อยากขอคำปรึกษาและคำแนะนำในการทำงานจากทุกๆ ท่านหน่อยค่ะ เนื้อเรื่องยาวหน่อยนะคะ ขอขอบคุณล่วงหน้า
(คำถามอยู่ด้านล่าง)
ส่วนตัวเรียนจบ ปวส.สาขาการบัญชีมา อายุ 20-21ปี ปัจจุบันทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ตำแหน่งตรงตามกับสายที่เรียนมา ทำงานมาปีกว่าแล้วจนตอนนี้พบว่าตัวเองกำลังเจอปัญหายิ่งใหญ่เลยค่ะ เพราะว่าตอนนี้เรากำลังป่วยเป็นโรคทางจิตเวชโรคหนึ่ง ซึ่งแผนการรักษาตอนนี้คือทานยากับไปหาหมอตามที่นัด
แต่ก่อนช่วงทดลองงานพี่เลี้ยงสอนงานอะไรเราไม่รู้เรื่องเลย แต่เราผ่านมาได้เพราะว่าเราคอยสังเกตจากอะไรหลายๆอย่าง เงินเดือนที่ได้รับคือ 11,000บาท เป็นงานส่งเอกสารบัญชีทั้งหมด ปกติเราเป็นคนทำงานไวจึงว่างเป็นบางครั้ง พอเห็นพี่เลี้ยงทำงานไม่ทันเราเลยอาสาช่วย แต่กลายเป็นว่างานนั้นเป็นของเราเสียแล้ว ประมาณ 3-5งานได้ (พี่เขาทำงานช้า ติดเล่นเป็นประจำ จำเนื้องานไม่ได้ เลยอาจจะทำงานช้า)
ต่อมาเราได้รับงานจากหัวหน้าเพิ่ม เพราะเราเป็นคนทำงานไว ข้อผิดพลาดน้อย งานเรียลทามตลอดเวลา อีก 1-2งาน และผู้บริหารให้เงินเพิ่ม 1,000บาท เพราะเราต้องทำงานเรื่องต้นทุนเพิ่ม รวมเป็น 12,000บาท เราทำงานเงินเดือนเท่านี้มาตลอดจนกระทั่งมาต้นปี 65
แผนกของเรามีการแยกงานเอาไว้แล้ว เพราะเป็นงานเร่ง แน่นอนว่าเราทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายแล้วกำลังจะกลับไปเคลียร์งานประจำของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะเราต้องไปเคลียร์งานส่วนของพี่เลี้ยงด้วย (พอดีพี่เขากำลังจะแต่งงาน เลยใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเตรียมงานแต่ง) / และบริษัทยังรับระบบงานใหม่เข้ามาทำอีก กลายเป็นว่าทุกวันนี้เราทำงานสองขา มันเหนื่อยจริงๆนะคะ แต่หนักสุดคือเดือนที่พี่เลี้ยงลาไปแต่งงาน 10วัน เรานั่งทำงานของเขาเพราะงานเขามันต้องอัปเดตวันต่อวัน ไม่ได้ทำงานของตัวเองเลย
กลายเป็นว่าวันหยุดเราต้องมาทำOTแทน ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ เอาจริงๆ เราอยากพักผ่อนมากกว่าได้เงิน เพราะหักค่าเดินทางออกไปแล้วเงินที่ได้รับมันยังไม่คุ้มเท่าไหร่สำหรับเรา โชคดีที่ยังปิดเทอมอยู่ (เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเราเท่าไหร่เลย) แล้วช่วงหยุดสงกรานต์เขาเรียกเราให้มาทำงานระบบใหม่ให้เป็นปัจจุบัน มันเครียดและกดดันมากๆ เลยค่ะ
จากที่เราเป็นคนร่าเริงกลับกลายเป็นคนเงียบๆ กลับบ้านก็มานั่งกังวลกลัวงานไม่เสร็จ ร่างกายก็ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอเพราะเลิกงานดึกเกือบทุกวัน บางวันก็ขนงานกลับไปทำที่บ้านอีก นั่งต่อว่าตัวเองว่าทำไมงานไม่เสร็จ ทำไมทำงานช้า ทำไมไม่เป็นเหมือนแต่ก่อน มันรู้สึกแย่จริงๆนะคะ นอนร้องไห้ทุกวัน นอนไม่หลับ มาทำงานก็ล้า ล่าสุดเรามานั่งทำร้ายตัวเองเพราะเครียดกับการทำงาน
เราขอลาออกจากงาน แต่บริษัทก็ยื้อเราไว้ ว่าขอหาคนมาแทนที่ก่อนหรือเราต้องการเงินเพิ่มเท่าไหร่ก็จะจัดสรรและดูให้อีกทีว่าเขาสามารถให้เราได้ไหม (คุยกันให้เพิ่ม 2,000 ค่าวุฒิการศึกษากับค่าทักษะการทำงาน แต่ที่อื่นมีตามเราไปทำให้มากกว่านั้นอีก) ถามว่าสวัสดิการที่นี่ดีไหม ก็ดีนะคะ แต่ตอนนี้เราต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่า
พอหัวหน้ารู้เรื่องโรคที่เราเป็นเขาเลยไม่ยื้อเราให้ทำงานต่อ ถ้าเราจะออกก็ไม่ห้ามเพราะกลัวบริษัทรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว* แต่เราก็แอบเสียดายเหมือนกันเพราะว่ามันจะได้เงินเดือนที่เราคิดว่าเหมาะกับภาระงานแล้วแล้ว แต่ยังไงสุขภาพก็ต้องมาก่อน
*เพิ่มเติมนะคะ ทางผู้จัดการให้เรามาตัดสินใจอีกทีว่ายังสมัครใจที่จะทำงานต่อไหม เพราะเขายินดีที่จะเสนอให้ผู้บริหารเพิ่มเงินให้ในจำนวนที่เราคิดจะเรียกและเหมาะสมกับภาระงาน
คำถาม
1. ควรไปต่อหรือพอกับการทำงานแค่นี้ดีคะ (ทางบ้านให้เราตัดสินใจเอง แต่ตอนนี้เราไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย)
2. กรณีนี้เราควรหารายได้จากไหน เพราะถ้าเราออกทางบ้านบอกให้พักเรื่องงานไปเลยจนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่รายได้ของเราส่วนหนึ่งแบ่งมาให้คุณพ่อคุณแม่และค่าใช้จ่ายของบ้านด้วย
3. คิดว่าทางบริษัทจะช่วยเหลืออะไรเราเป็นบ้างรึป่าว
4. หากทำงานครั้งหน้าเราควรจริงจังกับงานและมีพฤติกรรมที่ดีแบบนี้ต่อไปดีไหม
5. เราควรจะปรับทัศนคติกับการทำงานยังไงไม่ให้ถูกเอาเปรียบ
วันนี้อยากขอคำปรึกษาและคำแนะนำในการทำงานจากทุกๆ ท่านหน่อยค่ะ
(คำถามอยู่ด้านล่าง)
ส่วนตัวเรียนจบ ปวส.สาขาการบัญชีมา อายุ 20-21ปี ปัจจุบันทำงานบริษัทแห่งหนึ่ง ตำแหน่งตรงตามกับสายที่เรียนมา ทำงานมาปีกว่าแล้วจนตอนนี้พบว่าตัวเองกำลังเจอปัญหายิ่งใหญ่เลยค่ะ เพราะว่าตอนนี้เรากำลังป่วยเป็นโรคทางจิตเวชโรคหนึ่ง ซึ่งแผนการรักษาตอนนี้คือทานยากับไปหาหมอตามที่นัด
แต่ก่อนช่วงทดลองงานพี่เลี้ยงสอนงานอะไรเราไม่รู้เรื่องเลย แต่เราผ่านมาได้เพราะว่าเราคอยสังเกตจากอะไรหลายๆอย่าง เงินเดือนที่ได้รับคือ 11,000บาท เป็นงานส่งเอกสารบัญชีทั้งหมด ปกติเราเป็นคนทำงานไวจึงว่างเป็นบางครั้ง พอเห็นพี่เลี้ยงทำงานไม่ทันเราเลยอาสาช่วย แต่กลายเป็นว่างานนั้นเป็นของเราเสียแล้ว ประมาณ 3-5งานได้ (พี่เขาทำงานช้า ติดเล่นเป็นประจำ จำเนื้องานไม่ได้ เลยอาจจะทำงานช้า)
ต่อมาเราได้รับงานจากหัวหน้าเพิ่ม เพราะเราเป็นคนทำงานไว ข้อผิดพลาดน้อย งานเรียลทามตลอดเวลา อีก 1-2งาน และผู้บริหารให้เงินเพิ่ม 1,000บาท เพราะเราต้องทำงานเรื่องต้นทุนเพิ่ม รวมเป็น 12,000บาท เราทำงานเงินเดือนเท่านี้มาตลอดจนกระทั่งมาต้นปี 65
แผนกของเรามีการแยกงานเอาไว้แล้ว เพราะเป็นงานเร่ง แน่นอนว่าเราทำงานได้สำเร็จตามเป้าหมายแล้วกำลังจะกลับไปเคลียร์งานประจำของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้ทำ เพราะเราต้องไปเคลียร์งานส่วนของพี่เลี้ยงด้วย (พอดีพี่เขากำลังจะแต่งงาน เลยใช้เวลาส่วนใหญ่กับการเตรียมงานแต่ง) / และบริษัทยังรับระบบงานใหม่เข้ามาทำอีก กลายเป็นว่าทุกวันนี้เราทำงานสองขา มันเหนื่อยจริงๆนะคะ แต่หนักสุดคือเดือนที่พี่เลี้ยงลาไปแต่งงาน 10วัน เรานั่งทำงานของเขาเพราะงานเขามันต้องอัปเดตวันต่อวัน ไม่ได้ทำงานของตัวเองเลย
กลายเป็นว่าวันหยุดเราต้องมาทำOTแทน ทั้งวันเสาร์และวันอาทิตย์ เอาจริงๆ เราอยากพักผ่อนมากกว่าได้เงิน เพราะหักค่าเดินทางออกไปแล้วเงินที่ได้รับมันยังไม่คุ้มเท่าไหร่สำหรับเรา โชคดีที่ยังปิดเทอมอยู่ (เรารู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับเราเท่าไหร่เลย) แล้วช่วงหยุดสงกรานต์เขาเรียกเราให้มาทำงานระบบใหม่ให้เป็นปัจจุบัน มันเครียดและกดดันมากๆ เลยค่ะ
จากที่เราเป็นคนร่าเริงกลับกลายเป็นคนเงียบๆ กลับบ้านก็มานั่งกังวลกลัวงานไม่เสร็จ ร่างกายก็ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอเพราะเลิกงานดึกเกือบทุกวัน บางวันก็ขนงานกลับไปทำที่บ้านอีก นั่งต่อว่าตัวเองว่าทำไมงานไม่เสร็จ ทำไมทำงานช้า ทำไมไม่เป็นเหมือนแต่ก่อน มันรู้สึกแย่จริงๆนะคะ นอนร้องไห้ทุกวัน นอนไม่หลับ มาทำงานก็ล้า ล่าสุดเรามานั่งทำร้ายตัวเองเพราะเครียดกับการทำงาน
เราขอลาออกจากงาน แต่บริษัทก็ยื้อเราไว้ ว่าขอหาคนมาแทนที่ก่อนหรือเราต้องการเงินเพิ่มเท่าไหร่ก็จะจัดสรรและดูให้อีกทีว่าเขาสามารถให้เราได้ไหม (คุยกันให้เพิ่ม 2,000 ค่าวุฒิการศึกษากับค่าทักษะการทำงาน แต่ที่อื่นมีตามเราไปทำให้มากกว่านั้นอีก) ถามว่าสวัสดิการที่นี่ดีไหม ก็ดีนะคะ แต่ตอนนี้เราต้องการเวลาพักผ่อนมากกว่า
พอหัวหน้ารู้เรื่องโรคที่เราเป็นเขาเลยไม่ยื้อเราให้ทำงานต่อ ถ้าเราจะออกก็ไม่ห้ามเพราะกลัวบริษัทรับผิดชอบเรื่องนี้ไม่ไหว* แต่เราก็แอบเสียดายเหมือนกันเพราะว่ามันจะได้เงินเดือนที่เราคิดว่าเหมาะกับภาระงานแล้วแล้ว แต่ยังไงสุขภาพก็ต้องมาก่อน
*เพิ่มเติมนะคะ ทางผู้จัดการให้เรามาตัดสินใจอีกทีว่ายังสมัครใจที่จะทำงานต่อไหม เพราะเขายินดีที่จะเสนอให้ผู้บริหารเพิ่มเงินให้ในจำนวนที่เราคิดจะเรียกและเหมาะสมกับภาระงาน
คำถาม
1. ควรไปต่อหรือพอกับการทำงานแค่นี้ดีคะ (ทางบ้านให้เราตัดสินใจเอง แต่ตอนนี้เราไม่กล้าตัดสินใจอะไรเลย)
2. กรณีนี้เราควรหารายได้จากไหน เพราะถ้าเราออกทางบ้านบอกให้พักเรื่องงานไปเลยจนกว่าอาการจะดีขึ้น แต่รายได้ของเราส่วนหนึ่งแบ่งมาให้คุณพ่อคุณแม่และค่าใช้จ่ายของบ้านด้วย
3. คิดว่าทางบริษัทจะช่วยเหลืออะไรเราเป็นบ้างรึป่าว
4. หากทำงานครั้งหน้าเราควรจริงจังกับงานและมีพฤติกรรมที่ดีแบบนี้ต่อไปดีไหม
5. เราควรจะปรับทัศนคติกับการทำงานยังไงไม่ให้ถูกเอาเปรียบ