กรณีหลวงปู่แสง มีคลิปยูทูป สาวกเรียกอาจารย์ติดตามกันหลายคน ลงคลิปว่า พระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะไม่หลงลืม มีความจำดี (เห็นแล้วสลดสังเวชมาก)
เฟื่อเขาจะผ่านมาเห็น เป็นถึงผู้นำสาวกลัทธิ (ผมเรียกลัทธิใบลานล่ะกัน) มีคนติดตามมากมายออกมาตัดสินพระผู้ปฏิบัติเพียงเพราะแยกแยะไม่ออกระหว่างสัญญาขันธ์(ความทรงจำ) กับสติ(สัมมาสติ) แล้วก็ไปยกคำสอนพระพุทธเจ้าว่า พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะไม่หลงลืมสติ ไงล่ะ พากันตีความผิดๆ คือดันไปเหมารวมเอา สัมมาสติในมรรค กับ สัญญาในขันธ์5 เป็นอันเดียวกัน แล้วก็กล่าวหาประมาณว่า ถ้าพระอรหันต์แท้ๆต้องเป็นผู้ไม่หลงไม่ลืม
แล้วทำคลิปออกมาให้ความรู้กับสาวกแบบสุภาพเสียงนิ่มนวล แต่เนื้อความที่พูดนั้นสำหรับผมดูแล้วไม่ต่างอะไรกับหมอปลาเลย คือปรามาสท่านเหมือนกันฟังแล้วอย่างกับกล่าวหาว่าท่านเป็นพระปลอม แล้วก็เอาสัญญาขันธ์มาชี้วัดความเป็นพระแท้???
พระพุทธเจ้าสอนว่า สัญญาไม่เที่ยงก็คือความจำไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยงก็คือสมองไม่เที่ยง(เสื่อมได้ฝ่อได้) แต่สตินั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยเป็นอีกสิ่งหนึ่ง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าปฏิบัติด้วยการคิดนึกเอาตามประสาจากตำราที่อ่านมา แต่ไม่เคยลงมือทำให้ถึงจุดของมัน แบบที่พระป่ากรรมฐานเขาทำกันจริงๆจังๆ
สตินี้มีได้ตลอดไม่ได้เกี่ยวกับความจำ มีสติอยู่ได้แม้แต่ลืมทุกสิ่งในสามโลกนี้ ลืมกระทั่งชื่อตนเอง ลืมทุกอย่างได้หมด แต่สติไม่หายไปไหน รู้อยู่ เห็นอยู่ เด่นสว่างอยู่ สติปรากฏชัดใน "ปัจจุบัน" ไม่มีกาลไม่มีเวลามาเกี่ยวข้อง มันคนละอย่างกันกับความทรงจำ เข้าใจนะครับ??
เอาอย่างนี้ล่ะกัน ถ้าคิดว่าเป็นพุทธแท้ ยึดเอาเฉพาะคำสอนในพระไตรปิฏกเท่านั้น ไหนลองค่อยๆหาคำตอบหน่อยสิว่า
ถ้าเชื่อว่าพระอรหันต์จะต้องเป็นผู้ไม่หลงลืม ไม่เป็นอัลไซเมอร์ งั้นก็เท่ากับว่าสำนักนี้ทั้งสำนัก มีความเห็นว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต้องมี "สัญญาเที่ยง"

ความจำดีไม่มีลืม) ต้องมี"รูปเที่ยง"

สมองไม่ฝ่อ) ถึงจะเป็นพระอรหันต์ได้ ความคิดแบบนี้มันขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้าไหม? สัญญาเที่ยง กับ รูปเที่ยง
ถ้าพระพุทธเจ้ามานั่งอยู่ตรงหน้าในสำนักเวลาทำพิธี ฝากถามพระพุทธเจ้าด้วยนะว่า ในขณะที่ยังไม่จบกิจของสมณะ ความจำ(สัญญา) สมอง(รูป) สติ(วิญญาณตัวโมหะ) เป็นสิ่งเดียวกันไหม?
สาเหตุที่วิญญาณไม่หายไปไหนเหมือนสัญญา ก็เพราะมันหายไปแว๊บเดียวแล้วเกิดมีใหม่ติดๆต่อๆกันถี่ยิบๆๆๆจนนับภพไม่ถ้วนจึงเข้าใจกันว่ามันไม่หายไปไหนจนกลายเป็นตัวเราไง ขนาดความจำมันลืมไปแล้วแต่สติมันยังรู้อยู่ว่าลืมเลย เอากะมันสิ สติมันยังรู้เลยว่าคิดอะไรไม่ออก เอาสิ นี่แหล่ะ สติ มีได้ตลอดไม่หายไปไหนถ้าฝึกมากพอ ถ้าพ้นจบกิจแล้วจริงๆจะมีสติรู้อีกแบบที่เหนือทุกสิ่งจนเอามาตั้งเป็นชื่อว่า พุทธะ (ผู้รู้) เหนือสติผู้รู้แบบฝั่งโมหะ
ที่พระพุทธเจ้าสอน ท่านหมายถึง พระปฏิบัติดีจะไม่หลงลืมสติทุกเวลา แต่ไม่ใช่ไม่หลงลืมสัญญา ตีความกันเสียใหม่
พระพุทธเจ้าบอกว่า มีแก้ว 3 ประการ คือ 1)พระพุทธพวกคุณก็นับถือแล้ว 2) มีพระธรรมพวกคุณก็ยึดพระไตรปิฏกยิ่งชีวิตแล้ว และ 3) มีพระอริยะสงฆ์ ไหนล่ะพระอริยะสงฆ์ หามาสักรูปสิมีไหม? หรือมีแต่ในอดีตหลายพันปีแล้ว นับถืออยู่สองอย่างพระถึงข้อพระสงฆ์ตัดทิ้งเลยเชื่อใจใครไม่ได้นึกถึงพระปัญจวัคคีย์แทนล่ะกัน?? ปัจจุบันนี้ไม่มีพระอริยะเจ้า แสดงว่าทั้งชีวิตมีแค่พระพุทธกับพระธรรม แค่ 2 อย่าง ไม่ครบ 3 ไตรสรณคม ยุคนี้ถ้าตัวเองไม่ได้เป็นพระอริยะคนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้หรือมีก็ไม่เชื่อใจว่าของจริงของปลอม
ขอให้เลี้ยวเรือกลับจากทะเลขึ้นฝั่งคืนทั้งคณะเลยนะครับ ระหว่างพายเรือกลับก็ภาวนา สติอย่าง สัญญาอย่าง สติอย่าง สัญญาอย่าง เอาจนกว่าจะเห็นเป็นคนละอย่างกัน ไม่เหมามารวมกันได้ แยกธาตุแยกขันธุ์ได้ ค่อยสมกับเป็นพุทธแท้
กรณีหลวงปู่แสง เอาความจำมาตัดสินชี้ว่าใครเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
เฟื่อเขาจะผ่านมาเห็น เป็นถึงผู้นำสาวกลัทธิ (ผมเรียกลัทธิใบลานล่ะกัน) มีคนติดตามมากมายออกมาตัดสินพระผู้ปฏิบัติเพียงเพราะแยกแยะไม่ออกระหว่างสัญญาขันธ์(ความทรงจำ) กับสติ(สัมมาสติ) แล้วก็ไปยกคำสอนพระพุทธเจ้าว่า พระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบจะไม่หลงลืมสติ ไงล่ะ พากันตีความผิดๆ คือดันไปเหมารวมเอา สัมมาสติในมรรค กับ สัญญาในขันธ์5 เป็นอันเดียวกัน แล้วก็กล่าวหาประมาณว่า ถ้าพระอรหันต์แท้ๆต้องเป็นผู้ไม่หลงไม่ลืม
แล้วทำคลิปออกมาให้ความรู้กับสาวกแบบสุภาพเสียงนิ่มนวล แต่เนื้อความที่พูดนั้นสำหรับผมดูแล้วไม่ต่างอะไรกับหมอปลาเลย คือปรามาสท่านเหมือนกันฟังแล้วอย่างกับกล่าวหาว่าท่านเป็นพระปลอม แล้วก็เอาสัญญาขันธ์มาชี้วัดความเป็นพระแท้???
พระพุทธเจ้าสอนว่า สัญญาไม่เที่ยงก็คือความจำไม่เที่ยง รูปไม่เที่ยงก็คือสมองไม่เที่ยง(เสื่อมได้ฝ่อได้) แต่สตินั่นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันเลยเป็นอีกสิ่งหนึ่ง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าปฏิบัติด้วยการคิดนึกเอาตามประสาจากตำราที่อ่านมา แต่ไม่เคยลงมือทำให้ถึงจุดของมัน แบบที่พระป่ากรรมฐานเขาทำกันจริงๆจังๆ
สตินี้มีได้ตลอดไม่ได้เกี่ยวกับความจำ มีสติอยู่ได้แม้แต่ลืมทุกสิ่งในสามโลกนี้ ลืมกระทั่งชื่อตนเอง ลืมทุกอย่างได้หมด แต่สติไม่หายไปไหน รู้อยู่ เห็นอยู่ เด่นสว่างอยู่ สติปรากฏชัดใน "ปัจจุบัน" ไม่มีกาลไม่มีเวลามาเกี่ยวข้อง มันคนละอย่างกันกับความทรงจำ เข้าใจนะครับ??
เอาอย่างนี้ล่ะกัน ถ้าคิดว่าเป็นพุทธแท้ ยึดเอาเฉพาะคำสอนในพระไตรปิฏกเท่านั้น ไหนลองค่อยๆหาคำตอบหน่อยสิว่า
ถ้าเชื่อว่าพระอรหันต์จะต้องเป็นผู้ไม่หลงลืม ไม่เป็นอัลไซเมอร์ งั้นก็เท่ากับว่าสำนักนี้ทั้งสำนัก มีความเห็นว่าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต้องมี "สัญญาเที่ยง"
ถ้าพระพุทธเจ้ามานั่งอยู่ตรงหน้าในสำนักเวลาทำพิธี ฝากถามพระพุทธเจ้าด้วยนะว่า ในขณะที่ยังไม่จบกิจของสมณะ ความจำ(สัญญา) สมอง(รูป) สติ(วิญญาณตัวโมหะ) เป็นสิ่งเดียวกันไหม?
สาเหตุที่วิญญาณไม่หายไปไหนเหมือนสัญญา ก็เพราะมันหายไปแว๊บเดียวแล้วเกิดมีใหม่ติดๆต่อๆกันถี่ยิบๆๆๆจนนับภพไม่ถ้วนจึงเข้าใจกันว่ามันไม่หายไปไหนจนกลายเป็นตัวเราไง ขนาดความจำมันลืมไปแล้วแต่สติมันยังรู้อยู่ว่าลืมเลย เอากะมันสิ สติมันยังรู้เลยว่าคิดอะไรไม่ออก เอาสิ นี่แหล่ะ สติ มีได้ตลอดไม่หายไปไหนถ้าฝึกมากพอ ถ้าพ้นจบกิจแล้วจริงๆจะมีสติรู้อีกแบบที่เหนือทุกสิ่งจนเอามาตั้งเป็นชื่อว่า พุทธะ (ผู้รู้) เหนือสติผู้รู้แบบฝั่งโมหะ
ที่พระพุทธเจ้าสอน ท่านหมายถึง พระปฏิบัติดีจะไม่หลงลืมสติทุกเวลา แต่ไม่ใช่ไม่หลงลืมสัญญา ตีความกันเสียใหม่
พระพุทธเจ้าบอกว่า มีแก้ว 3 ประการ คือ 1)พระพุทธพวกคุณก็นับถือแล้ว 2) มีพระธรรมพวกคุณก็ยึดพระไตรปิฏกยิ่งชีวิตแล้ว และ 3) มีพระอริยะสงฆ์ ไหนล่ะพระอริยะสงฆ์ หามาสักรูปสิมีไหม? หรือมีแต่ในอดีตหลายพันปีแล้ว นับถืออยู่สองอย่างพระถึงข้อพระสงฆ์ตัดทิ้งเลยเชื่อใจใครไม่ได้นึกถึงพระปัญจวัคคีย์แทนล่ะกัน?? ปัจจุบันนี้ไม่มีพระอริยะเจ้า แสดงว่าทั้งชีวิตมีแค่พระพุทธกับพระธรรม แค่ 2 อย่าง ไม่ครบ 3 ไตรสรณคม ยุคนี้ถ้าตัวเองไม่ได้เป็นพระอริยะคนอื่นก็ไม่น่าจะเป็นได้หรือมีก็ไม่เชื่อใจว่าของจริงของปลอม
ขอให้เลี้ยวเรือกลับจากทะเลขึ้นฝั่งคืนทั้งคณะเลยนะครับ ระหว่างพายเรือกลับก็ภาวนา สติอย่าง สัญญาอย่าง สติอย่าง สัญญาอย่าง เอาจนกว่าจะเห็นเป็นคนละอย่างกัน ไม่เหมามารวมกันได้ แยกธาตุแยกขันธุ์ได้ ค่อยสมกับเป็นพุทธแท้