ห้ามถอด อาบน้ำไม่ได้ให้เช็ดตัว นอนก็ห้ามถอด และให้ผู้ช่วยใส่ให้ใหม่ด้านในเสื้อ และดึงให้ตึง พร้อมกับนัดใหม่ในอีก 1 เดือนให้หลัง
ช่วง 19 วัน กับความเชื่อผิดๆ (ไม่ได้หาความรู้ คิดเอาเอง และไม่ได้รับคำอธิบายหรือซักถามจากหมอเจ้าของไข้) วันที่ออกจากโรงพยาบาล หมอน่าจะยุ่งครับ แกไม่ได้มาพูดคุยด้วย เลยไม่ได้ถามอะไรมาก แค่พยาบาลบอกไม่ต้องใช้อาร์มสลิง ใช้แค่ฟิกเกอร์ฯ รัดไหล่ก็พอ แต่ให้ใส่แบบห้ามถอด (ผมดื้อเอง) จนกว่าจะถึงวันนัด
ช่วงนี้ ช่วงกลางคืนเข้านอน (นั่งหลับ) 10 วันแรก ถอดครับ เพราะมันอึดอัดมาก หลังจากวันที่ห้า เริ่มปวดน้อยลง ถอดอาบน้ำครับ แถมพอหลังจากสิบวันแล้ว อาการดีขึ้นมาก (ถึงจะยกแขนไม่ได้เลยก็ตาม) ถอดแบบปล่อยเลย ไปรับลูกจากโรงเรียน และไปเดินเล่นที่สวน ก็รู้สึกตึงๆ นะครับ อาการคือมันจะรั้งแขนลง และเส้นเอ็นตรงไหล่ถึงคอตึงมาก จนต้องยกแขนขึ้นท่างอ ถึงจะไม่อาร์มสลิงก็เถอะ (เปรี้ยวมาก ออกไปทำกิจกรรมด้านนอกโดยไม่มีตัวรั้งแขน ยึดไหล่)
ทรมานมากครับ การที่ต้องใส่ตัวนี้คือมันรัด มันรั้ง ตรงจั๊กแร้มันจะพับ มันอึดอัด มันทำให้นอนไม่ได้ อาบน้ำไมได้ เช็ดตัวอย่างเดียว นี่นรกแตกมาก แถมตัวสายรัดนี่เรียกได้ว่าเน่าเลยครับ ทำได้ 3-5 วันนี่แหละ ผมก็ยอดแพ้ ถอดตอนอาบน้ำครับ เพราะไม่อาบไม่ไหวจริงๆ ช่วงวันที่ 8-10 วันจากหมอนัด มีถอดตอนนอนด้วย เพราะมันอึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง (ตอนนี้สั่งตัวฟิกเกอร์ฯ เพิ่มมาละ เพราะต้องการถอดตัวที่มีซัก)
ครบ 1 เดือน หมอศัลยกรรมนัดเพื่อดูช่วงตัว หมอบอกการติดของกระดูกซี่โครงค่อนข้างดี คือเริ่มติด แต่ไม่ 100% ถ้าจะให้แบบเต็มร้อย ประมาณ 3 เดือน จากฟิล์มเอ็กซเรย์ไม่มีอาการข้างเคียง เลยไม่มีการนัดเพิ่ม พร้อมบอกมาหาได้เสมอ ถ้ารู้สึกไม่ปกติ หรือมีอาการอื่นๆ
จากการหาข้อมูลจากในเน็ต เรื่องการถอด-ใส่ ฟิกเกอร์ฯ สามารถถอดตอนอาบน้ำได้ ตอนนอนได้ ข้อควรระวังคือ ให้ส่วนที่หักขยับให้น้อยที่สุดเพื่อการต่อของกระดูกที่ดีและไม่ผิดรูป ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่านะ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ถ้าต้องนอนพร้อมสายรัดไหล่ (พยายามแล้วได้บ้างไม่ได้บ้าง) หรือใช้ชีวิตหลายๆ วันโดยการไม่อาบน้ำ สระผม
ตอนนี้ครบ 1 เดือนแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ
1. figure of eight สำคัญมากสำหรับกระดูกไหนปลาร้าที่หัก ใส่ให้ได้มากที่สุด ทนความอึดอัดให้ได้ โดยเฉพาะช่วงสองสัปดาห์แรก (ผมพลาดเอง)
2. ถ้าต้องใส่ ฟิกเกอร์ฯ เนื่องจากไหปลาร้าหัก (นานแน่นอน) ให้ซื้อสำรองเลย
3. อาการดีขึ้นในทุกๆ วันแน่นอน แต่... ใจร้อนไม่ได้ครับ หงุดหงิดได้ แต่ให้แคร์คนรอบตัวด้วย
4. การเงิน ... เพราะไม่ได้ขอใบรับรองแพทย์ เลยไม่รู้ว่าหมอลงความเห็นให้หยุดได้กี่วัน แน่นอน รายรับต้องน้อยลง อาจมีปัญหากับที่ทำงานได้ หรือถ้าต้องเดินทาง ต้องทำงาน ในสภาพที่ไม่พร้อม อันนี้ ผมไม่มีข้อมูลครับ
ตอนนี้รอต่อไปอีก 23 วัน รอคำวินิจฉัยจากหมอกระดูก หึๆ โดนแกขู่ไว้ว่าต้องผ่านะ ถ้ากระดูกยังไม่เข้ารูป และไม่ติดกัน ซึ่งผมไม่อยากผ่าไง ถ้าไม่ถึงที่สุด ผิดรูป น่าเกลียดหน่อย ผมรับได้นะ แต่ถ้าจะกระทบการใช้งาน คือใช้แขนข้างนั้นไม่ได้นี่ก็ไม่ต่างกับเสียแขนเลย อันนี้ ยอม..
แต่อาการโดยรวมดีขึ้นมากๆ ครับ แขนข้างที่กระดูกไหปลาร้าหัก ยกขึ้นได้มากกว่าเดิม อาการเจ็บไม่มี แปลบๆ หัวไหล่ตอนพยายามลุกจากที่นอน แต่ก็น้อยลงมาก อาการบวมชาไม่มี ใส่ฟิกเกอร์ฯ ตลอดวัน อาการตึงตรงคอไม่มีแล้ว ตอนนอน ขยับตัวน้อยมาก กลายเป็นคนนอนนิ่งไปเลย แต่จะมีเจ็บหลังเพราะนอนท่าเดิมนานๆ ติดกัน .. สุดท้าย ขอให้กำลังใจทุกท่านที่ต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ครับ
เล่ามาซะยาว เพราะเป็นประสบการณ์ที่ประสบมา และหาอ่านจากของคนอื่นได้น้อยมากๆ (หมายถึงแบบละเอียดนะครับ) ใครผ่านจุดนี้มา ก็มาเล่าสู่กันฟังนะครับ
รักและเข้าใจผู้ร่วมชะตากรรมทุกท่านครับ






ประสบการณ์ ไหปลาร้าพร้อมซี่โครง 4 ซี่หัก ระยะเวลา 30 วันแรก
จากบ้านด้านขวามือ มีสุนัขสองตัววิ่งไล่กัดกันและโผล่ขึ้นถนนอย่างกระชั้นชิด มากจนแม้จะชนยังไม่ทัน เพราะทั้งสองตัวเลยจุดที่ผมขับไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่โล่งอกเปราะหนึ่งสั้นๆ เพราะไม่ชนในสถานการณ์ขั้นนี้ แต่... หนึ่งในสองตัววกตัวกลับและชนเข้าบริเวณล้อหน้าอย่างจัง ทำให้รถมอเตอร์ไซด์ล้มแบบแฉลบไม่เป็นท่า และไถลไปไกลร่วม 10 เมตร
ความรู้สึกไม่ได้ดับลง รู้ตัวอย่างดี แต่ความเจ็บน่าจะอยู่ในระดับที่เคยล้มทั่วไป คือเหมือนจุกๆ คิดว่าพักแป๊บเดียวก็หาย แต่... ลุกไม่ขึ้น มีคนที่เห็นเหตุการณ์ ออกมาช่วยประคองดูและดูอาการ เข็นมอเตอร์ไซด์ที่ล้มไปจอดริมทาง เอายาดมมาแกว่งข้างจมูก และคอยโบกรถให้ เขาคงเห็นอาการไม่ค่อยดีเลยเรียกกู้ภัย ซึ่งมาถึงในเวลาไม่นานนัก และพาตัวไปแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาล
เนื่องด้วยความมึน จนไม่รู้ว่าเจ็บตรงส่วนไหนบ้าง ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อค(เพราะคิดว่าไปแค่ระยะสั้นๆ) เลยไม่รู้สึกเจ็บมาก (รู้ตัวภายหลังคือน่าจะกระแทกตรงขมับค่อนข้างแรง ผ่านมาเดือนหนึ่ง ยังมีอาการแต่ดีขึ้นเยอะ) แผลถลอกศอกและหัวเข่าทั้งสองข้าง และขยับตัวไม่ได้ คือถ้าฝืนก็จะเจ็บมาก จำได้ว่าเอาตัวขึ้นรถลงรถ ก็เจ็บแปล๊บ ต้องร้องบอก จนท. เพราะเขาไม่อาจจะไม่รู้ ดูอาการจากภายนอกปกติดีมาก
ผ่าน ER จนท.ทำประวัติ และทำแผลภายนอกให้ก่อนและฉีดยาระงับอาการปวด เวรเปลเข็นไปเอ็กซเรย์ ซึ่งขึ้นลงเปลก็ต้องรองอีกรอบ เพราะมีอาการเจ็บมาก (จน จนท. ทราบอาการ จึงใช้แผ่นไสลด์ภายหลัง ซึ่งทำให้การเคลื่อนย้ายกระเทือนน้อยลง) ผลออกมา พยาบาลแจ้ง ไหปลาร้า และซี่โครงจำนวน 4 ซี่หักจากการล้มครั้งนี้
ความรู้สึกแรกคือ กลัวครับ ไม่ต้องการผ่าตัด และอื่นๆ อีกสารพัดที่ต้องเจอหลังจากที่จะช่วยตัวเองไม่ได้เป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน ทางโรงพยาบาลให้นอนดูอาการ เพราะถ้าซี่โครงหัก อาจเกิดการไปทิ่มอภัยวะภายในจนเกิดการบาดเจ็บเพิ่ม ซึ่งในที่นี้คือปอด ถ้าไปทิ่มปอด และมีอาการรั่ว จะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ก่อนนอน จนท.ให้เตียงนอนปรับไฟฟ้า และมีอุปกรณ์วัดชีพจร พร้อมปริมาณอ็อกซิเจนในเลือด (หนีบนิ้ว) และทำการฉีดยาแก้ปวดให้ และนอนดูอาการจนเช้า
เช้าวันที่ 1 หลังจากอุบัติเหตุ
ความรู้สึกคือระบมไปทั้งตัว ส่วนหัวเริ่มรับรู้ถึงอาการเจ็บได้มากกว่าเดิม อ้าปากคือเจ็บตรงขมับซ้าย (ลืมลงรายละเอียดครับ ไหปลาร้า และซี่โครงด้านซ้าย) ไม่สามาถขับถ่ายได้ ภรรยาได้เอาผ้าอ้อมผู้ใหญ่มาใส่ให้ เผื่อถ้ามีการขับถ่ายจะได้ไม่เลอะ เพราะตอนนี้ขยับตัวลุกไม่ได้เลย ไม่มีอาการอยากอาหาร ส่วนหนึ่งคือคิดเองว่าถ้าต้องมีการผ่าตัด กรณีปอดรั่วจากการทิ่มของซี่โครง จะได้ทำการผ่าได้ไวขึ้นเพราะงดอาหารมาแล้วเป็นเวลาหนึ่ง ช่วงสายๆ จึงมีพี่เวรเปลมารับตัวไปเอ็กซ์เรย์อีกรอบ พี่เขาขอโทษเรื่องเมื่อวาน เพราะไม่รู้ว่าอาการแย่ เลยทำให้เจ็บ แกเป็นคนอารมณ์ดีครับ ชวนคุยสนุก
บ่าย พยาบาลแจ้งว่าออกได้ครับเพราะไม่มีอาการข้างเคียง ส่วนตัวคือยังช่วยตัวเองไม่ได้แต่ไม่อยากเป็นภาระภรรยามากเกินไป การอยู่โรงพยาบาล เขาต้องดูแลลูก ต้องพ่วงไป-กลับ มาดูช่วงเช้า บ่าย เย็น ซึ่งค่อนข้างไม่สะดวก การอยู่บ้านยังช่วยให้ไม่ต้องเดินทาง และสะดวกในการดูแลด้วย
นัดมี 2 นัด คือ หมอกระดูก จะดูในส่วนไหปลาร้า และหมอศัลยกรรม ดูในส่วนของช่วงอก กระดูกซี่โครง
ยาที่ได้รับมาคือยาแก้ปวดแบบแรง ซึ่งสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น เภสัชกร ร้านขายยาบอกว่าไม่สามารถจ่ายยาให้ได้ และแคลเซี่ยม 1000 mg.
การใช้ชีวิต 10 วันแรก
การนอน ถ้านอนแล้ว ไม่สามารถลุกขึ้นเองได้ ต้องใช้สองคนช่วย คนหนึ่งประคองแผ่นหลัง อีกคนออกแรงฉุดแขนขึ้น ส่วนการล้มตัวลงนอนยิ่งลำบากใหญ่ เพราะต้องประคองแผ่นหลังลงให้ได้จังหวะ ถ้าปล่อยช้าไป เร็วไป ก็เจ็บ(มาก) พร้อมกับอีกคนค่อยๆ ปล่อยตัวลง ตรงนี้ลูกชายวัย 8 ขวบทำไม่ได้ จึงอาศัยเครื่องปั่นจักรยานในบ้าน ค่อยๆโหนตัวลงโดยแขนข้างขวาซึ่งไม่ได้รับผลกระทบแทน
จากการทดลองทำดังกล่าว พบว่าทุลักทุเลมาก และเจ็บมากกว่าเดิมจากการผิดจังหวะ และระหว่างคืน ต้องลุกหลายรอบ เพราะไม่สามารถนอนยาวจนถึงเช้าได้ เลยตัดสินใจไม่นอนในท่านอน แต่ใช้การนั่งบนโซฟาแทนและเอาหมอนมาประกบรอบตัว ซ้าย-ขวา และด้านหลัง ทำเอนเพื่อความสะบายเล็กๆ น้อยๆ เป็นเวลา 10-12 วันได้ ช่วงนี้ทรมานมากครับ เพราะช่วงก้นกบที่รับน้ำหนักตัวทั้งหมดเมื่อยล้า (ลืมบอก ผมค่อนข้างอ้วน สูง 169 หนัก 85) จนต้องตื่น และหลับ เป็นช่วงๆ สลับกันไปทุก 2-4 ชม.
ใครอยากทราบถึงความทรมาน ลองใช้ชีวิตแบบไม่นอน (หมายถึงทำได้แค่นั่ง กับยืน เดิน เท่านั้นนะครับ) ไม่คิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้มาใช้ชีวิตแบบนี้
หลังจากเริ่มเอนหลังนอนได้บ้างแล้ว ลุกขั้นได้โดยการใช้แขนอีกข้างดึงตัวขึ้นได้ ก็เริ่มนอนพักผ่อนได้ดีขึ้น
ผ่านมา 19 วัน ถึงเวลาหมอกระดูกนัดเพื่อดูอาการไหปลาร้า อาการโดยรวมดีขึ้นมาก แต่แขนยังไม่สามารถยกได้ หมอดูจากฟิล์มเอ็กซเรย์ แล้วโดนดุไปยกใหญ่ เพราะหมอให้ใส่ตัวประคองแบบเลขแปด (figure of eight) ตลอดเวลาห้ามถอด แต่ผมถอดและใส่กลับ ค่อนข้างบ่อย 555+ แกบอกว่าจากกระดูกที่ตรงสวยตอนหัก กลายเป็นคดหลังจากผ่านไป 19 วัน พร้อมกำชับให้ใส่ ห้ามถอด อาบน้ำไม่ได้ให้เช็ดตัว นอนก็ห้ามถอด และให้ผู้ช่วยใส่ให้ใหม่ด้านในเสื้อ และดึงให้ตึง พร้อมกับนัดใหม่ในอีก 1 เดือนให้หลัง
ช่วง 19 วัน กับความเชื่อผิดๆ (ไม่ได้หาความรู้ คิดเอาเอง และไม่ได้รับคำอธิบายหรือซักถามจากหมอเจ้าของไข้) วันที่ออกจากโรงพยาบาล หมอน่าจะยุ่งครับ แกไม่ได้มาพูดคุยด้วย เลยไม่ได้ถามอะไรมาก แค่พยาบาลบอกไม่ต้องใช้อาร์มสลิง ใช้แค่ฟิกเกอร์ฯ รัดไหล่ก็พอ แต่ให้ใส่แบบห้ามถอด (ผมดื้อเอง) จนกว่าจะถึงวันนัด
ช่วงนี้ ช่วงกลางคืนเข้านอน (นั่งหลับ) 10 วันแรก ถอดครับ เพราะมันอึดอัดมาก หลังจากวันที่ห้า เริ่มปวดน้อยลง ถอดอาบน้ำครับ แถมพอหลังจากสิบวันแล้ว อาการดีขึ้นมาก (ถึงจะยกแขนไม่ได้เลยก็ตาม) ถอดแบบปล่อยเลย ไปรับลูกจากโรงเรียน และไปเดินเล่นที่สวน ก็รู้สึกตึงๆ นะครับ อาการคือมันจะรั้งแขนลง และเส้นเอ็นตรงไหล่ถึงคอตึงมาก จนต้องยกแขนขึ้นท่างอ ถึงจะไม่อาร์มสลิงก็เถอะ (เปรี้ยวมาก ออกไปทำกิจกรรมด้านนอกโดยไม่มีตัวรั้งแขน ยึดไหล่)
ทรมานมากครับ การที่ต้องใส่ตัวนี้คือมันรัด มันรั้ง ตรงจั๊กแร้มันจะพับ มันอึดอัด มันทำให้นอนไม่ได้ อาบน้ำไมได้ เช็ดตัวอย่างเดียว นี่นรกแตกมาก แถมตัวสายรัดนี่เรียกได้ว่าเน่าเลยครับ ทำได้ 3-5 วันนี่แหละ ผมก็ยอดแพ้ ถอดตอนอาบน้ำครับ เพราะไม่อาบไม่ไหวจริงๆ ช่วงวันที่ 8-10 วันจากหมอนัด มีถอดตอนนอนด้วย เพราะมันอึดอัดจนหายใจไม่ทั่วท้อง (ตอนนี้สั่งตัวฟิกเกอร์ฯ เพิ่มมาละ เพราะต้องการถอดตัวที่มีซัก)
ครบ 1 เดือน หมอศัลยกรรมนัดเพื่อดูช่วงตัว หมอบอกการติดของกระดูกซี่โครงค่อนข้างดี คือเริ่มติด แต่ไม่ 100% ถ้าจะให้แบบเต็มร้อย ประมาณ 3 เดือน จากฟิล์มเอ็กซเรย์ไม่มีอาการข้างเคียง เลยไม่มีการนัดเพิ่ม พร้อมบอกมาหาได้เสมอ ถ้ารู้สึกไม่ปกติ หรือมีอาการอื่นๆ
จากการหาข้อมูลจากในเน็ต เรื่องการถอด-ใส่ ฟิกเกอร์ฯ สามารถถอดตอนอาบน้ำได้ ตอนนอนได้ ข้อควรระวังคือ ให้ส่วนที่หักขยับให้น้อยที่สุดเพื่อการต่อของกระดูกที่ดีและไม่ผิดรูป ไม่รู้ว่าถูกต้องหรือเปล่านะ แต่ผมทำไม่ได้จริงๆ ถ้าต้องนอนพร้อมสายรัดไหล่ (พยายามแล้วได้บ้างไม่ได้บ้าง) หรือใช้ชีวิตหลายๆ วันโดยการไม่อาบน้ำ สระผม
ตอนนี้ครบ 1 เดือนแล้ว สิ่งที่ได้เรียนรู้คือ
1. figure of eight สำคัญมากสำหรับกระดูกไหนปลาร้าที่หัก ใส่ให้ได้มากที่สุด ทนความอึดอัดให้ได้ โดยเฉพาะช่วงสองสัปดาห์แรก (ผมพลาดเอง)
2. ถ้าต้องใส่ ฟิกเกอร์ฯ เนื่องจากไหปลาร้าหัก (นานแน่นอน) ให้ซื้อสำรองเลย
3. อาการดีขึ้นในทุกๆ วันแน่นอน แต่... ใจร้อนไม่ได้ครับ หงุดหงิดได้ แต่ให้แคร์คนรอบตัวด้วย
4. การเงิน ... เพราะไม่ได้ขอใบรับรองแพทย์ เลยไม่รู้ว่าหมอลงความเห็นให้หยุดได้กี่วัน แน่นอน รายรับต้องน้อยลง อาจมีปัญหากับที่ทำงานได้ หรือถ้าต้องเดินทาง ต้องทำงาน ในสภาพที่ไม่พร้อม อันนี้ ผมไม่มีข้อมูลครับ
ตอนนี้รอต่อไปอีก 23 วัน รอคำวินิจฉัยจากหมอกระดูก หึๆ โดนแกขู่ไว้ว่าต้องผ่านะ ถ้ากระดูกยังไม่เข้ารูป และไม่ติดกัน ซึ่งผมไม่อยากผ่าไง ถ้าไม่ถึงที่สุด ผิดรูป น่าเกลียดหน่อย ผมรับได้นะ แต่ถ้าจะกระทบการใช้งาน คือใช้แขนข้างนั้นไม่ได้นี่ก็ไม่ต่างกับเสียแขนเลย อันนี้ ยอม..
แต่อาการโดยรวมดีขึ้นมากๆ ครับ แขนข้างที่กระดูกไหปลาร้าหัก ยกขึ้นได้มากกว่าเดิม อาการเจ็บไม่มี แปลบๆ หัวไหล่ตอนพยายามลุกจากที่นอน แต่ก็น้อยลงมาก อาการบวมชาไม่มี ใส่ฟิกเกอร์ฯ ตลอดวัน อาการตึงตรงคอไม่มีแล้ว ตอนนอน ขยับตัวน้อยมาก กลายเป็นคนนอนนิ่งไปเลย แต่จะมีเจ็บหลังเพราะนอนท่าเดิมนานๆ ติดกัน .. สุดท้าย ขอให้กำลังใจทุกท่านที่ต้องผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากแบบนี้ครับ
เล่ามาซะยาว เพราะเป็นประสบการณ์ที่ประสบมา และหาอ่านจากของคนอื่นได้น้อยมากๆ (หมายถึงแบบละเอียดนะครับ) ใครผ่านจุดนี้มา ก็มาเล่าสู่กันฟังนะครับ
รักและเข้าใจผู้ร่วมชะตากรรมทุกท่านครับ