ก่อนที่เขาจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จในบ้านนี้เมือง สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย คือ ความเจ้าเล่ห์ ปลิ้นปล้อน หลอกลวง ความไร้จริยธรรมในการทำธุรกิจ ไม่สนใจวิธีการและความเดือนร้อนของผู้ร่วมงานและคนอื่นๆ สนใจแต่การได้มาซึ่งผลประโยชน์ของตัวเองฝ่ายเดียว ลองอ่านแล้วพิจารณาดูกันเองนะ
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2533 คุณรัมยง (โต้ง) ได้ชวนผมซึ่งขณะนั้นเป็น ผู้จัดการทั่วไปของ บริษัทเพรสซิเด้นท์ทัวร์ฯ ให้ออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ตั้งบริษัทของเราเองขึ้นมาใช้ชื่อว่า บริษัท อินเตอร์เน็ทคอมมิวนิเคชั่นฯ
งานแรกที่เรารับคือ การเป็น Sub-Contract ติดตั้งเสาอากาศระบบ Microwave รับเคเบิลทีวีให้กับ บริษัท IBC Cable TV ของนายทักษิณ ตอนนั้นมี คุณประคอง พ. (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งนายทักษิณไปดึงตัวมาจากกลุ่มบริษัทสหยูเนี่ยน เป็น MD.
แต่ต่อมาภายหลังคุณประคอง รู้เช่นเห็นชาติ เลยกลับไปอยู่กับ สหยูเนี่ยนอย่างเดิม คงเหลือแต่ คุณนิวัฒน์ บ. (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อและนามสกุลแล้ว) ซึ่งนายทักษิณดึงตัวมาจากบริษัท IBM (ประเทศไทย) ขอประทานโทษที่ต้องเอ่ยนามสองท่านนี้ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้แอบอ้าง
ปัจจุบัน คุณนิวัฒน์ ยังเป็นใหญ่เป็นโต (มาก) อยู่ที่ ITV เมื่อเริ่มธุรกิจกับ IBC ตอนนั้นมี Sub-Contract ที่รับติดตั้งเสาอากาศแบบบริษัทของผม มีอยู่เพียง 4 บริษัทฯ เพราะตอนเริ่มนั้น ทาง IBC ตั้งคุณสมบัติของ Sub-Contract ไว้สูงมาก ตัวอย่างเช่น ต้องมีวิศวกรประจำบริษัทฯ ต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ตามมาตรฐานซึ่งสูงมาก ต้องมี Field Strength Meter สำหรับวัดความแรงของสัญญาณ รถที่ใช้ต้องเป็นรถกระบะมีหลังคาด้านหลัง ติดสติกเกอร์ของ IBC บันไดที่ใช้ต้องเป็นบันไดอลูมิเนียมแบบชักยืดได้ พนักงานต้องใส่เสื้อฟอร์มของ IBC ฯลฯ
มาตรฐานที่สูงนี้ทำให้การลงทุนต้องสูงตามไปด้วย แต่เราก็ตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ กู้หนี้ยืมสินมาลงทุน เพราะเป็นธุรกิจแรกที่เป็นของเรา คือเปลี่ยนฐานะจากลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของกิจการ และเราไม่อยากเจ๊งตั้งแต่เริ่ม
ธุรกิจก็ดูทำท่าจะไปได้ด้วยดี แต่ละวันมีลูกค้าของ IBC ที่สมัครเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีพอสมควร และทาง IBC ก็คัดออกมาวันละ ประมาณ 100 กว่าราย เพื่อให้เราไปติดตั้ง จำนวนลูกค้า 100 กว่า รายนี้ก็ถูกแบ่งกันไปใน 4 Sub-Contract ซึ่งถ้าติดตั้งได้ IBC จะจ่ายให้รายละ 1,150.- บาท (ตอนนั้น IBC ยังไม่ได้รวมกับUTV เป็น UBC ยังใช้ระบบส่งคลื่น Microwave ทางอากาศ แบบ Line of Sight อยู่ ถ้าบ้านไหนโดนตึกสูงบังก็ไม่สามารถติดตั้งได้ โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท และย่านที่มีตึกสูงๆ)
ซึ่งแม้ค่าใช่จ่ายจะสูง แต่งานที่มีมากทุกวันและค่าตอบแทนที่สูงพอสมควรก็ ทำให้เราทั้ง 4 บริษัทฯ อยู่ได้ แต่วันร้ายคืนร้ายก็เกิดขึ้น นายทักษิณกับภรรยา ได้เรียกทั้ง 4 บริษัทฯ เข้าไปพบเป็นรายบริษัท ผมได้เข้าไปพบคนทั้งสองนี้โดยลำพัง
นายทักษิณแจ้งกับผมว่า จะมี Promotion พิเศษ เป็น Hard Sales โดยทาง IBC จะรับปากลูกค้าว่าสมัครวันนี้จะติดตั้งให้เสร็จภายใน 7 วัน (ก่อนหน้านั้นต้องรอคิวนานพอสมควร) นายทักษิณคาดว่าจะทำให้มีสมาชิกสมัครเข้ามามากมาย คนทั้งสองอยากให้ผม (และ Sub-Contract รายอื่นๆ) รีบขยายงาน เพิ่มทีมติดตั้ง เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นแบบทะลักทะล้น เขาบอกกับผมว่า คุณภาวิทย์... เราจะโตไปด้วยกัน...”
เมื่อเป็นคำพูดจากปากนายทักษิณและภรรยา (ผู้มีอำนาจเต็ม) ของเขาก็เออออสอดคล้อง ผมจึงมีความเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ กลับจากพบคนทั้งสอง ก็เริ่มระดมทุน ขยายบริษัท เพิ่มทีมติดตั้ง จาก 8 ทีม เป็น 20 ทีม เพิ่มรถกระบะและซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือมากมาย หวังว่าจะโตไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” (แต่ภายหลังปรากฏว่า ตระกูลชินวัตรนั้นโตจริงๆ...แต่ผม...โตแต่ หัวคือเป็นหนี้ หัวโต!!!!)
แต่ไม่ถึงสองอาทิตย์ ก็เหมือนฟ้าฝ่าลงมา ปรากฏว่า IBC เพิ่ม Sub-Contract โดยไม่บอกพวก Sub-Contract เก่า ให้รู้ตัวล่วงหน้าเลย จาก 4 Sub-contract ที่มีกลายเป็น 25 Sub-Contract ในทันที
ลูกค้าที่กะว่าจะทะลักเข้ามาอย่างมากมายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ IBC คาดการณ์ ลูกค้าก็ยังมีเท่าๆเดิม คือ 100 กว่ารายต่อวัน งานที่เคยแบ่งกันไปติดตั้ง 20 กว่ารายต่อ Sub-Contract ต่อวัน ก็เหลือแค่ 3-4 รายต่อวัน
ซ้ำร้าย ยังโดนหักคอ โดยการลดค่าติดตั้งลงจาก 1,150 บาท ต่อราย เหลือเพียง 750 บาทต่อรายเท่านั้น
และมาตรฐานของทีมติดตั้งของ Sub-Contract ใหม่ก็ต่ำลงอย่างน่าใจหาย จากที่เคยบังคับให้มีรถกระบะ มีบันไดอลูมิเนียม และ Field Strength Meter ก็เหลือแค่มอเตอร์ไซค์กับบันไดไม้ไผ่และทีวีเล็กๆ (Family TV 7 นิ้ว) ไว้เช็คภาพเท่านั้น สรุปก็คือ ทั้ง 4 Sub-Contract เดิม ต้องปิดตัวลงอย่างรวดเร็วเพราะปริมาณงาน แต่ค่าติดตั้งที่ได้รับ น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับการลงทุนที่สูง และต่อมาก็ได้ทราบว่า Sub-Contract ใหม่อีก 20 กว่าบริษัท ก็ต้องปิดตัวลงด้วย เพราะแม้ว่าต้นทุนจะต่ำกว่า แต่ปริมาณงานและค่าติดตั้งเพียงแค่นั้นไม่สามารถจะทำธุรกิจต่อไปได้
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผมจึงขอเข้าพบนายทักษิณ เพื่อขอความกระจ่างในเรื่องที่เพิ่ม Sub-Contract ทีเดียวจาก 4 Sub-Contract เป็น 25 เพิ่มขึ้น 6 เท่า ปริมาณงานก็ลดลงกว่า 600 เปอร์เซ็นต์ และค่าติดตั้งยังลดลงอีก 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งจะขอความเห็นใจจากเขา ที่บอกให้เราไปเพิ่มทีมติดตั้งที่มีมาตรฐานสูง แต่กลับไปรับ Sub-Contract ใหม่ที่ไม่ระบุคุณสมบัติใดๆมีเพิ่ม ทำให้ผมขาดทุนไปกว่า 2 ล้านบาท แต่ผลปรากฏว่า นายทักษิณและภรรยา ไม่ยอมให้ผมเข้าพบ ไม่ว่าจะขอเข้าพบกี่ครั้ง โดยไม่แจ้งเหตุผลใดๆ เรียกว่าหลบหน้าไปเฉยๆ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมทราบดีถึงความหลอกลวง ปัดความรับผิดชอบและขาดความเห็นใจต่อ Business Partner ไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมงานว่าจะประสบชะตากรรมอย่างไร
สนใจแต่การบรรลุถึงจุดประสงค์ของตัวเอง ถ้าจะถามผมว่า เขาผิดหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าเขาไม่ผิด เขาไม่ได้โกงผม เขาแค่หลอกผมให้ลงทุนเพิ่มเพื่อขยายบริษัท แล้วก็หักหลังผมและ Sub-Contract เก่าอีก 3 รายโดยการเพิ่ม Sub-Contract ใหม่ทีเดียว 6 เท่าตัว และหักคอพวกเราโดยการลดค่าติดตั้งโดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไม่ให้เหตุผลใดๆ
แน่นอนการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การโกง แต่ที่สำคัญในความคิดของผม เขาขาดจริยธรรมในการทำธุรกิจ คนๆนี้ไม่สนใจถึงวิธีการและความสูญเสียของคนรอบข้าง
ขอเพียงให้ได้มาซึ่งความบรรลุถึงวัตถุประสงค์ เขาทำได้ทุกอย่าง ดังที่คนจีนเปรียบเปรยไว้ว่า เหมือนกับการปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงโดยการเหยียบย่ำไปบนกองซากศพผู้อื่น (จะเรียกว่าเป็น “ผู้กล้า”ได้อย่างไร)
เขาเที่ยวป่าวประกาศว่า เขาไม่ใช่นักการเมือง เขาไม่ได้เล่นการเมือง เขาเป็นนักธุรกิจ เขาเพียงอาสานำความรู้ความสามารถเข้ามารับใช้ประชาชน ณ วันนั้น ผมบอกกับเพื่อนๆว่า เขาบอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจ เขายังไม่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจเลย เขาจะมีจริยธรรมทางการเมืองได้อย่างไร
ลองพิจารณาดูถึงคุณสมบัติของคนๆนี้ และจากที่ท่านได้ยินมาจากที่อื่น ได้โปรดตรองดูว่า
เรื่องการซื้อเครื่องบิน “ไทยคู่ฟ้า” ไว้ใช้สำหรับตัว
เรื่องการคอรัปชั่น ในโครงการใหญ่ อาทิ เรื่อง CTX ที่สนามบินหนองงู่เห่า
เรื่องการซุกและซิกแซกหุ้น (ทำให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย)
เรื่องการแทรกแซงสื่อ คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ของช่อง 3 ซึ่งเผลอพูดถึงนายทักษิณแรงไปหน่อย ก็ถูกเด้งไปเรียบร้อยแล้ว ในรายการข่าววันใหม่ เมื่อก่อนมีให้ผู้ชมร่วมแสดงความคิดเห็นผ่าน SMS เข้ารายการ ก็ยกเลิก SMS ไปแล้ว เพราะมีแต่คนถามว่าคุณบุญยอดหายไปไหน!?!?)
เรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระอื่นๆ (หรือแม้กระทั่ง การซื้อด้วยเงิน)
เรื่องการผลักดันให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท เพื่อตัวเองจะได้เขาไป Take over
เรื่องการขายสมบัติของชาติ (วงโคจรดาวเทียม) ขายสื่อ (ITV) ฯลฯ ให้ต่างชาติ
เรื่องถือโอกาสยุบสภาหนีการอภิปรายของสภาร่วม สส. และ สว.
เรื่องคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ กลับกลอก วันนี้พูดอย่าง วันหน้าพูดอีกอย่าง ทำอีกอย่าง
https://matemnews.com/News/76536
เรื่องเจรจาการค้า FTA กับหลายชาติที่ประเทศเราเสียเปรียบหมด ทั้งชาตินี้และชาติหน้า (แต่บริษัทของนายทักษิณ รวมทั้งบริษัทญาติมิตรและคนใกล้ชิดได้ผลประโยชน์
เรื่องการฮั้วกับพรรคเล็กๆ ให้มาลงสมัครผู้แทน สร้างหลักฐานปลอมว่าสังกัดพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 90วัน
และข้อหาอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งนายทักษิณไม่เคยออกมาตอบคำถามของฝ่ายต่อต้าน หรือแก้ตัวเลย (เพราะหาเหตุผลมาตอบไม่ได้) ดีแต่พูดบ่ายเบี่ยงประเด็น และตอบไม่ตรงคำถาม
เพื่อนๆลองพิจารณาดูฝ่ายต่อต้านนายทักษิณ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลจากหลายหลายอาชีพ ทั้ง ครูบาอาจารย์ นิสิตนักศึกษา นักวิชาการ นักธุรกิจ ข้าราชการ อดีตทหารและอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ดารา นักร้อง พิธีกร ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิในบ้านในเมือง ต่างมีความเห็นตรงกัน
ฝ่ายสนับสนุน มีกี่คนที่รู้ว่า เกาะ British Virgin เขามีไว้ทำอะไร ?
มีกี่คนที่รู้ว่ากลุ่มธุรกิจเทอมาเซ็กนั้นเป็นใครมาจากไหน ?
กี่คนที่เข้าใจว่าการเสียวงโคจรดาวเทียมไปให้ต่างชาตินั้นมันมีผลร้ายอย่างไร ?
การที่ให้ต่างชาติมาเป็นเจ้าของ Free TV เข้ามามีอิทธิพลกับสื่อของเรานั้นจะเสียหายอย่างไร ?
ที่มา.
https://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=8038
ประสบการณ์ตรง กับคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร ก่อนที่เขาจะเล่นการเมือง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2533 คุณรัมยง (โต้ง) ได้ชวนผมซึ่งขณะนั้นเป็น ผู้จัดการทั่วไปของ บริษัทเพรสซิเด้นท์ทัวร์ฯ ให้ออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ตั้งบริษัทของเราเองขึ้นมาใช้ชื่อว่า บริษัท อินเตอร์เน็ทคอมมิวนิเคชั่นฯ
งานแรกที่เรารับคือ การเป็น Sub-Contract ติดตั้งเสาอากาศระบบ Microwave รับเคเบิลทีวีให้กับ บริษัท IBC Cable TV ของนายทักษิณ ตอนนั้นมี คุณประคอง พ. (ขอสงวนนามสกุล) ซึ่งนายทักษิณไปดึงตัวมาจากกลุ่มบริษัทสหยูเนี่ยน เป็น MD.
แต่ต่อมาภายหลังคุณประคอง รู้เช่นเห็นชาติ เลยกลับไปอยู่กับ สหยูเนี่ยนอย่างเดิม คงเหลือแต่ คุณนิวัฒน์ บ. (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อและนามสกุลแล้ว) ซึ่งนายทักษิณดึงตัวมาจากบริษัท IBM (ประเทศไทย) ขอประทานโทษที่ต้องเอ่ยนามสองท่านนี้ แต่เพื่อพิสูจน์ว่าที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง ไม่ได้แอบอ้าง
ปัจจุบัน คุณนิวัฒน์ ยังเป็นใหญ่เป็นโต (มาก) อยู่ที่ ITV เมื่อเริ่มธุรกิจกับ IBC ตอนนั้นมี Sub-Contract ที่รับติดตั้งเสาอากาศแบบบริษัทของผม มีอยู่เพียง 4 บริษัทฯ เพราะตอนเริ่มนั้น ทาง IBC ตั้งคุณสมบัติของ Sub-Contract ไว้สูงมาก ตัวอย่างเช่น ต้องมีวิศวกรประจำบริษัทฯ ต้องมีเครื่องมือและอุปกรณ์ตามมาตรฐานซึ่งสูงมาก ต้องมี Field Strength Meter สำหรับวัดความแรงของสัญญาณ รถที่ใช้ต้องเป็นรถกระบะมีหลังคาด้านหลัง ติดสติกเกอร์ของ IBC บันไดที่ใช้ต้องเป็นบันไดอลูมิเนียมแบบชักยืดได้ พนักงานต้องใส่เสื้อฟอร์มของ IBC ฯลฯ
มาตรฐานที่สูงนี้ทำให้การลงทุนต้องสูงตามไปด้วย แต่เราก็ตั้งใจทำอย่างเต็มความสามารถ กู้หนี้ยืมสินมาลงทุน เพราะเป็นธุรกิจแรกที่เป็นของเรา คือเปลี่ยนฐานะจากลูกจ้าง มาเป็นเจ้าของกิจการ และเราไม่อยากเจ๊งตั้งแต่เริ่ม
ธุรกิจก็ดูทำท่าจะไปได้ด้วยดี แต่ละวันมีลูกค้าของ IBC ที่สมัครเป็นสมาชิกเคเบิลทีวีพอสมควร และทาง IBC ก็คัดออกมาวันละ ประมาณ 100 กว่าราย เพื่อให้เราไปติดตั้ง จำนวนลูกค้า 100 กว่า รายนี้ก็ถูกแบ่งกันไปใน 4 Sub-Contract ซึ่งถ้าติดตั้งได้ IBC จะจ่ายให้รายละ 1,150.- บาท (ตอนนั้น IBC ยังไม่ได้รวมกับUTV เป็น UBC ยังใช้ระบบส่งคลื่น Microwave ทางอากาศ แบบ Line of Sight อยู่ ถ้าบ้านไหนโดนตึกสูงบังก็ไม่สามารถติดตั้งได้ โดยเฉพาะย่านสุขุมวิท และย่านที่มีตึกสูงๆ)
ซึ่งแม้ค่าใช่จ่ายจะสูง แต่งานที่มีมากทุกวันและค่าตอบแทนที่สูงพอสมควรก็ ทำให้เราทั้ง 4 บริษัทฯ อยู่ได้ แต่วันร้ายคืนร้ายก็เกิดขึ้น นายทักษิณกับภรรยา ได้เรียกทั้ง 4 บริษัทฯ เข้าไปพบเป็นรายบริษัท ผมได้เข้าไปพบคนทั้งสองนี้โดยลำพัง
นายทักษิณแจ้งกับผมว่า จะมี Promotion พิเศษ เป็น Hard Sales โดยทาง IBC จะรับปากลูกค้าว่าสมัครวันนี้จะติดตั้งให้เสร็จภายใน 7 วัน (ก่อนหน้านั้นต้องรอคิวนานพอสมควร) นายทักษิณคาดว่าจะทำให้มีสมาชิกสมัครเข้ามามากมาย คนทั้งสองอยากให้ผม (และ Sub-Contract รายอื่นๆ) รีบขยายงาน เพิ่มทีมติดตั้ง เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นแบบทะลักทะล้น เขาบอกกับผมว่า คุณภาวิทย์... เราจะโตไปด้วยกัน...”
เมื่อเป็นคำพูดจากปากนายทักษิณและภรรยา (ผู้มีอำนาจเต็ม) ของเขาก็เออออสอดคล้อง ผมจึงมีความเชื่อมั่น 100 เปอร์เซ็นต์ กลับจากพบคนทั้งสอง ก็เริ่มระดมทุน ขยายบริษัท เพิ่มทีมติดตั้ง จาก 8 ทีม เป็น 20 ทีม เพิ่มรถกระบะและซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือมากมาย หวังว่าจะโตไปพร้อมกับตระกูล “ชินวัตร” (แต่ภายหลังปรากฏว่า ตระกูลชินวัตรนั้นโตจริงๆ...แต่ผม...โตแต่ หัวคือเป็นหนี้ หัวโต!!!!)
แต่ไม่ถึงสองอาทิตย์ ก็เหมือนฟ้าฝ่าลงมา ปรากฏว่า IBC เพิ่ม Sub-Contract โดยไม่บอกพวก Sub-Contract เก่า ให้รู้ตัวล่วงหน้าเลย จาก 4 Sub-contract ที่มีกลายเป็น 25 Sub-Contract ในทันที
ลูกค้าที่กะว่าจะทะลักเข้ามาอย่างมากมายก็ไม่ได้เป็นไปตามที่ IBC คาดการณ์ ลูกค้าก็ยังมีเท่าๆเดิม คือ 100 กว่ารายต่อวัน งานที่เคยแบ่งกันไปติดตั้ง 20 กว่ารายต่อ Sub-Contract ต่อวัน ก็เหลือแค่ 3-4 รายต่อวัน
ซ้ำร้าย ยังโดนหักคอ โดยการลดค่าติดตั้งลงจาก 1,150 บาท ต่อราย เหลือเพียง 750 บาทต่อรายเท่านั้น
และมาตรฐานของทีมติดตั้งของ Sub-Contract ใหม่ก็ต่ำลงอย่างน่าใจหาย จากที่เคยบังคับให้มีรถกระบะ มีบันไดอลูมิเนียม และ Field Strength Meter ก็เหลือแค่มอเตอร์ไซค์กับบันไดไม้ไผ่และทีวีเล็กๆ (Family TV 7 นิ้ว) ไว้เช็คภาพเท่านั้น สรุปก็คือ ทั้ง 4 Sub-Contract เดิม ต้องปิดตัวลงอย่างรวดเร็วเพราะปริมาณงาน แต่ค่าติดตั้งที่ได้รับ น้อยเกินไปเมื่อเทียบกับการลงทุนที่สูง และต่อมาก็ได้ทราบว่า Sub-Contract ใหม่อีก 20 กว่าบริษัท ก็ต้องปิดตัวลงด้วย เพราะแม้ว่าต้นทุนจะต่ำกว่า แต่ปริมาณงานและค่าติดตั้งเพียงแค่นั้นไม่สามารถจะทำธุรกิจต่อไปได้
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ผมจึงขอเข้าพบนายทักษิณ เพื่อขอความกระจ่างในเรื่องที่เพิ่ม Sub-Contract ทีเดียวจาก 4 Sub-Contract เป็น 25 เพิ่มขึ้น 6 เท่า ปริมาณงานก็ลดลงกว่า 600 เปอร์เซ็นต์ และค่าติดตั้งยังลดลงอีก 30 กว่าเปอร์เซ็นต์ อีกทั้งจะขอความเห็นใจจากเขา ที่บอกให้เราไปเพิ่มทีมติดตั้งที่มีมาตรฐานสูง แต่กลับไปรับ Sub-Contract ใหม่ที่ไม่ระบุคุณสมบัติใดๆมีเพิ่ม ทำให้ผมขาดทุนไปกว่า 2 ล้านบาท แต่ผลปรากฏว่า นายทักษิณและภรรยา ไม่ยอมให้ผมเข้าพบ ไม่ว่าจะขอเข้าพบกี่ครั้ง โดยไม่แจ้งเหตุผลใดๆ เรียกว่าหลบหน้าไปเฉยๆ
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ผมทราบดีถึงความหลอกลวง ปัดความรับผิดชอบและขาดความเห็นใจต่อ Business Partner ไม่คำนึงถึงเพื่อนร่วมงานว่าจะประสบชะตากรรมอย่างไร
สนใจแต่การบรรลุถึงจุดประสงค์ของตัวเอง ถ้าจะถามผมว่า เขาผิดหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่าเขาไม่ผิด เขาไม่ได้โกงผม เขาแค่หลอกผมให้ลงทุนเพิ่มเพื่อขยายบริษัท แล้วก็หักหลังผมและ Sub-Contract เก่าอีก 3 รายโดยการเพิ่ม Sub-Contract ใหม่ทีเดียว 6 เท่าตัว และหักคอพวกเราโดยการลดค่าติดตั้งโดยไม่แจ้งล่วงหน้าและไม่ให้เหตุผลใดๆ
แน่นอนการกระทำเช่นนี้ไม่ใช่การโกง แต่ที่สำคัญในความคิดของผม เขาขาดจริยธรรมในการทำธุรกิจ คนๆนี้ไม่สนใจถึงวิธีการและความสูญเสียของคนรอบข้าง
ขอเพียงให้ได้มาซึ่งความบรรลุถึงวัตถุประสงค์ เขาทำได้ทุกอย่าง ดังที่คนจีนเปรียบเปรยไว้ว่า เหมือนกับการปีนป่ายขึ้นสู่ที่สูงโดยการเหยียบย่ำไปบนกองซากศพผู้อื่น (จะเรียกว่าเป็น “ผู้กล้า”ได้อย่างไร)
เขาเที่ยวป่าวประกาศว่า เขาไม่ใช่นักการเมือง เขาไม่ได้เล่นการเมือง เขาเป็นนักธุรกิจ เขาเพียงอาสานำความรู้ความสามารถเข้ามารับใช้ประชาชน ณ วันนั้น ผมบอกกับเพื่อนๆว่า เขาบอกว่าเขาเป็นนักธุรกิจ เขายังไม่มีจริยธรรมในการทำธุรกิจเลย เขาจะมีจริยธรรมทางการเมืองได้อย่างไร
ลองพิจารณาดูถึงคุณสมบัติของคนๆนี้ และจากที่ท่านได้ยินมาจากที่อื่น ได้โปรดตรองดูว่า
เรื่องการซื้อเครื่องบิน “ไทยคู่ฟ้า” ไว้ใช้สำหรับตัว
เรื่องการคอรัปชั่น ในโครงการใหญ่ อาทิ เรื่อง CTX ที่สนามบินหนองงู่เห่า
เรื่องการซุกและซิกแซกหุ้น (ทำให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย)
เรื่องการแทรกแซงสื่อ คุณบุญยอด สุขถิ่นไทย พิธีกรและผู้ประกาศข่าว ของช่อง 3 ซึ่งเผลอพูดถึงนายทักษิณแรงไปหน่อย ก็ถูกเด้งไปเรียบร้อยแล้ว ในรายการข่าววันใหม่ เมื่อก่อนมีให้ผู้ชมร่วมแสดงความคิดเห็นผ่าน SMS เข้ารายการ ก็ยกเลิก SMS ไปแล้ว เพราะมีแต่คนถามว่าคุณบุญยอดหายไปไหน!?!?)
เรื่องการแทรกแซงองค์กรอิสระอื่นๆ (หรือแม้กระทั่ง การซื้อด้วยเงิน)
เรื่องการผลักดันให้แปรรูปรัฐวิสาหกิจเป็นบริษัท เพื่อตัวเองจะได้เขาไป Take over
เรื่องการขายสมบัติของชาติ (วงโคจรดาวเทียม) ขายสื่อ (ITV) ฯลฯ ให้ต่างชาติ
เรื่องถือโอกาสยุบสภาหนีการอภิปรายของสภาร่วม สส. และ สว.
เรื่องคำพูดที่เชื่อถือไม่ได้ กลับกลอก วันนี้พูดอย่าง วันหน้าพูดอีกอย่าง ทำอีกอย่าง
https://matemnews.com/News/76536
เรื่องเจรจาการค้า FTA กับหลายชาติที่ประเทศเราเสียเปรียบหมด ทั้งชาตินี้และชาติหน้า (แต่บริษัทของนายทักษิณ รวมทั้งบริษัทญาติมิตรและคนใกล้ชิดได้ผลประโยชน์
เรื่องการฮั้วกับพรรคเล็กๆ ให้มาลงสมัครผู้แทน สร้างหลักฐานปลอมว่าสังกัดพรรคการเมืองมาแล้วไม่น้อยกว่า 90วัน
และข้อหาอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งนายทักษิณไม่เคยออกมาตอบคำถามของฝ่ายต่อต้าน หรือแก้ตัวเลย (เพราะหาเหตุผลมาตอบไม่ได้) ดีแต่พูดบ่ายเบี่ยงประเด็น และตอบไม่ตรงคำถาม
เพื่อนๆลองพิจารณาดูฝ่ายต่อต้านนายทักษิณ ซึ่งประกอบด้วยบุคคลจากหลายหลายอาชีพ ทั้ง ครูบาอาจารย์ นิสิตนักศึกษา นักวิชาการ นักธุรกิจ ข้าราชการ อดีตทหารและอดีตตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ดารา นักร้อง พิธีกร ผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้ทรงคุณวุฒิในบ้านในเมือง ต่างมีความเห็นตรงกัน
ฝ่ายสนับสนุน มีกี่คนที่รู้ว่า เกาะ British Virgin เขามีไว้ทำอะไร ?
มีกี่คนที่รู้ว่ากลุ่มธุรกิจเทอมาเซ็กนั้นเป็นใครมาจากไหน ?
กี่คนที่เข้าใจว่าการเสียวงโคจรดาวเทียมไปให้ต่างชาตินั้นมันมีผลร้ายอย่างไร ?
การที่ให้ต่างชาติมาเป็นเจ้าของ Free TV เข้ามามีอิทธิพลกับสื่อของเรานั้นจะเสียหายอย่างไร ?
ที่มา. https://medinfo.psu.ac.th/pr/WebBoard/readboard.php?id=8038