JJNY : สาวโวยโดนขโมยรูป IO เชียร์ “สกลธีร์”│ยะลาหมูแพงมาก กก.ละ 230│"หมอธีระ"ย้ำอย่าหลอกตัวเอง│สวีเดนประกาศเข้าร่วมนาโต

สาวโวยโดนขโมยรูปไปใช้ทำ IO เชียร์ “สกลธีร์” ตามไปดูโพสต์ต้นทาง อือหือมีอีกเพียบ!
https://www.catdumb.com/thai-news/80685
 
 
ตอนนี้เรียกว่าเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงเลือดตั้งผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานครแล้ว ซึ่งผู้สมัครหลายรายก็ต่างหาเสียงกันอย่างคึกคัก
แต่ล่าสุดกลับมีเรื่องไม่น่าเชื่อเกิดขึ้น เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาเปิดเผยว่าตนถูกเอารูปไปใช้ทำ IO เชียร์ผู้สมัครรายหนึ่ง

เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โดยเธอบอกว่าถูกนำรูปไปใช้สร้างเฟซบุ๊กปลอม และมาคอมเมนต์เชียร์นาย สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครเบอร์ 3
ข้อความจากโพสต์ดังกล่าวเขียนไว้แบบนี้ 
 
“#เลือกตั้งกทม ไม่โกรธที่ปลอม แต่โกรธที่เอารูปหน้าฉันไปอวย #สกลธี อีบ้า!!
จับ io ได้คาโพสต์อวยเลยค่ะ คิดว่าในโพสต์นี้มีแต่ io ล้วน ดูจากแพทเทิร์นการพิมพ์ ไม่ค่อยโป๊ะเท่าไหร่
เพราะฉะนั้น ใครยังจะเลือก #สกลธี ก็ดูเอาน้าาา หน้าม้าเว่อ ถ้าดีจริงไม่ต้องจ้าง io จ้า ลำบากหน้าคนอื่นเค้า”

จากโพสต์ดังกล่าว ภาพ IO ที่เธอพบนั้นมาจากโพสต์ของแฟนเพจ WeVis ซึ่งเป็นข้อมูลการมีส่วนร่วมของแฟนเพจผู้สมัครเบอร์ต่างๆ
เมื่อลองไปดูในคอมเมนต์ของโพสต์ดังกล่าวก็พบว่า นอกจากเฟซปลอมที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนี้พบแล้ว ยังมีเฟซบุ๊กปลอมอีกมากมายที่คอมเมนต์เชียร์ผู้สมัครเบอร์ 3 ด้วยเหมือนกัน

โพสต์ต้นทางจากเพจ WeVis
(https://www.facebook.com/wevisdemo/posts/pfbid0UEEWbYVyVfMdtQQ8d5fruymux1ZptnBRYb9ZAyjVhWRann718YrLEAbtfZwxuTWRl)
 
IO หรือ Information Operations หมายถึงปฏิบัติการข่าวสาร เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับฝ่ายตนเอง ซึ่งที่ผ่านมาเรื่องนี้เคยถูกนำมาอภิปรายในสภาโดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. พรรคก้าวไกล ในเปิดโปงปฏิบัติการสงครามข้อมูลข่าวสาร (ไอโอ) ของกองทัพ
 
ภายหลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริงกระทรวงกลาโหม หรือ กอ.รมน.ไม่เคยมีนโยบายให้หน่วยต่างๆ ไปดำเนินการอะไรที่บิดเบือน หรือให้ร้ายกับบุคลหรือกลุ่มบุคคลใดๆ
 
การดำเนินการคือการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องให้ประชาชนได้รับทราบเพื่อให้เกิดความสงบสุขในสังคมไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
 
 
เรียบเรียงโดย #เหมียวเวจจี้
อ้างอิง  bangkokbiznews, posttodaypptvhd36
 

 
ยะลาหมูแพงมาก กก.ละ 230 คาดเร็วๆนี้ทะลุ 260 บาท
https://www.matichon.co.th/region/news_3346417
 
 
ยะลาหมูแพงมาก กก.ละ 230 คาดเร็วๆนี้ทะลุ 260 บาท
 
หมูปรับราคารับเปิดประเทศ ขยับทะลุ 230บาทต่อกิโลฯ ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืช ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะกระทบต่อทั้งผู้ขายปลีก โดยเฉพาะรายย่อย ร้านอาหาร ตลอดจนผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้นอีก
 
เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 65 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่พบว่าที่แผงหมูสดตลาดสดเทศบาลเมืองเบตง จ.ยะลา ล่าสุดพบราคาอาหารสดเริ่มปรับขึ้นตามคาดการณ์ โดยเฉพาะหมูสดวัตถุดิบหลักเริ่มปรับราคาขึ้นแล้ว พ่อค้าเปิดเผยว่าราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มตอนนี้เริ่มขยับจากสัปดาห์ที่แล้วจาก กก.ละ 104 บาท เป็น กก.ละ 110 บาทแล้ว เฉพาะในพื้นที่อำเภอเบตง จังหวัดยะลา
 
ส่งผลให้ราคาหมูชำแหละต้องปรับขึ้นตามไปด้วย โดยจากเดิมราคาหมูเนื้อแดงขาย กก.ละ 190 บาทก็ปรับขึ้นเป็น 230บาทต่อ กก. ส่วนหมูสามชั้นก็ปรับขึ้นจาก กก. ละ 190 บาทขึ้นเป็น 230 บาทและยังมีการคาดการณ์อีกว่า ราคาเนื้อหมูชำแหละ อาจจะพุ่งทะลุ 260 บาทต่อกิโลกรัมอีกไม่นานนี้ หากราคาน้ำมันเชื้อเพลิง อาหารสัตว์ ยังไม่ลดราคา
 
พ่อค้าแผงหมูสด บอกว่า ภายหลังเปิดประเทศยอดขายก็ไม่มากแต่ต้องรอดูไปอีกสัก2 – 3 เดือนเพราะขณะนี้เริ่มเห็นมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นหลังเปิดประเทศทำให้ยอดขายตามร้านอาหารเพิ่มขึ้นแต่ไม่มาก เพราะเพิ่งจะปิดด่านพรมแดนไทย – มาเลเซีย ซึ่งในช่วงนี้ทำให้ร้านอาหารต่างมีความต้องการเนื้อหมูมากขึ้น เมื่อก่อนชำแหละหมูมาจำหน่ายวันละ 2 – 3 ตัว ครึ่ง ตอนนี้เหลือ 1 ตัว เอาเพียงพอจำหน่ายและส่งลูกค้าประจำ หากทำมากก็จะเหลือ ขาดทุน หมูไม่สด อยากให้ทางรัฐบาลช่วยดูราคาอาหารสัตว์ โดยเฉพาะอาหารหมู เพราะเป็นทุน และที่ต้องดูเร่งด่วนก็คือราคาน้ำมัน เพราะมีการบวกค่าขนส่งจากนอกพื้นที่กิโลกรัมละ 4.50 บาท ต่อกิโลกรัม
 
ขณะที่ราคาวัตถุดิบอาหารอื่นๆ เช่น ผัก น้ำมันพืช ก็มีแนวโน้มปรับเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งจะกระทบต่อทั้งผู้ขายปลีก โดยเฉพาะรายย่อย ร้านอาหาร ตลอดจนผู้บริโภคที่มีค่าใช้จ่ายด้านอาหารต่อคนต่อเดือนเพิ่มขึ้นอีก ท่ามกลางภาวะที่ค่าใช้จ่ายด้านอื่น ๆ ก็เริ่มมีสัญญาณปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
 


"หมอธีระ"แนะ5ข้ออยู่ร่วมกับโควิด ย้ำอย่าหลอกตัวเองว่าปลอดภัยไร้กังวล
https://www.posttoday.com/social/general/683177

"รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์" แนะ 5 ข้อในการอยู่ร่วมกับโควิด เตือนอย่าหลอกตัวเองว่าปลอดภัยไร้กังวล ย้ำต้องใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ
 
เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 65 รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแสดงความเห็นถึงสถานการณ์ระบาดของเชื้อโควิด19 โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
16 พฤษภาคม 2565...
ทะลุ 521 ล้านไปแล้ว
 
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 310,275 คน ตายเพิ่ม 532 คน รวมแล้วติดไปรวม 521,144,746 คน เสียชีวิตรวม 6,288,226 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ไต้หวัน ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อิตาลี และเกาหลีใต้
 
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 6 ใน 10 อันดับแรก และ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก
จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 71.72 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 76.31
 
การติดเชื้อใหม่ในทวีปเอเชียนั้นคิดเป็นร้อยละ 49.25 ของทั้งโลก ส่วนจำนวนเสียชีวิตเพิ่มคิดเป็นร้อยละ 35.15
 
...สถานการณ์ระบาดของไทย
 
จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า
เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 8 ของโลก และอันดับ 4 ของเอเชีย
ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ถึงแม้กระทรวงสาธารณสุขจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนเสียชีวิตที่รายงานนั้นลดลงก็ตาม
ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานนั้นคิดเป็น 27.27% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย
 
...เปรียบเทียบเรื่องการเสียชีวิต
 
ณ ปัจจุบัน จำนวนเสียชีวิตรายวันต่อประชากรล้านคนของไทยเรานั้น ยังมีอัตราเฉลี่ยรอบสัปดาห์ (7 days rolling average) ที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั่วโลกและทวีปเอเชีย

และหากเทียบกับกลุ่มประเทศ upper middle income แล้ว เรายังสูงกว่า
 
อัตราการเสียชีวิตส่วนเกินจากทุกสาเหตุ (excess mortality rate) ณ 1 พฤษภาคม 2565 เปรียบเทียบกับปีก่อนหน้ามีการระบาด จะพบว่ายังสูงถึง 21%
 
...การอยู่ร่วมกับโรค COVID-19
 
1. ควรอยู่อย่างรู้เท่าทัน ใช้ความรู้ที่ถูกต้องเพื่อตัดสินใจประพฤติปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม เพื่อให้ตนเองและครอบครัวมีสวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิต
 
2. ประเมินความเสี่ยงในการใช้ชีวิต เลือกรับความเสี่ยงที่อยู่ในวิสัยที่ตนเองรับได้และจัดการได้ โดยไม่สร้างความเดือดร้อนแก่คนใกล้ชิด และคนอื่นในสังคม
 
3. ไม่หลงงมงาย แสร้งว่าสงครามโรคจบแล้ว ทั้งที่ไม่จบ
 
4. ไม่ว่าพื้นที่ใด ที่ไม่สามารถจัดการควบคุมป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็ย่อมส่งผลให้มีการระบาดที่รุนแรง ยาวนาน กระจายทั่วไปจนจับต้นชนปลาย หาต้นเหตุได้ยากนั้น สะท้อนถึงการที่พื้นที่ต่างๆ เป็นแดนดงโรค เป็นพื้นที่โรคชุกชุม ประจำถิ่นไปโดยปริยายแล้ว หาทางกำจัดออกไปได้ยาก
 
5. โรคประจำถิ่น ไม่ได้แปลว่าไม่อันตราย ไม่รุนแรง หรือกลายเป็นหวัดธรรมดา มีมากมายหลายโรคที่ประจำถิ่นทั่วโลก แต่ทำให้ป่วยหนัก เสียชีวิตได้มาก
"Please choose prudently to live with certain risks, but do not pretend the threat is gone"
 
เลือกดำรงชีวิตอย่างรู้เท่าทัน แต่อย่าเสแสร้งทำเป็นหลอกตัวเองว่าปลอดภัยไร้กังวล
 
...ส่วนตัวแล้ว แนะนำว่าการใส่หน้ากากอย่างถูกต้องสม่ำเสมอ คือหัวใจสำคัญในการประคับประคองให้อยู่รอด ลดความเสี่ยงในการดำรงชีวิตประจำวัน จนกว่าสถานการณ์ทั่วโลกจะดีขึ้น
 
โควิด...ไม่จบแค่หาย แต่ป่วยได้ ตายได้ และเสี่ยงต่อภาวะผิดปกติระยะยาวอย่าง Long COVID ได้
  
https://www.facebook.com/thiraw/posts/10224335615850495
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่