วันนี้ขอตัดสินใจที่จะเป็นลูกที่อกตัญญูบนทางเดินที่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป…

ขอพื้นที่ให้ได้ระบายและปลดปล่อยตัวเอง จากทุกเรื่องราวร้ายๆด้วยนะคะ
อาจจะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และยาวสำหรับใครๆ ซึ้งที่ผ่านมา เรื่องทั้งหมดเราไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง ชีวิตจริงมันยิ่งกว่าละคร ถ้าทำเป็นละคร ก็คงจะละครน้ำเน่าดีๆนี้เอง จนวันนี้เรื่องราวทั้งหมดของเรา ทำให้เราป่วยซึมเศร้า จนไปเป็นซึมเศร้าเรื้อรัง แล้วไปหยุดอยู่ที่ไบโพล่า เริ่มเข้าสู่ภาวะประสาท ป่วยทางจิตและคิดทำร้ายผู้อื่น จนอาจจะกลายเป็นฆาตกรเลยก็ได้ เพราะเก็บไว้คนเดียว...

  พ่อเราตายตั้งแต่เรา 4 ขวบ พอพ่อเราตาย แม่เราแต่งงานใหม่ แม่เราทิ้งเราให้อยู่กับปู่ย่า ถามว่าตอนนั้นลำบากไหม ก็ลำบาก แต่ท่านทั้งสองก็รักเรามาก ดูแล สั่งสอนเรามาอย่างดี แต่แล้ววันหนึ่ง แม่เรากลับมารับเราให้ไปอยู่บ้านกับแม่และพ่อเลี้ยง ตอนนั้นอยู่ชั้นป.6 อายุ 12 ปี บ้านพ่อเลี้ยงกับแม่เราดำรงชีพด้วยการพนัน  ก็ดีแหละตอนนั้น ถือว่าทุกคนก็รักเรา ร่วมทั้งญาติๆของพ่อเลี้ยงด้วย อาจจะเพราะตอนนั้นเราเป็นเด็กดีด้วยในส่วนนึ่ง จนเราขึ้น ม.1 อยู่มาวันหนึ่ง แม่เกิดตั้งท้องขึ้นมา และในคืนที่แม่ออกไปเล่นการพนัน แม่ฝากเราไว้กับลูกพี่น้องซึ้งเป็นผู้ชาย ที่โตกว่าเราสัก7ปี ซึ้งในคืนนั้น เค้าคิดไม่ดีกับเรา พยายามจะทำมิดีมิร้ายเรา แต่เราร้องไห้ยกมือไหว้เขา แล้วเราบอกว่าเราเห็นเค้าเป็นพี่ชายจริงๆอย่าทำอะไรเราเลย จากวันนั้นเราเก็บเสื้อข้าวของกลับไปหาย่าซึ้งเรากลัวมาก และไม่ได้พูดให้ใครฟังอีกเลย แม่ตามเรากลับบ้าน ทั้งด่าว่า จนย่าเราขอว่ายังไงเค้าก็แม่ เราต้องเรียนหนังสือ กลับไปอยู่กับแม่เถอะ ให้เรากลับไปเลี้ยงน้องซึ้งกำลังจะคลอด สุดท้ายเรา ต้องเป็นคนเลี้ยงน้องและดูแลน้องตั้งแต่คลอด ใจนึงก็กลัว และอยู่ด้วยความหวาดระแวงมาตลอด นอนไม่เคยหลับสนิท หลับๆตื่นๆเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย แต่รู้สึกโล่งอกว่าพี่เค้าไม่อยู่ เข้าไปเรียนในเมือง ซึ้งวันนั้นแม่ใช้เราไปเอาของบ้านป้า ซึ้งเราไม่อยากไปและก็ด่าทอเรา จนเราต้องไป เราเข้าไปในบ้านป้าเผื่อจะเอาของ สรุปวันเลวร้ายของเราก็มาถึง คือในวันนั้นผู้ชายคนนั้นอยู่ที่บ้าน และไม่มีใครอยู่บ้าน เราตกใจมากทำอะไรไม่ถูก พูดว่าเรามาเอาของ เตรียมหันหลังเตรียมจะวิ่ง สรุปคือเราถูกดึงแขน ปิดปาก เราขัดขืนจนสุดกำลังแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จบด้วยการถูกข่มขืนแล้วมันก็บอกเราว่า ถ้าพูดเรื่องนี้กับใครกูจะฆ่า (จำคำพูดและน้ำเสียงหรือการทำมาจนถึงทุกวันนี้) เรารีบวิ่งกลับบ้านแล้วแบบอยู่นั้นนอนร้องไห้เหมือนคนตายทั้งเป็น รีบเก็บเสื้อผ้าไปหาย่า ไปนอนกอดย่าแล้วร้องไห้ทุกคืน ย่าคิดแค่ว่าเราทะเลาะกับแม่ เพราะที่ผ่านมา แม่เราโมโหร้าย ด่าทอรุ่นแรง ทุกวัน ซึ้งตอนนั้นย่าได้ย้ายมาอยู่กับน้า(ลูกสาวคนเล็ก) แม่กับพ่อเลี้ยงตัดสินใจพากันย้ายไปหาดใหญ่ ซึ้งทิ้งเราไปโดยไม่ให้เงินสักบาท ไม่ส่งเสีย ณ เวลานั้นเราก็ขอน้าว่าให้เราอยู่ด้วยเถอะ ให้เราทำอะไรก็ได้ ซึ้งน้าขายผักอยู่ในตลาดสดตอนเช้าในทุกๆวันหลังเลิกเรียน ต้องหาของหาผักมาขาย กว่าจะได้นอน 5ทุ่ม เที่ยงคืน ตื่นตี3ทุกวัน ไปตลาดขายของ 6โมงเช้ากลับบ้าน แลกกับเงิน 40 บาทเพื่อไปโรงเรียน จากคนที่เคยสดใสร่าเริง กับกลายเป็นคนชีวิตมืดมน ไม่ค่อยพูด บ้านน้าอยู่ใกล้ป่าช้า ตอนเย็นไปนั่งร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ในป่าช้าทุกวันเพราะน้อยใจชีวิตตัวเอง เกือบเรียนไม่จบเพราะไม่รู้เรื่องสมองคือเบลอๆเอ๋อๆไปเลย จนเราจบ ม.3 น้าเราบอกว่าส่งเสียไม่ได้นะ เพราะน้าก็มีลูกอีก2คน แล้วแม่เราก็กลับมาบอกให้เรากลับบ้านเถอะ ด้วยความที่อยากเรียนต่อ สุดท้ายคือที่ให้กลับเพราะไม่มีใครดูแลน้อง เราเลยขอเรียนต่อได้ไหม แม่เราตอบแค่ว่า กูไม่มีเงิน จะเอาปัญญาที่ไหนส่งเรียน ในเวลานั้น เราซึ้งอายุ 15 ปี ต้องกลับมาเจอฝันร้ายอีกครั้ง คือผู้ชายคนนั้นกลับมาในเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้าน ซึ้งเราอยู่กลับน้องสาวแค่2คน ซึ้งน้องได้จะ2ขวบ ข่มขู่เราว่าถ้าไม่ยอม อย่าลืมนะว่าไม่ได้มีแต่ที่เป็นผู้หญิงและหันหน้าไปหาน้องเรา เราจึงต้องยอม จบด้วยคำที่ว่า ถ้าบอกใครกูจะฆ่า จนสุดท้ายเราทนไม่ไหว เก็บเสื้อผ้า ครั้งนี้เอาจริงคือออกจากบ้านไปแล้วไม่ต้องกลับมาอีก แต่แม่เรากับด่าเราว่ามันอี่เด็กใจแตก อีลูกนอกคอก ครั้งนั้นเราปล่อยโฮเลยตัดสินใจบอกความจริงทุกอย่าง ว่าเราอยู่ที่บ้านหลังต่อไปไม่ได้แล้ว เราถูกข่มขืน พ่อเลี้ยงเราโมโหมากถึงกลับเอาปืนจอกระบานผู้ชายคนนั้นว่าทำกับลูกกูได้ยังไง แต่สุดท้ายเรื่องทุกอย่างจบไปด้วยเงิน ไม่มีการดำเนินคดี แม่เราเลือกเงิน เราถือกระเป๋าออกจากบ้าน ตัดใจสู้ชีวิตอยู่ข้างนอก หางานทำ พอทำงานมีเงิน แม่เราก็ขอเงินเรื่อยๆ เพราะด้วยความที่ติดพนันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีเงินให้ก็จะไม่พอใจ เป็นลูกต้องให้เงินพ่อแม่ จนเราได้ที่ดินจากพ่อ ขายที่ใช้หนี้ให้แม่ในส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งสร้างบ้านเล็กๆทิ้งไว้ให้เราในที่ดินของพ่อเลี้ยง ที่ผ่านมาก็มีแต่ปัญหาเรื่อง เงินๆทองๆให้เราตามแก้ตลอด ขายที่ดินทั้งแม่ทั้งพ่อเลี้ยงไปทีนิด จนมีแต่หนี้สิน ที่เราไม่เคยจะช่วยไหว จนเราไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ไปด้วย ตั้งแต่เล็กจนโตเราไม่เคยสร้างปัญหาใดๆให้เลย มีแต่ที่บ้านคอยสร้างแต่ปัญหาให้เราตามเช็ดตามล้าง เคยเข้าสู่โลกสีเทาเป็นผู้หญิงขายตัวเพื่อช่วยที่บ้าน แต่พอมาคิดๆดู ต้องขายเท่าไหร่ถึงจะพอกับครอบครัวที่ติดพนัน แต่ทุกครั้งที่แม่ต้องการเงิน เราก็ต้องทำแล้วเอาเงินให้แม่ กลับถึงห้องก็นอนร้องไห้ด้วยความที่รู้สึกรังเกียจตัวเอง แต่ตัดใจทำจริงๆจังๆไม่ลง เพราะเรารังเกียจเรื่องเซ็กไปแล้ว ถามว่าที่ผ่านมามีแฟนไหม ก็มีบ้าง แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน เพราะด้วยความที่เรากลายเป็นผู้หญิงเย็นชา รังเกียจเรื่องเซ็กผู้ชายเลยไม่ทน จนเราได้เจอกับแฟนคนปัจจุบัน (เค้ารับรู้เรื่องของเราทั้งหมด รับในสิ่งที่เราเป็นได้) รักในสิ่งที่เราเป็น ถือได้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นสิ่งดีๆในชีวิตเรา ทำให้เราได้ใช้ชีวิตในแบบเดินบนทางที่ถูกต้อง ทำแต่สิ่งดีๆจนมารู้ว่าพ่อเลี้ยงเราป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสุดท้าย เราเลยกลับบ้านไปดูแลพ่อ จนพ่อยกที่ดินให้แม่เรา ในวันนั้นเราพูดกับพ่อว่า พ่อรู้ใช่ไหมว่าเราไม่ใช่ลูกของพ่อจิงๆ ถ้ายกที่ดินตรงนั้นให้แม่ เท่ากับเราก็มีส่วนที่จะได้ พ่อก็บอกรู้ แล้วตั้งใจจะให้เรากับน้อง เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย แล้วท่านก็รู้แล้วว่าเราเป็นคนดีจะไม่ทิ้งครอบครัวแน่นอน และอย่าทิ้งน้อง สุดท้าย พ่อเลี้ยงก็เสีย โดยที่เงินจากการตายทั้งหมด ใช้หนี้ทั้งหมดและแม่เราก็สัญญาว่าจะเลิกเล่นพนัน จากนั้นย่าเราก็มาล้มป่วยซึ้งเราก็ไปหาย่าทุกวัน วันนั้นย่าพูดกับเราด้วยความอิดโรยว่า ย่าขอโทษที่เลี้ยงเราและสั่งสอนให้เราเป็นคนกตัญญูรักครอบครัว ถ้าย่าสอนให้เราเห็นแก่ตัวสักนิดก็คงไม่มีใครมาเอาเปรียบกับชีวิตเราได้ แล้วย่าเราก็จากไป มารู้อีกที คือแม่เราติดพนันเหมือนเดิน จนไม่สามารถใช้หนี้เค้าได้และด้วยน้องสาว สอบติดมหาลัย แต่ไม่มีเงินแม่พูดคำเดิมว่าจะเอาปัญญาที่ไหนส่งมันเรียน เหมือนฉายภาพตัวเองซ้ำ จนแม่ตัดสินใจขายที่ดินพื้นสุดท้ายที่ครอบครัวเรามีอยู่เพื่อที่จะใช้หนี้ วันนั้นเราปิดประตูห้องร้องไห้ แค่คิดว่าไหนๆชีวิตกูไม่เคยจะมีอะไรอยู่แล้ว แต่ไม่เคยคิดเลยว่าต้องขนาดนี้ จำคำพูดของแม่ได้ดีเลยว่า ที่ดินผัวกูทิ้งไว้ให้ พ่อก็ผัวกู อยากได้เหมือนกูก็ต้องหาแบบกู วันนั้นตัดสินใจ พูดแบบหยาบๆเลยว่า เป็นแม่คนคิดได้แค่นี้หรอ เราก็บอกให้ออกไปจากชีวิตเราเถอะ น้องถ้าไม่เอาเราเลี้ยงมันเอง สุดท้ายแม่ทิ้งน้องไว้ให้เราจิงๆแล้วกลับไปอยู่บ้านเกิด เราเลยเช่าบ้านอยู่กันสองคนพี่น้อง ส่งเสียให้น้องเรียนหนังสือ สุดท้ายเรียนได้แค่ปีเดียว บอกไม่ไหวขอออกไม่อยากเป็นภาระ จนแม่ก็ติดมาและก็มีปัญหาเรื่องเงินๆทองๆอีก ไม่จบไม่สิ้น อยู่มาวันหนึ่งเราปวดหัวมาก นอนไม่หลับมา2วัน หมอบอกว่าถ้ามาช้าอีกนิด เส้นเลือดในสมองแตกแน่ๆ จนหมอดูอาการเราผิดปกติตรงที่ว่าอยู่ดีๆ ความดันเราขึ้นสูง แต่ขึ้นแบบเรื่อยๆไม่มีลด นอนดูอาการได้สองวัน หมอจับใจความได้ว่าทุกครั้งที่แม่เราโทรมาความดันเราจะขึ้นตลอด ไม่มีทีท่าว่าจะลด หมอเลยถามว่ามีเรื่องเครียดกับบางเรื่องใช่ไหม ปรึกษาหมอได้นะถ้าคุณเป็นแบบนี้อาจจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกหรือเป็นโรคประสาทได้นะ หมอแนะนำให้เราไปคุยกับจิตแพทย์ดีไหม เผื่ออาการทั้งหมดของคุณเป็นจะที่จิตใจ ตัดสินใจอยู่สองวัน  เข้าหาหมอโรงพยาบาลสวนปรุง  เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้คุณหมอฟัง ว่าเรานอนไม่หลับมาเป็น10ๆปี ทุกๆวันนอนวันละแค่3ชั่วโมง อยู่กันคนเยอะๆไม่ได้ มือไม้สั่น กลัวทุกสิ่งทุกอย่างกลัวผู้คน คุณหมอถามว่า ตอนนี้คุณอายุ 33ปีแล้ว คุณใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องทั้งหมดมาได้ยังไง โดยที่ไม่คิดทำร้ายตัวเองหรือคิดฆ่าตัวตาย เพราะเรื่องราวของคุณทั้งหมด จากที่หมอฟังถ้าเป็นคนอื่นคงเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองไปนานแล้ว ในหลายๆครั้งและหลายๆเหตุการณ์ และคุณหมอให้กำลังใจว่า...คุณอย่าโทษตัวเอง ว่าไม่สมควรที่จะเกิดมา จงอย่าโทษตัวเองว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นความผิดของคุณเพราะเรื่องทั้งหมดมันไม่ใช่ความผิดของคุณ และจงจำไว้ว่า คุณคือผู้ถูกกระทำ เรื่องราวของคุณ หมอขอบันทึกไว้เพื่อทำการรักษาต่อไปและอยากรู้ว่าคุณมีวิธีรักษาตัวเองอย่างไรและ คุณใช้วิธีไหนเยี่ยวยาจิตใจ ให้คุณอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ในขณะที่คุณป่วยมานานขนาดนี้…คุณหมอขอชื่นชม คุณเก่งมากแม้ว่าในชีวิตของคุณคุณจะเจอเรื่องร้ายแรง หรือปัญหามากแค่ไหนคุณยังสามารถใช้ชีวิตได้ดี และ ยังเป็นคนดี สามารถใช้ชีวิตทุกย่างก้าวอย่างมีสติ และสู้กับมันมาได้จนถึงทุกวันนี้คุณคือคนเก่งค่ะ สรุปได้ผลวินิจฉัยโรคว่าเราเป็นผู้ป่วยเป็นซึมเศร้าและผันตัวไปเป็นซึมเศร้าเรื้อรัง เริ่มป่วยตั้งแต่ อายุ13 จนถึงวันนี้เป็นระยะเวลา20กว่าปี หมอนัดดูอาการทุกเดือนๆจนเข้าสู่ภาวะอารมณ์สองขั้ว และคนที่เป็นชนวนทั้งหมดในตอนนี้แล้วทำให้เรารู้แย่และดิ้งลงลึกก็คือแม่ของคุณ หมอบอกให้เราตัดสินใจทิ้งแม่เราเถอะ ทิ้งน้องและทิ้งทุกอย่างตรงนี้ เพราะทุกคนสร้างแต่ปัญหาทำตัวเป็นภาระ ไม่เคยช่วยเหลือตัวเอง หมอรู้ว่าคุณมองน้องสาวของคุณ เหมือนมองเห็นตัวเองในอดีต และคุณตัองการให้ความรักให้น้องคุณได้สิ่งที่คุณไม่เคยได้รับ แต่ทุกคนเบารอบตัวคุณ ไม่เคยมีใครรักคุณจิง แม้กะทั้งน้องคุณเองก็ตาม ทุกคนเห็นคุณเป็นแค่เครื่องผลิตเงินและยังมีประโยชน์ และคุณก็ใช้เงินเพื่อซื้อความรักจากครอบครัวที่ไม่เคยเห็นค่าของคุณเลย ตอนที่หมอพูดเราถึงกับน้ำตาไหล ซึ้งมันเป็นจิงแบบที่หมอพูดทั้งหมด และคนที่ทำให้คุณมีลมหายใจได้จนถึงทุกวันนี้ก็คือแฟนของคุณ เค้ามอบความรักที่แท้จิงให้กับคุณ นั้นคือสิ่งที่เยี่ยวยาคุณ (ใน ขณะเดียวกันถ้าไม่มีเค้าคุณก็พร้อมจะจากไปพร้อมกับเค้าทันที)เพราะเค้าคือเหตุผลเดียวที่ทำให้คุณยังอยู่บนโลกใบนี้ หมออยากให้คุณหายไป ออกห่างจากคนพวกนี้ให้ไกลเพื่อไปรักษาตัวเองให้ดี ถ้าคุณยังเลือกที่จะให้คนเหล่านี้อยู่ในชีวิตคุณสุดท้ายคนที่จะจบชีวิตก็คือตัวคุณเอง คนซึมเศร้าทั่วไปยังสามารถเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นได้ แต่คุณไม่เคยเรียกร้องจากใคร และไม่คิดจะเรียกร้องด้วย หมอกลัวว่าจะเกิดเหตุร้าย ซึ้งภาระทางอารมณ์คนแบบคุณจะคิดจากไปแบบไวๆและเงียบๆคนเดียว สิ่งที่หมอกลัวที่สุดคือ เราอาจจะฆ่าแม่ ฆ่าน้อง เราฆ่าตัวเอง ซึ้งก็เคยคิดจะทำจริงๆ แต่สุดท้ายแล้วในเมื่อเราเป็นถึงขนาดนี้ แม่เรายังสร้างปัญหาเหมือนเดิม ไม่เหลืออะไรแล้วแม้แต่บ้านที่อยู่ แม่เราก็ยังเรียกร้องแต่เงิน และกลับไปเล่นพนันเหมือนเดิม เราคงเลือกที่จะปล่อยและเป็นลูกที่อกตัญญูสักครั้งหนึ่ง แล้วถ้าวันไหนเราหายดีแล้วเราพร้อม เราจะกลับมา  ขอบคุณที่อ่านจบ....พิมผิดประการใดขอโทษด้วยนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่